Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เสกมะม่วง อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2005, 9:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



77177717.jpg


นิทานชาดก อรรถกถา อัมพชาดกที่ ๑
ว่าด้วย มนต์เสื่อมเพราะลบหลู่อาจารย์


เหตุเกิดจาก...

พระเทวทัตกล่าวว่าเราเป็นพระพุทธเจ้า พระสมณโคดมมิใช่อาจารย์ ไม่ได้บวชให้เรา เมื่อกล่าววาจาเช่นนั้น ก็เสื่อมจากฌาน เมื่อเดินทางมากรุงสาวัตถี ก็ถูกธรณีสูบอยู่ภายนอกสวนเชตวัน ไปเกิดอยู่ในนรกอเวจี แม้ในกาลก่อนพระเทวทัตก็เคยกระทำเช่นนี้มาแล้ว ดังนิทานอดีตชาตินี้

ในอดีตกาลนานแสนนานมาแล้ว...

สมัยที่พระเจ้าพรหมทัตครองราชย์อยู่ที่กรุงพาราณสี มีตระกูลปุโรหิตตระกูลหนึ่ง ถูกเชื้ออหิวาตกโรคแพร่ระบาดตายแทบยกตระกูล มีเพียงบุตรชายคนเดียวที่รอดมาได้ จึงออกจากเรือนไปเรียนอยู่ที่ตักศิลากับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ เมื่อเรียนจบก็ออกท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ จนมาถึงหมู่บ้านจัณฑาล

ณ หมู่บ้านจัณฑาลนี้ มีชายผู้เฉลียวฉลาดอยู่คนหนึ่ง รู้วิธีการที่จะทำให้มะม่วงสามารถออกผลนอกฤดูกาลได้ เช้าตรู่ท่านก็จะออกจากบ้านไปยังต้นมะม่วงใหญ่ในป่า หยุดยืนอยู่ที่ระยะ ๗ ก้าว แล้วสาดน้ำไปยังต้นมะม่วงหนึ่งซองมือ แล้วใบแก่ๆ ก็ร่วงหล่นลงจากต้น ผลิใบอ่อน แล้วก็ออกดอก เมื่อดอกร่วงโรยผลมะม่วงก็โตขึ้น เมื่อสุกก็มีรสหวานอร่อยเหมือนมะม่วงทิพย์ ชายผู้ฉลาดก็เก็บมะม่วงนั้นมากินจนอิ่มหนำสำราญดีแล้วจึงเก็บใส่หาบไปขาย

บุตรชายปุโรหิต ขณะเดินชมตลาดก็เห็นมะม่วงนี้วางขายอยู่นอกฤดูกาลก็แปลกใจ รู้ว่าชายผู้นี้คงมีมนต์เป็นแน่ จึงแอบติดตามไป จนรู้จักบ้านแล้วก็เฝ้ารอจังหวะที่ชายผู้นั้นออกจากบ้านแล้วจึงเข้าไปที่เรือนแล้วแสร้งถามภรรยาท่านว่า

“อาจารย์ไปไหนรึขอรับ”

“เข้าไปในป่าจ๊ะ พ่อหนุ่มมานั่งรออยู่ที่นี่เถิด”

“ขอบคุณขอรับ ผมยืนอยู่ตรงนี้ได้ครับ” ว่าแล้วขายหนุ่มก็ยืนรออยู่ที่หน้าบ้าน

เมื่อเห็นจัณฑาลผู้ฉลาดกลับมาก็รีบเข้าไปรับหาบมะม่วง เอามาวางไว้ในบ้าน จัณฑาลผู้ฉลาดนั้นเมื่อเห็นชายหนุ่มก็รู้ทันที จึงพูดกับภรรยาว่า

“เธอจ๋า ชายหนุ่มผู้นี้ มาเพื่อต้องการมนต์ของเรา แต่เขาเป็นอสัตบุรุษ มนต์จะไม่อยู่กับเขา”

ส่วนชายหนุ่มนั้นคิดว่า ถ้าเราทำดีดูแลรับใช้ สักวันท่านคงจะให้มนต์แก่เรา จากนั้นมาชายหนุ่มก็ดูแลรับใช้ทำงานบ้านให้ทุกอย่าง

คืนหนึ่งจัณฑาลผู้ฉลาดก็บอกกล่าวว่า

“เธอเอ๋ย เธอจงไปหาอะไรมาหนุนเท้าเตียงสักหน่อยเถิด”

แต่ชายหนุ่มหาอะไรไม่ได้เลย จึงเอาเท้าเตียงวางบนขาตัวเองอยู่ตลอดทั้งคืน ครั้นต่อมาภรรยาของจัณฑาลคลอดบุตร ชายหนุ่มนั้นเกิดในตระกูลพราหมณ์จึงช่วยทำพิธีกรรมให้

