Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ไม่หลงกล...
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 26 ส.ค. 2005, 3:44 pm
รินใจ
Kids & Family ธันวาคม ๒๕๔๗
ปรีชาเจอสมชายในงานเลี้ยงรุ่น
เลยทักเพื่อนเก่าว่ายังทำโดนัทขายอยู่หรือเปล่า
"ยังทำอยู่ แต่เห็นจะต้องเลิกเร็ว ๆ นี้" สมชายพูดเนือย ๆ
ปรีชาถามเหตุผล สมชายจึงตอบว่า
"ทำยังไงก็ไม่มีกำไรน่ะซี
ถ้าหากฉันทำให้รูมันโต ลองคิดดูสิว่าฉันจะต้องใช้แป้งมากแค่ไหน
ถึงจะล้อม
xxx
รูนั้นให้รอบ"
"ไม่เห็นยากเลย แกก็ทำให้รูมันเล็กลงสิ" ปรีชาแนะ
"ทีแรกฉันก็คิดอย่างนั้น แต่พอฉันทำให้รูมันเล็กลง
ก็ต้องเพิ่มแป้งให้มากขึ้นเพื่อไปแทนส่วนที่เป็นรู
แล้วฉันจะมีกำไรได้อย่างไร " สมชายตอบ
สมชายพูดมีเหตุผล แต่เป็นเหตุผลที่ชวนให้งงงวย
เพราะในความเป็นจริงถ้ารูโตใช้แป้งเยอะ
รูเล็กก็ต้องใช้แป้งน้อยลงเนื่องจากมีขนาดเล็กลง
ปัญหาของสมชายก็คือเขาไม่ได้นึกถึงการทำให้โดนัทมีขนาดเล็กลง
เมื่อในใจของเขายังติดยึดอยู่กับขนาดเดิมของโดนัท
จึงคิดว่าถ้ารูเล็กลงก็ต้องใช้แป้งมากขึ้น
เหตุผลนั้นมีประโยชน์ แต่ถ้าใช้ไม่เป็นก็อาจทำให้เจ้าตัวคิดผิดพลาด
หรือมองคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
ความเป็นจริงนั้นมีเพียงหนึ่ง
แต่เหตุผลนั้นมีหลากหลาย บางเหตุผลก็มีข้อจำกัดที่ทำให้มองไม่เห็นความจริง
ขณะที่ศาสตราจารย์กับนักศึกษาเดินคุยกันอยู่ที่สวนสาธารณะ
นักศึกษาก็ชี้ให้ศาสตราจารย์ดูธนบัตร๑,๐๐๐ บาทที่ตกอยู่บนพื้นหญ้า
แต่ศาสตราจารย์ไม่เชื่อว่าเป็นธนบัตร ๑,๐๐๐ บาท
เหตุผลก็คือ "ถ้าเป็นแบ๊งค์พันก็ต้องมีคนเก็บไปแล้ว
ที่มันยังอยู่ตรงนั้นก็เพราะว่ามันเป็นแบ๊งค์ปลอม"
เหตุผลของศาสตราจารย์ดูน่าฟัง
แต่คุณคิดว่า ใครน่าเชื่อมากกว่ากัน ศาสตราจารย์หรือนักศึกษา ?
