Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
วิธีแก้กรรม
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2004, 11:21 pm
โดย สาระ
ปรับปรุง ๒๑ ก.ค. ๒๕๕๐
แก้วิบากกรรมด้วยสติปัญญา
เมื่อถึงช่วงที่ความทุกข์เข้าถาโถม
การแก้ไขพลิกฟื้นสถานการณ์ ดีกว่าการยอมทุกข์ทรมาน!
เตรียมพร้อม
พยายามมีสติอย่าเผลอ สำรวมระวังในอากัปกิริยาต่าง ๆ สม่ำเสมอเป็นนิสัย ได้แก่
๑) คิดดี
- ไม่ควรเชื่อความรู้สึกนึกคิดและทำตามนั้นทันที แต่ควรตรวจสอบความคิดก่อนพูดก่อนทำ ความคิดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น อยาก ไม่อยาก
ต้องการ จำเป็น ดีใจ ประทับใจ เหลิง ชื่นชม ชอบ ไม่ชอบ ง่วง จำได้ว่า เคยชิน เผลอ งง หงุดหงิด ใจร้อน ใจเย็น อารมณ์ชั่ววูบ หุนหันพลันแล่น
มุ่งมั่นตั้งใจ คิดที่จะเดินทาง ฯลฯ
- ระวังหลงทาง วิธีป้องกันการหลงทางมีหลากหลาย ผู้เขียนเองก็ยังชนะไม่ได้หมดทุกกรณี จึงเลือกเขียนบางส่วน คือพยายามรักษา
ความสนใจให้อยู่กับ เป้าหมายที่ต้องการ หนทางที่คิดไว้ดีแล้ว หรือกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน
- มีทัศนคติไม่เบียดเบียน
- คิดกำจัดจุดอ่อน และเพิ่มคุณค่าในตนเอง
- ตื่นตัว ตรวจสอบให้รู้เกี่ยวกับ งานหรือกิจกรรมที่ต้องติดตาม งานที่จะต้องทำ เวลาที่มีสำหรับงานที่กำลังทำอยู่ นัดหมาย หนี้สินที่ถึงกำหนดชำระ
ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบ
- ทำใจสงบ สบาย ๆ
๒) ติดต่อสื่อสารดี
- โดยปกติพูดน้อยไว้ดีกว่า การพูดน้อยทำให้รับข้อมูลข่าวสารทางหูทางตาดีขึ้น สติ ปัญญา และสมาธิในขณะนั้นดีขึ้น และลดโอกาสที่
เราจะเบียดเบียนหรือถูกเบียดเบียนด้วยคำพูด แต่เมื่อถึงเวลาต้องพูดต้องสื่อสารก็ควรพูด
- ก่อนจะพูดหรือเขียนข้อความถึงใคร ควรตรวจสอบคำพูดหรือข้อความของตน ว่าจะกระทบกับตัวเองและกับใครอย่างไร
- ตั้งใจฟัง เพื่อที่จะเข้าใจได้ถูกต้องขึ้น
- รับรู้สัญญาณเตือนภัยว่าจะมีปัญหาความเดือดร้อนเกิดขึ้น ยิ่งถ้าสัญญาณนั้นมาจากกัลญาณมิตรก็ควรหยุดคิดและปรับเปลี่ยนสิ่งที่กำลังจะทำ
- สังเกตวัตถุกรรมและสถานการณ์ที่ผิดปกติ ซึ่งจะได้อธิบายต่อไป
- สนใจผู้ใกล้ชิด เช่น สมาชิกในครอบครัว หรือผู้ที่เราดูแลรับผิดชอบ ว่าเขาเป็นสุขเป็นทุกข์อย่างไร
๓) ทำดี
- ทำตามหนทางที่คิดไว้ดีแล้วนั้น
- เผื่อเวลาสำหรับการเตรียมตัว การตรวจสอบ และการเสียเวลากับข้อขัดข้องที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ช่วงเวลาที่เรายังมีเวลา มีความสะดวกสบาย
และมีความสามารถที่จะทำอะไรต่ออะไรได้ ควรเร่งรีบทำให้บรรลุเป้าหมาย
- ทำความดี
- รักษาสุขภาพ ไม่ควรใช้ร่างกายมากเกินไป เพื่อรักษาประสิทธิภาพของสติปัญญา โอกาสเจ็บป่วยน้อย สุดท้ายก็จะไม่กระทบต่อความสำเร็จใน
การเรียนการทำงาน
- แต่งกายและดูแลบุคลิกให้เหมาะสม
- จัด ดูแล และเก็บรักษา สิ่งของสำคัญหรือสิ่งของที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ด้วยคำนึงถึงความปลอดภัยและความสะดวก
- รวมทั้งไม่ควรอยู่ที่ใดที่หนึ่งนาน
กระบวนการ
กระบวนการตอบแทนต่อผลกรรมดีและกรรมชั่วหรือในที่นี้เรียกสั้น ๆ ว่า "กระบวนการ"
กระบวนการหรือขั้นตอน มีโครงเรื่อง วัตถุกรรม และสถานการณ์
โครงเรื่องอาจจะยาวสั้นยากง่าย
วัตถุกรรมคือสิ่งที่เป็นเครื่องมือสำคัญ ประสานให้กระบวนการสมบูรณ์ วัตถุกรรมอาจจะเป็นรูปธรรมสามารถจับต้องได้ เช่น คน สัตว์ สิ่งของ