ภรรยาเห็นความดีความชอบที่ชายหนุ่มอุตส่าห์พากเพียรปฏิบัติตลอดมาจึงกล่าวกับสามีว่า

“เธอจ๋า ชายหนุ่มผู้นี้เกิดมาในตระกูลดี แต่ยินยอมรับใช้เราที่เป็นจัณฑาล แม้จะเพียงเพื่อมนต์ก็ตาม ไม่ว่าต่อไปเขาจะรักษามนต์ไว้ได้หรือไม่ ท่านจงให้มนต์แก่เขาเถิด”

“จ๊ะ ถ้าเช่นนั้นฉันจะให้มนต์แก่เขา” ว่าแล้วก็เรียกชายหนุ่มมาแล้วบอกว่า

“พ่อหนุ่มเอ๋ย เราจะให้มนต์แก่เจ้า มนต์อันมีคุณค่ามหาศาล เมื่อเจ้าได้ไปแล้ว ได้ใช้ประโยชน์จากมนต์แล้ว เมื่อมีผู้ใดถามถึงมนต์นี้ ไม่ว่าจะเป็นพระราชาหรือมหาอำมาตย์ หากถามว่าใครเป็นอาจารย์ของเจ้า เจ้าจงบอกตามตรง หากเจ้าอายที่จะบอกว่าคนจัณฑาลเป็นอาจารย์ของเจ้าแล้วกลับบอกเป็น พราหมณ์ผู้ยิ่งใหญ่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่เจ้าแทน เมื่อนั้นมนต์ก็จะเสื่อม”

“ขอรับอาจารย์ ทำไมผมจะบอกไม่ได้เล่าว่าท่านเป็นอาจารย์ ในเมื่อท่านมีบุญคุณต่อผมถึงเพียงนี้ ผมแม้ไม่ได้อยู่ดูแลรับใช้อีกก็จะเทิดทูนอาจารย์อยู่เสมอ”

แล้วชายหนุ่มก็ลากลับกรุงพาราณสี จากนั้นก็ใช้มนต์นี้เสกมะม่วงขายจนร่ำรวย อยู่มาวันหนึ่งคนสวนของพระราชาไปเดินตลาด เห็นมะม่วงทั้งสวยทั้งน่ากินจึงนึกแปลกใจ

“เอ๊ะ นี่ไม่ใช่ฤดูที่มะม่วงจะออกดอกออกผลนี่น่า ไฉนจึงมีหนุ่มน้อยนี้มานั่งขายมะม่วงทั้งสวยทั้งน่ากินขนาดนี้ เราซื้อไปถวายพระราชาดีกว่า”

ผ่ายพระราชาเมื่อเห็นมะม่วงนอกฤดูกาลก็นึกแปลกใจ เมื่อได้เสวยแล้วก็ยิ่งแปลกใจเป็นอันมากจึงถามขึ้นว่า

“เอ๊ะ นี่ไม่ใช่ฤดูมะม่วงนี่ แต่มะม่วงนี้กลับทั้งหวาน อร่อยอย่างยิ่ง เจ้าไปได้มาจากไหนหรือ”

“กระผมซื้อมาจากชายหนุ่มผู้หนึ่งขอรับ มานั่งขายอยู่ที่ตลาด”

“ไปบอกเขาว่า ต่อไปให้นำมาขายที่นี่” พระราชาสั่ง

หลังจากนั้น ชายหนุ่มจึงนำมะม่วงเข้าไปขายในวังจนร่ำรวยมาก วันหนึ่งพระราชาก็ถามเขาว่า

“เจ้าหนุ่ม เจ้าเอามะม่วงมีแสนอร่อยนี้มาจากไหนหรือ ก็นี่มันไม่ใช่ฤดูกาลไม่ใช่รึ นาค ครุฑ หรือเทพเจ้าองค์ใดให้เจ้ามา หรือว่าเกิดจากมนต์”

“มิได้มีผู้ใดให้มาขอรับ แต่เกิดจากมนต์ขอรับ” ชายหนุ่มตอบ

“อืม เจ้าจะแสดงให้เราดูได้ไหม”

“ได้ขอรับ พรุ่งนี้กระผมจะแสดงให้ดูขอรับ”

แล้ววันรุ่งขึ้นทั้งหมดก็พากันไปยังอุทยานของพระราชา เลือกหาต้นมะม่วงที่สมบูรณ์ แข็งแรงต้นหนึ่ง หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เริ่มร่ายมนต์อันน่าอัศจรรย์ พระราชาจึงประทานทรัพย์ให้เป็นอันมาก แล้วถามว่า