บางครั้งเพียงแค่สามัญสำนึกก็ทำให้เราเห็นความจริงได้
ขณะที่เหตุผลอาจทำให้เราห่างไกลจากความเป็นจริง
ดังกรณีข้างต้น ใครที่เห็นธนบัตร ๑,๐๐๐ บาทตกอยู่บนพื้นก็ต้องเก็บทั้งนั้น
แต่ที่มันยังอยู่ตรงนั้นเพราะไม่มีคนเห็นต่างหาก
เรื่องแบบนี้เด็ก ๆ ก็รู้ได้จากประสบการณ์และสามัญสำนึก
เนื่องจากเหตุผลและการคิดของเรามีข้อจำกัด
เราจึงไม่ควรติดยึดกับเหตุผลหรือข้อสรุปของเรามากเกินไป
มิเช่นนั้นเหตุผลจะกลายมาเป็นนายเรา
มันไม่เพียงครอบเราไม่ให้เห็นความจริงซึ่งปรากฏอยู่ซึ่ง ๆ หน้าเท่านั้น
หากยังสามารถทำให้เรากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว
ดังที่คนจำนวนไม่น้อยมีเหตุผลสารพัดในการคอร์รัปชั่นหรือทุจริต
เช่น "ถึงฉันไม่ทำคนอื่นก็ทำ"
หาไม่ก็อ้างความยากจน ที่อ้างว่าตัวเองเสียสละมามากแล้ว
เพราะฉะนั้นขอเม้มเข้าตัวบ้าง ก็มีอยู่บ่อย ๆ
กิเลสนั้นก็รู้จักหาเหตุผลเพื่อประโยชน์ของมันเอง
เหตุผลที่ใช้ก็ดูดีทั้งนั้น บางทีก็เถียงยาก
ชายผู้หนึ่งชอบโหนตัวอยู่บนบันไดรถเมล์
ไม่ยอมเข้าไปข้างในรถ ทั้ง ๆ ที่มีที่ว่างมากมาย
กระเป๋ารถเมล์จึงขอร้องว่า
"พี่ ๆ ช่วยเข้ามาข้างในหน่อย อย่าโหนอย่างนั้น เดี๋ยวจะตกลงไป"
"เรื่องของกู"
"ไม่ใช่อะไร ถ้าพี่เกิดพลัดตกลงไป ตำรวจจะเล่นงานผม"
"เรื่องของ
xxx
"
ยิ่งเรียนสูงหรือคิดเก่ง กิเลสก็ยิ่งเก่งในการหาเหตุผล
มาสนับสนุนการกระทำของมัน
มันมีเหตุผลร้อยแปดที่จะโมโหเคียดแค้นเวลาไม่ได้ดังใจ
หรือเศร้าโศกเสียใจเมื่อประสบกับความพลัดพรากสูญเสีย
ซึ่งก็เท่ากับซ้ำเติมให้เราเป็นทุกข์มากขึ้น
ดังนั้นถ้าไม่อยากให้กิเลสมาเป็นนายเรา
จนพาเราจมปลักแห่งความทุกข์
ก็ต้องรู้เท่าทันเหตุผลที่มันเอามาใช้
ไม่เชื่อเหตุผลหรือหลงกลมันง่าย ๆ
ขณะเดียวกันถ้าอยากให้ชีวิตมีความสุข
ก็ต้องรู้จักใช้เหตุผลมาส่งเสริมคุณภาพจิตที่ดีงาม
เช่น นึกถึงผลดีของการให้อภัยและการมีเมตตาจิต
เวลาประสบกับความล้มเหลวก็มองหาสาเหตุ
แห่งความผิดพลาดมากกว่าที่จะหาเรื่องแก้ตัวหรือโทษคนอื่น
เหตุผลถ้ารู้จักใช้ ก็สามารถช่วยให้เราปล่อยวาง
หรือยอมรับความจริงได้มากขึ้น
เด็กน้อยเห็นแม่ป่วย จึงช่วยแม่หุงข้าว
แต่ข้าวกลับแฉะ รู้สึกเสียใจ แม่จึงบอกว่า
"อย่าเสียใจเลยลูก หุงข้าวด้วยน้ำ มันก็ต้องมีแฉะบ้างเป็นธรรมดา"
วันต่อมาเด็กน้อยหุงข้าวให้แม่อีก แต่คราวนี้ข้าวไหม้
จึงโมโหตัวเอง แม่ก็บอกว่า
"อย่าโมโหเลยลูก หุงข้าวด้วยไฟ มันก็ต้องมีไหม้บ้างเป็นธรรมดา"
ข้าวจะแฉะหรือไหม้ ก็เป็นเรื่องธรรมดา
เช่นเดียวกับได้หรือเสีย แพ้หรือชนะ สรรเสริญหรือนินทา สำเร็จหรือล้มเหลว
ถ้ามองเห็นเช่นนี้ได้ ชีวิตจะปล่อยวางได้มากขึ้น และเป็นทุกข์น้อยลง
http://budpage.com/ba160.shtml
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th