หรือนามธรรมจับต้องไม่ได้ เช่น ความรู้สึกนึกคิด เวลา คำสรรเสริญ ฯลฯ
วัตถุกรรมเป็นเส้นทางนำพาผู้นั้นไปสู่ความสุขหรือความทุกข์ในรูปแบบและระดับต่าง ๆ และเป็นบันไดเป็นโอกาสให้ผู้นั้นทำดีหรือทำชั่วต่อไปอีก
นอกจากนี้ ยังมีการเกิดขึ้นของสถานการณ์ทั้งแบบค่อยเป็นค่อยไปและแบบฉับพลันทันด่วน จนกระทั่งเหตุปัจจัยพร้อมสำหรับให้คนหรือสัตว์ใช้
ผลกรรม โดยที่มักจะไม่รู้ตัวล่วงหน้า หรือรู้ตัวแต่ก็หลีกพ้นยาก เพราะกฎแห่งกรรมมักจะเหนือกว่าคนฉลาด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมักชี้บอก
ให้เรารู้ว่าอะไรเป็นวัตถุกรรม
ดังนั้น การเห็นกระบวนการโดยเฉพาะวัตถุกรรมหรือสถานการณ์ จะช่วยให้จัดการกับกระบวนการได้ดีขึ้น
วัตถุกรรม
วัตถุกรรมมีพระไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) เป็นคุณสมบัติ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุกรรมแห่งความดีหรือความชั่ว
ดังนั้น การระบุวัตถุกรรมใดว่าเป็นดีหรือไม่ดีจึงไม่แน่นอน บางสิ่งต้นร้ายปลายดี ต้นร้ายปลายร้าย ต้นดีปลายร้าย ต้นดีปลายดี หรือปนเปสลับ
ไปมาตลอด
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไป วัตถุกรรมดีจะนำมาซึ่งความสำเร็จตามเป้าหมายอันดีงามยิ่ง หรือความสงบสุขของจิตใจ ส่วนวัตถุกรรมแห่ง
ความไม่ดีจะขัดขวางความสำเร็จตามเป้าหมายอันดีงามยิ่ง หรือเพื่อทำให้จิตใจไม่สงบสุข
เมื่อสังเกตเห็นวัตถุกรรมใดแล้ว
กับวัตถุกรรมแห่งความดี ไม่ควรยินดีจนเพลิน หรือย่อท้อต่ออุปสรรค ระวังเข้าใจผิดมองเป็นวัตถุกรรมร้ายไปเสียน่ะ
กับวัตถุกรรมแห่งความไม่ดี ควรระมัดระวังอารมณ์ มีสติ พยายามทำความเข้าใจ และจัดการด้วยปัญญา คำนึงถึงความเหมาะสม หลีกเลี่ยง
การตำหนิซ้ำเติม โดยไม่ลืมว่าสิ่งที่เราจะทำนั้นก็เป็นการสร้างกรรมใหม่ที่เราอาจจะต้องรับผลอย่างนั้นด้วยเหมือนกัน
ความคิด
ความคิดหรือการตัดสินใจของเรานั้น เป็นวัตถุกรรมที่สำคัญมากที่สุดสิ่งหนึ่ง ที่จะนำพาชีวิตของเราให้ไปในทิศทางใด โอกาสดี ๆ ถ้าความคิด
บอกว่าไม่ดี แล้วเราเชื่อ เราก็จะสูญเสียโอกาสที่ดีงามนั้นไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำอย่างไร? คำตอบคือยากที่สุดหากยังอยู่
ในช่วงที่จะต้องรับผลกรรม หรือจนกว่า ๑. มีกัลยาณมิตรผู้มีปัญญาดีและมีคุณธรรมดี มาช่วย และ ๒. ไม่ดื้อ ปรึกษาและรับฟังคำแนะนำจาก
กัลยาณมิตรเหล่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นที่สุดคือตนเองต้อง เพิ่มพูนปัญญา ละทิฐิ ละความเห็น มีปัญญาเหนือความคิดของตนเอง
ก็จะสามารถชนะได้เช่นกัน
นอกจากวิธี ๑. และ ๒. ที่กล่าวนี้ ยังมีวิธีอื่น ๆ อีกที่จะสามารถช่วย ให้ทุเลา หรือลดความเสียหาย เช่น การมีฝ่ายตรวจสอบ การทักท้วง
จากฝ่ายค้าน การมีภาระเพิ่มขึ้น เป็นต้น วิธีเหล่านี้เพื่อคานความคิด ซึ่งมักจะลดทอนความสุขในทางโลกและอิสระของผู้มีเคราะห์
ซ้ำยังอาจกระทบต่อความก้าวหน้าของส่วนรวมด้วย
มันมีเหตุ
ความดีและความชั่วเป็นเหตุให้เกิดกระบวนการชดใช้กรรม
การที่เราจะต้องพานพบและทุกข์เดือดร้อนเพราะใครนั้น มักจะมีวิบากกรรมเป็นเหตุให้เราเจอเขา แล้วมีปัญหากัน เดือดร้อนกันทั้งสองฝ่าย
ในหลายกรณีเขาไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกับเรา แต่เนื่องจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายมีอุปนิสัยหรือความรู้สึกนึกคิดในขณะนั้น หรือเหตุ-
ปัจจัยแวดล้อม พร้อมที่จะให้กระบวนการชดใช้กรรมเกิดขึ้น ดังนั้น การป้องกันไม่ให้เหตุปัจจัยครบถ้วนจนกระบวนการเกิดขึ้นจะเป็น
ความโชคดีของทั้งสองฝ่าย หรือถ้าเมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้วก็ควรจัดการด้วยความเหมาะสม ให้จบกระบวนการไปได้โดยไม่ติดใจเขา
อโหสิกรรม ไม่เคียดแค้น จะได้ไม่วุ่นวายใจ ไม่หนัก ให้มันจบที่เรานั้นดีหนอ
อย่างไรก็ตาม การอโหสิกรรมคือการที่จิตไม่คิดอาฆาต ยกโทษให้ ถ้ายกโทษให้ต้องยกให้จริง เมื่อเวลาผ่านล่วงเลยไปแล้ว ก็ไม่ควรพูดถึง
ไม่ควรเอ่ยชื่อเขา ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรเล่าให้ใครฟัง การเล่านั้นมักจะทำให้รื้อฟื้นเรื่องราวความรู้สึกเดิม ว่าเขาได้ทำกับเราอย่างนั้นอย่างนี้
จะทำให้ใจเราไม่สงบ นั่นก็ไม่ควรเล่า ประสบการณ์เหล่านั้นจะทำให้เราระวังตัวมากขึ้นโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกใครทำให้
เดือดร้อนแล้วไม่ต่อสู้ ไม่พูดออกมา หรือไม่บอกใคร ต่างไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกปัญหา
ถ้าเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง ก็ควรปกป้องตัวเองครอบครัวและผู้อยู่ในความดูแลรับผิดชอบ และแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้น
และอีกกรณีหนึ่ง เราอาจจะได้เจอะเจอกับผู้ที่เคยทำให้เราเดือดร้อน ก็ควรมีใจเป็นกลาง ไม่เกลียด และไม่ใกล้ชิดด้วยความประมาท
เผชิญวิบากกรรม
ขณะเผชิญกับปัญหาความเดือดร้อน ให้มีสติอยู่เสมอ ประคับประคองเพื่อให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ถ้าทำได้ให้ใช้ปัญญาคิดหาหนทางแก้ไขไปใน
เวลานั้นด้วย แล้วเรียนรู้ถึงความเจ็บปวด และจะไม่ทำกับใครอย่างที่ถูกทำ
ถ้าวิบากกรรมหนักหนาจนเหนื่อยล้าอ่อนแรง ให้พักผ่อน ทำให้ตัวเองมีกำลังกาย กำลังใจ เมื่อร่างกายมีพลังงานสดชื่นขึ้นมาบ้างแล้ว
จึงนำปัญหานั้นมาคิดแก้ไขด้วยปัญญา
วิบากกรรมบางอย่างมักเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็นระยะ ทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือเมื่อเผลอ ดังนั้นจึงควรคิดหาวิธีหลีกเลี่ยง ป้องกัน แก้ไข ซักซ้อม
ไว้ก่อนที่วิบากกรรมจะมารอบใหม่
วิบากกรรมบางอย่างเกิดขึ้นถาวรแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่เราต้องอยู่กับผลกรรมนั้น อาจจะใช้จิตจดจ่อพิจารณาอยู่กับผลกรรมนั้น
พิจารณาเพื่อให้เข้าใจพระไตรลักษณ์ โดยมีวิบากกรรมเป็นหลักฐานยืนยัน
สรุป
สติและปัญญาสำคัญ มีสติอย่าเผลอ ตื่นตัว ตั้งหลัก โดยเฉพาะก่อนกระบวนการชดใช้กรรมจะเกิดขึ้นอีกรอบ จะเป็นผลให้เราหลีกเลี่ยง
หรือเผชิญวิบากกรรมผ่านไปได้ และที่สำคัญต้องพิจารณาย้อนดูว่าสาเหตุมาจากเราทำกรรมอะไรไว้ จึงได้เป็นเช่นนี้ เมื่อรู้แล้วก็
ปรับเปลี่ยนปิดทางแห่งวิบากกรรมนั้นเสีย
.......... <br>
ข้อมูลจาก <br> <a href="http://www.hehasara.com" target="_blank">http://www.hehasara.com</a><br>
<br>
<img src="pic/b12.gif"> <br>
suvitjak
บัวบาน
เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
ตอบเมื่อ: 29 พ.ค.2008, 12:19 pm
ขอบคุณครับ
_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
กฎแห่งกรรม
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th