“มนต์อันน่าอัศจรรย์นี้ เจ้าเรียนมากจากไหนหรือ”

แต่ชายหนุ่มอายที่จะบอกว่าตัวเองเรียนมาจากสำนักคนจัณฑาล คิดว่าเราสามารถใช้มนต์อันนี้คล่องแคล่วแล้ว มนต์คงไม่เสื่อมหรอก จึงบอกไปว่า

“กระผมเรียนมากจากสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ จากเมืองตักศิลาขอรับ”

เมื่อชายหนุ่มพูดออกไปอย่างนั้นก็เท่ากับดูถูกอาจารย์ของตน มนต์จึงเสื่อมไป วันต่อมาเมื่อร่ายมนต์อีกก็ไม่เกิดอะไรขึ้น พระราชาแปลกใจมากจึงถามว่า

“เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าหนุ่ม ทำไมวันนี้จึงไม่มีมะม่วงล่ะ “ ชายหนุ่มจำต้องยอมรับว่า

“กระผมได้มนต์มาจากคนจัณฑาลขอรับ ท่านได้กำชับว่า ถ้าหากใครถามถึงอาจารย์ให้ตอบไปตามตรงไม่เช่นนั้นมนต์จะเสื่อม แต่เมื่อวานกระผมผิดคำพูดที่ให้ไว้กับอาจารย์ มนต์จึงเสื่อมไปขอรับ”

พระราชาฟังแล้วก็โกรธมากจึงตำหนิเขาว่า

“คนเราเมื่อต้องการน้ำหวาน เมื่อได้น้ำหวานจากต้นไม้ใด ไม่ว่าจะเป็น ต้นละหุ่งก็ตาม ต้นสะเดาก็ตาม ต้นทองหลางก็ตาม ต้นไม้นั้นย่อมสำคัญที่สุด คนเราเมื่อรู้ธรรมจากผู้ใด ไม่ว่าตนผู้นั้นจะเป็นกษัตริย์ก็ตาม แพทย์ก็ตาม ศูทรก็ตาม หรือแม้แต่คนกวาดขยะ คนผู้นั้นก็จะยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเรา สำหรับเจ้าแม้ถือกำเนิดมาจากตระกูลพราหมณ์ แต่กลับดูถูกอาจารย์ที่เป็นคนจัณฑาล เราจะลงโทษเจ้า แล้วไล่เจ้าออกจากเมือง ไปหาอาจารย์ของเจ้า ไปทำให้ท่านพอใจ ถ้าเจ้าได้มนต์อีกจึงกลับมาได้ ไม่เช่นนั้น เจ้ามิต้องเหยียบย่างเข้ามาให้แผ่นดินนี้อีก”

ชายหนุ่มเมื่อถูกเฆี่ยนตีแล้วก็ถูกขับไล่ออกจากเมือง ก็กลับไปหาอาจารย์ เมื่อไปถึงก็กราบขอขมา

“อาจารย์ขอรับ ผมผิดไปแล้ว ผมโกหกว่าอาจารย์ของผมคืออาจารย์ทิศาปาโมกข์มนต์จึงเสื่อม ต่อไปผมจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว จะไม่โกหก ผมสำคัญผิดคิดว่าที่เสมอ แต่กลับตกหลุมตกบ่อ เหมือนคนตาบอด คิดว่าเชือก จึงเหยียบงู อาจารย์ให้อภัยผมเถิดนะขอรับ”

อาจารย์จึงบอกว่า

“ธรรมดาคนตาบอด เมื่อมีผู้ให้สัญญาณก็สามารถเดินหลบบ่อหลบหลุมได้ นี่เราก็บอกเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว เจ้าจะมาอ้อนวอนขออีกทำไมกัน ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อฟังคำครูบาอาจารย์ เจ้าจงไปเถิด เราจะไม่สอนเจ้าอีก”

เมื่อถูกอาจารย์ปฏิเสธ ชายหนุ่มจึงเดินโซซัดโซเซจากไป เดินเข้าไปในป่า ในที่สุดก็ตายอย่างอนาถ

ชายหนุ่มอกตัญญูในกาลก่อนก็คือ พระเทวทัต
พระราชาในกาลก่อน คือ พระอานนท์
ส่วนจัณฑาลผู้ฉลาด คือ เราตถาคตแล.


http://www.budnet.info/tri/CT_14umpa.php
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2005, 12:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุด้วยครับ



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
ไพศาล จารุเกษม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2005, 2:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีประโยชน์มาก จัดทำรูปแบบได้น่าสนใจ มีสาระที่ยอดเยี่ยม เข้าเยี่ยมชมครั้งแรก

ขะขอติดตามตลอดไป
 
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2008, 12:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ ยิ้ม
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง