Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ภัยสังคมกับกฎแห่งกรรม
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
กงจักร
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 15 ต.ค.2005, 9:44 pm
ยุคสมัยนี้ มีภัยสังคมเกิดขึ้นใหม่มากมายหลายรูปแบบ โดยเฉพาะกับเหยื่อที่เป็นผู้หญิง ทำให้เกิดปัญหาคาใจว่า เมื่อเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นมาแต่ละครั้ง เราจะต้องคิดเสมอว่า มันเป็นกรรมเก่าของเหยื่อทุกครั้งไป อย่างนั้นเลยใช่หรือไม่ หรือว่าจริงๆแล้ว มันอาจจะเป็นกรรมใหม่ของผู้กระทำความผิดนั้นเองก็ได้
แล้วเราจะหาวิธีป้องกันภัยเหล่านี้ ให้แก่ตนเองและคนที่เรารักได้อย่างไร ในเมื่อผู้ที่ประพฤติตนดี ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง ก็ยังต้องตกเป็นเหยื่อมาแล้วนับไม่ถ้วน ส่วนคนที่เป็นเหยื่อเข้าแล้ว ควรจะมีวิธีคิดอย่างไร เพื่อไม่ให้ตนเองต้องเป็นทุกข์ทรมาน
ขอท่านทั้งหลาย ช่วยๆกันแสดงความคิดเห็น เพื่อจะได้เป็นประโยชน์แก่คนทั่วไปด้วย
-----------------------------------------------
ภัยทางอินเตอร์เนต คำสารภาพจากชายคนหนึ่ง
ตอนนี้ผมเพิ่งได้ลูกสาวมันทำให้ผมรู้สึกสำนึกบาปที่เคยทำกับน้องผู้หญิงคนหนึ่ง
ผมหวังว่าเรื่องที่ผมจะเล่านี้จะเป็นประโยชน์กับน้องๆ
ผู้หญิงนักแชตนะครับ
อย่างน้อยก็จะได้รู้จักธาตุแท้ของผู้ชายบางประเภทก่อนแต่งงาน
ผมกับแฟน (คนที่ผมแต่งงานด้วย) คบกันมานาน
เธอเป็นกุลสตรี ผมให้เกียรติเธอ
ไม่คิดจะล่วงเกินอะไรเธอจนถึงวันแต่งเพื่อรักษาความรู้สึกดีๆ
ที่มีให้กัน แต่ธรรมชาติของผู้ชายมันมีความต้องการ
ผมก็เลยหาเอาในเน็ตนี่แหละ
ผมรู้จักน้องนักศึกษาคนนึงในเน็ต คุยกันถูกคอมาก
และผมก็รู้สึกได้ว่าเธอรู้สึกอะไรๆ กับผมเหมือนกัน
จนในที่สุดเราก็นัดพบกัน
หลังจากพบกันก็สนิทกันมากขึ้นเพราะเธอก็รู้ว่าผมไม่ใช่พวกต้มตุ๋น
เพราะฐานะ การศึกษา หน้าที่การงานผมจัดว่าดี
ผมไม่ได้หลอกลวงเธอเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย
ผมบอกเธอด้วยว่าผมมีแฟนแล้วแต่เค้าก็ดูเหมือนไม่แคร์และมั่นใจในตัวเองมาก
ส่วนผมก็โอเคเพราะถึงเธอจะไม่ถึงกับใสซื่อบริสุทธ์แต่ก็ดูไม่ใช่พวกเด็กเที่ยวมั่วเซ็กซ์หรือขายตัวอะไรแบบนั้นเจอกัน
2-3 ครั้งผมก็บรรลุจุดประสงค์โดยความยินยอมของเธอ
มันเร็วกว่าที่คิดด้วยซ้ำ
จากนั้นเราก็มีอะไรกันมาเรื่อย
ผมยอมรับว่านอกจากเพื่อเรื่องอย่างว่าแล้วผมไม่ได้มีความรู้สึกรักชอบแบบแฟนกับน้องเค้าเลย
ทุกครั้งที่คุยกันหรือนัดกันก็เพื่อเรื่องอย่างว่าตลอด
แต่น้องเค้าคงเข้าใจผิดและมั่นใจไปเองว่าซักวันเราจะเป็นแฟนกันได้
เพราะเราเข้ากันได้ดีมากในเรื่องอย่างว่าและอีกอย่างผมมักจะแสดงความห่วงใยน้องเค้าตลอดเรื่องการเรียน
การคบเพื่อน การเที่ยวกลางคืน ซึ่งจริงๆ
แล้วผมถามถึงเพราะผมห่วงเรื่องความสะอาดของเค้า
กลัวเค้าจะไปมั่วกับคนอื่นแล้วเอาอะไรมาติดผม
ก็มีบ้างที่ผมปะเหลาะเค้าไปตามเรื่องเวลาเค้าน้อยใจเพราะกลัวเค้างอนแล้วไม่ยอมมีอะไรกับผม
แต่ผมก็ไม่เคยหลอกลวงเค้าหรือสัญญากับเค้านะว่ารักเค้าจะแต่งงานกับเค้า
ผมเคยบอกเค้าด้วยซ้ำว่าถ้าเจอคนที่ดีก็บอกผมได้
เพราะผมเองก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่ (แต่จริงๆ
แล้วเวลามีคนมาจีบเค้าแล้วเค้ามาปรึกษา
ผมก็จะพยายามถ่วงเวลาเค้าไว้ว่าให้ดูไปก่อน
ตินู่นตินี่ไปเรื่อย
เพราะผมกลัวว่าถ้าเค้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วผมจะอด)
จนในที่สุดผมกับแฟนก็มีแผนจะแต่งงานกันแน่นอน
ผมก็เริ่มตีตัวออกห่างจากน้องเค้า
ช่วงหลังน้องเค้าเคยถามนะว่าถ้าเค้าท้องจะทำยังไง
แต่ผมก็บอกเค้าไปว่าก็คงต้องเอาออกเพราะเค้าน่าจะรู้นะว่าผมไม่พร้อมกับเค้า
และผมก็เตือนเค้าให้ระวังเรื่องนี้มาตลอด
ผมไม่เชื่อว่าเค้าจะปล่อยให้เกิดขึ้น
(แต่ต่อให้จริงผมก็คงยืนยันแบบนี้
เพราะผมถือว่ามันเป็นข้อตกลงที่เราเข้าใจกันตั้งแต่แรก)
ผมก็ยังคงตีตัวออกห่างจนเลิกติดต่อไปในที่สุด
ผมอยากจะบอกน้องๆ นักแชตว่า
ถึงแม้ว่าน้องจะได้เจอกับหนุ่มที่คุยกันทางเน็ตแล้วรู้ว่าเค้าไม่ใช่พวกต้มตุ๋นหรือโรคจิต
มันก็ไม่ได้หมายความว่าน้องจะรอดพ้นจากอันตรายไปได้
ยิ่งเจอคนที่ดีพร้อม ก็อย่าคิดว่าถูกหวยหรือเป็นบุพเพ
น้องอาจกลายเป็นอีหนูปลอดเชื้อที่เค้าเอาไว้แก้ขัดชั่วคราวโดยไม่รู้ตัวก็ได้
---------------------------------------------
เตือนภัย .. เดินห้างระวัง
สืบเนื่องมาจากข่าวที่มีห้างดังแถวพระราม 4 ข่มขู่
ยัดเยียด ตบทรัพย์
รปภ.และแคชเชียร์ แก๊งโฉดในห้างสรรพสินค้า
ผมซึ่งมีโอกาสทำงานในห้าง---สาขามีนบุรี
ขอพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ให้สังคมได้รับรู้
และเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เพราะผมได้เจอะเจออยู่ทุกวัน
จนผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
ถ้าหากวันไหนไม่ได้เห็นการกระทำของห้างนี้จะแปลกมาก ๆ
ใหม่ ๆ ผมก็แปลกใจและสงสาร
แต่เดี๋ยวนี้เราต้องร่วมมือกับเขาด้วย
ไม่งั้นก็อยู่หรือทำงานที่นี่ไม่ได้
กลุ่มคนเหล่านี้จะทำกันเป็นทีม
คือมีคนที่เรียกตัวเองว่าสก็อต
ซึ่งคือพนักงานของทางห้างฯ แต่งกายทั่ว ๆ ไป
ไม่ได้แต่งเครื่องแบบ มีนาย--เป็นผู้จัดการทั่วไป
เป็นผู้ควบคุมดูแลและโต้โผการกระทำ
จะทำทีถือสินค้าชิ้นหรือสองชิ้นเดินไปเดินมา
แต่ตาจะคอยหาเหยื่อ จะมีทั้งผู้ชายและหญิง
ถ้าหากสังเกตดี ๆ
จะมีพวกเครื่องมือสื่อสารที่ตำรวจเขาใช้กัน
ต่อไปก็เป็นยาม พวกนี้จะมีทั้งชายและหญิง
ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ
ซึ่งจะมีบริษัทที่รับเข้ามาทำ จะต้องมีทหารยศสูง ๆ
พอสมควร พฤติกรรมจะเหมือนกัน
จะทำทีถือสินค้าเดินไปเดินมา แต่ตาจะคอยหาเหยื่อ
ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะมีมากเกือบทุกซอยหรือทุกหลืบของห้างด้วยซ้ำไป
และพนักงานแคชเชียร์ก็จะเป็นใจในการร่วมการกระทำครั้งนี้ด้วย
พฤติกรรมของคนเหล่านี้ คือ ถ้าเห็นผู้หญิงหน้าตาดี
จะทำทีเข้าไปขอค้นและเชิญตัวเข้าไปในห้องในสำนักงาน
เมื่อคุณถูกเชิญอย่างนั้น คุณต้องอับอาย
จนต้องเดินตามไปกับพวกเขา ถ้าหากไม่ตั้งสติให้ดี ๆ
คุณคือเหยื่อของพวกมัน เมื่อพาเข้าไปในห้อง จะมีพรรคพวก
3-4 คน หน้าตา
xxx
มเกรียมคอยขู่กรรโชกคุณตลอดเวลาว่า
คุณจะต้องเสียเงินเท่าไหร่ หากไม่ยอม
คุณจะถูกทำมิดีมิร้ายในห้องนั้นเลย
หรือบางทีทั้งสองอย่าง
และมีการถ่ายรูปไว้แบล็กเมล์คุณภายหลังก็มี
แล้วจะพาคุณออกไปทางข้างหลังห้าง
หรือไม่ก็พาคุณไปส่งที่อื่น ๆ ก็มี
นี่คือกรณีสำหรับผู้หญิง ส่วนผู้ชายหากไม่เห็นว่าผิดจริง
ๆ จะไม่กล้ายุ่งส่วนเด็ก ๆ
ถ้ามาคนเดียวหรือแยกตัวกับพ่อแม่ผู้ปกครองก็จะถูกยัดข้อหา
และเรียกปรับจากผู้ปกครองเป็นมูลค่ากว่า 20
เท่าของสินค้า
ส่วนเรื่องของพนักงานที่นี่
ถ้าหากคุณไม่ทำตามกฏระเบียบที่ตั้งไว้แล้วละก็
คุณจะกลายเป็นคนตกงานทันที
หรือไม่ก็จะกลายเป็นผู้ต้องหาทันทีได้เหมือนกัน
โดยที่ผู้ชายหาไม่ทำตามกฏหรือไม่ทำตามที่นายสั่งไว้แล้ว
จะถูกตั้งข้อหายักยอกทรัพย์หรือขโมยของได้ง่าย ๆ
ทั้งที่พนักงานไม่ได้ทำ
แต่พวกเขาจะแจ้งความและเอาพนักงานคนนี้ติดคุกให้ได้
โดยที่ตำรวจเป็นใจด้วยทุกครั้ง
หากเราจะไปแจ้งความจะถูกซ้อม
ชนิดที่ว่าไม่ต้องพูดอะไรได้
ต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มอย่างเดียว
และส่วนผู้หญิงหากคนไหนถูกใจนาย
ก็จะถูกเรียกไปพบที่ห้องส่วนตัวและหลาย ๆ คน
ถูกทำมิดีมิร้าย ซึ่งบางคนก็อายไม่กล้าบอกใคร
บางคนเพิ่งเข้ามาจากต่างจังหวัด
ทำงานเป็นครั้งแรกก็ไม่รู้จะทำไงได้
ได้แต่ยอมให้มันทำมิดีมิร้ายตามใจชอบ
บางคนจะยัดข้อหาให้เหมือนผู้ชาย คือ ยักยอกทรัพย์
หรือขโมยของ ซึ่งพนักงานไม่กล้าปริปากพูด
หากพูดมากจะโดนทำให้ตกงาน ใครทนไม่ได้ก็ต้องลาออก
บางคนยังเรียนอยู่ด้วย อนาคตเขาต้องพังทันที
เพราะพวกมันเสมอ บางทีสงสารเพื่อนพนักงานด้วยกัน
แต่พวกเราต้องกิน ต้องใช้
พวกเราทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองตาปริบ ๆ คือต้องทน
และทำตามที่เขาสั่งทุกอย่าง
-----------------------------------------------
มอมยาสาว...ด้วยโดมิคุ่ม
เค้าว่ากันว่าผู้หญิงน่ะรักแบบโรแมนติก(Romantic)
แต่ผู้ชายกลับมีแบบฉบับเชิงอีโรติก (Erotic)
อันนี้จริงไม่จริงอย่างไรนายแฉไม่ฟันธง
พิจารณากันเอาเองแล้วกันท่านแฟนานุแฟนทั้งหลาย
แต่
xxx
ที่จะมาเตือนกันวันนี้
มันสืบเนื่องจากอารมณ์อีโรติกของคุณผู้ชายทั้งหลายนั่นแล
สมัยนี้อาชญากรรมทางเพศเกิดขึ้นแทบทุกวัน
นี่ยังไม่นับจำนวนสาวๆ
ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศแล้วไม่กล้าแจ้งความเพราะความอาย
กลัวเสียชื่อเสียง
เรายังเห็นกันบนข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ต่างๆ
ทุกวี่ทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นการข่มขืนกระทำชำเรา
และอันว่าการข่มขืนกระทำชำเราก็มีหลายรูปแบบ เช่น
ข่มขืนทั้ง ๆ ที่เหยื่อยังมีสติ
แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่ใช้วิธีการที่นายแฉจะมาแฉวันนี้
นั่นคือการ มอมยา
อันนี้ยังไม่พูดถึงบรรดายาใต้ดินจำพวกยาปลุกเซ็กซ์แบบที่แอบขายกันในตลาดมืดนะ
เอาแค่ยาบนดินที่อย.รับรอง
ซึ่งใช้ในวงการแพทย์แบบถูกกฎหมายก็มีไม่หวาดไม่ไหว
ซึ่งหากพวกมิจฉาชีพหื่นกามทั้งหลายนำไปใช้ในทางไม่ดีล่ะส่งผลเสียหนักทีเดียว
แม้ว่ายาพวกนี้จะขายตามใบสั่งของแพทย์เท่านั้น
รวมทั้งมีกฎหมายห้ามร้านขายยาจำหน่ายยาประเภทนี้
แต่ก็ยังมีการลักลอบนำมาขายในราคาสูงเพื่อจุดประสงค์
ในการก่ออาชญากรรมโดยเฉพาะ
แหล่งข่าวที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศของเรากล่าวว่า
ถูกหลอกให้กินยาประเภทนี้
ทั้งในรูปแบบของการผสมกับแอลกอฮอล์และการหลอกให้กินโดยตรง
โดยอ้างว่าเป็นยาแก้หวัด ยาแก้เมา เป็นต้น
และส่วนใหญ่ที่โดน โดนจากการกระทำของคนใกล้ชิด เช่นแฟน
เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมสถาบันการศึกษา เพื่อนแฟน
เจ้านาย ตลอดจนเพื่อนข้างห้อง (กรณีอยู่อพาร์ทเม้นต์
คอนโด หอพัก) เป็นต้น
กี้ (นามสมมติ) สาวออฟฟิศวัย 25
กล่าวว่าเธอถูกแฟนของเธอเองข่มขืน
หลังจากที่ชายหนุ่มคนนั้นเฝ้าพากเพียรเวียนขอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอมาตลอด
2 ปีเต็มๆ ที่คบกัน แต่กี้มาจากครอบครัวหัวโบราณ
เธอปฏิเสธทุกครั้งที่แฟนขอนอนด้วย
ซึ่งหลายต่อหลายครั้งนำมาซึ่งการทะเลาะเบาะแว้งของทั้งคู่
แต่เธอก็ยอมให้แฟนหนุ่มสัมผัสภายนอกได้บ้าง เช่นการกอด
จูบ แต่ไม่มีการกระทำอื่น
จนสุดท้ายคืนหนึ่งหลังจากที่เธอและแฟนกลับมาจากงานเลี้ยงแต่งงานของเพื่อน
ซึ่งต่างคนก็ต่างดื่มมาจากงานบ้างพอหน้าตึงๆ
แฟนของเธอชวนเธอมาดื่มต่อที่อพาร์ทเมนต์ของเขา
โดยให้เหตุผลว่า พรุ่งนี้เป็นวันหยุดขอดื่มซักวัน
ซึ่งเธอก็ไม่คิดว่ามันจะเสียหายอะไร
แฟนเธอซื้อเบียร์ขึ้นไปอีก 4 ขวด
แล้วก็ชวนเธอดื่มด้วยกัน
แต่ก่อนที่จะดื่มเขาได้ส่งยาเม็ดสีฟ้าเล็กๆ
ให้เธอหนึ่งเม็ด บอกว่าเป็นยากันแฮงค์
ตอนเช้าจะได้ไม่ปวดหัว
ด้วยความที่เธอไว้ใจเขามากและไม่ได้คิดอะไร
ทำให้กี้ตัดสินใจกินยาเม็ดนั้นเข้าไป ไม่เกิน 5
นาทีหลังจากนั้น
เธอก็ไม่รู้สึกตัวอะไรอีกจนกระทั่งสายของอีกวัน
โดยที่มีแฟนหนุ่มเปลือยกายนอนกอดเธออยู่บนเตียง
ซึ่งตัวเธอก็ไม่ได้ใส่อะไรเช่นกัน
...หลายคนคงอยากรู้ว่าหลังจากที่แฟนหนุ่มของกี้มอมเหล้ากับยา
จนหญิงสาวหลับไม่รู้เรื่อง
และตื่นขึ้นมาพร้อมกับรับรู้ว่าตัวเองได้เสียท่าแฟนหนุ่มตัวแสบไปแล้ว
มันเป็นยังไงต่อไป กี้ก็คงเหมือนผู้หญิงทั่วๆ
ไปที่คิดว่าเสียแล้วก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้
นอกจากปล่อยเลยตามเลยโดยหวังว่าแฟนของเธอจะรับผิดชอบ
แต่หลังจากที่เธอ เสียท่า
ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนไปแล้ว
แต่กลับกลายเป็นว่าไม่นานนัก เขาก็ทิ้งเธอไป
โดยไม่สนใจที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นใดๆ ทั้งสิ้น
นายแฉเชื่อว่าคงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงหลายๆ
คน แต่คงจะไม่มีใครกล้าบอกเล่าหรือเอาเรื่อง
สังคมไทยยังเป็นสังคมของผู้ชายแม้ว่าจะเปิดกว้างเพื่อสิทธิของสตรีมากขึ้นก็ตาม
แต่ถ้ากี้ไปแจ้งความ คนที่จะโดนครหา ติฉินนินทา
ก็คือตัวเธอเอง
sorrow
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 20 ต.ค.2005, 11:29 am
รู้สึกแย่กับเรื่องเลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม แต่ก็ขอขอบคุณที่นำเรื่องเล่านี้มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อหาทางป้องกันตนเอง โดยเฉพาะคุณผู้หญิง
หากว่าเราทุกคนเชื่อในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เชื่อในกฏแห่งกรรม ดำรงตนในศีล 5 ก็จะไม่เกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้ในสังคม แต่คนในยุดล่วงเลยกึ่งพุทธกาลมาแล้ว ศีลธรรมก็ย่อมเสื่อมทรามลง คนจึงกล้าทำชั่วมากขึ้น
"ศีล" แปลว่า ปกติ คนที่ไม่มีศีล หรือสังคมปราศจากศีลธรรมจึงไม่ปกติ ดังที่เราเห็นๆ กันอยู่
"พึงละความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม และรักษาจิตของเราให้บริสุทธิ์"
ธรรมย่อมรักษาผู้รักธรรม
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th