ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
17 ส.ค. 2005, 1:05 am |
  |
กรรมฐาน คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี่เอง
ศีล แปลว่า ปรกติ
ไม่ต้องไปรับกับพระวัดไหนเลย
ปรกติเอามาจากไหน
ได้จากมีสติระลึกก่อน ระลึกถึงงาน ทำอะไรมีสติ
หายใจเข้ามีสติ หายใจออกมีสติ
จะพูดจาพาทีอะไรก็มีสติเข้าไปก่อน
และรู้ตัวขณะที่พูดนั้นว่า พูดดี หรือพูดไม่ดี
พูดเสียดสีเขาหรือเปล่า
พูดร้ายกับใคร พูดแล้วเป็นพิษเป็นภัยกับใครหรือไม่
นี่คือ ศีล
ไม่ต้องไป ปาณา…ถึงสุรา…หรอก
อันนั้นเป็นองค์ศีล
แต่ศีลที่ถูกต้อง เรามีมาแล้วทุกคน
ถ้าโยมไม่มีศีลมาแล้ว…เกิดมาเป็นมนุษย์ไม่ได้
มนุษย์เกิดขึ้น ๑ คน สัตว์เดรัจฉานเกิดขึ้นล้านตัว
พระไตรปิฎกบออกเอาไว้ชัด
ขอฝากญาติโยมไปตั้งสติสัมปชัญญะเจริญพระกรรมฐาน
สมาธิ แปลว่าอะไร
มันเชื่อมโยงมาจากศีล
ถ้าคนไหนทำงานด้วยสติ นั่นแหละมีสมาธิหล่ะ
ถ้าทำงานจับอะไรไม่มีสติเลย สมาธิ ไม่มีหรอก
ปัญญาก็ไม่เกิดด้วย นี่ตีความให้โยมเข้าใจ
ถ้าทำงานอะไรมีสติระลึกไว้ก่อน
ว่าทำอะไร อะไรเป็นอย่างนี้
มีสัปปชัญญะรู้ตัวขณะทำถูกผิดประการใด
จะเชื่อมโยงไปหาปัญญา
ปัญญา จะบอกว่ารอบรู้ในกองสังขาร
จะได้อ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็น
และเราจะทำงานด้วยความไม่ประมาท
คือ มีสมาธิ
เราจะมีประโยชน์ในการพัฒนาบุคคลิกภาพดีที่สุด
...
กรรมฐาน ทำให้ชีวิตดีมาก
งานชีวิต ฝึกตนไว้ดี
ได้งานได้การ ไม่ประมาท ฉลาดในงาน
และทำให้ท่านมีปัญญา
ปัญญาตัวนี้ไม่ใช่ปัญญาโลกียะนะ
ปัญญาโลกุตตระ ต้องการแก้ปัญหา
ปัญญา คือ มีวิชา
ตัวเรานั้นต้องฉลาด
มีวิชาความรู้ ใครๆต้องการบุคคลผู้มีคุณธรรม
จะมีคุณภาพชีวิตดี มีความก้าวหน้าในชีวิต
อย่างเป็นระเบียบไม่เสื่อมคลาย
เพราะชีวิตมีวินัย มีศีลปกครองตนให้ระวัง
สิ่งแวดล้อมใกล้ตัวเรามากที่สุด
อย่าติด อย่ายึด อย่ามัวเมา
หยุดได้ อย่ายึดติดในโลกธรรมให้หวั่นไหวแต่ประการใด
…
ขอสรุปใจความว่า
เจริญกรรมฐาน ให้มีศีล มีสติ ติดตัวเองตลอด
เกิดสมาธิมีสัมปชัญญะ ทำให้เกิดรู้ตัว รู้ทั่ว
ทำงานไม่มีโทษ และมีประโยชน์
ต่อไปก็จะได้รับผลสมความมุ่งมาดปรารถนาทุกประการ
คัดลอกจากเรื่อง
การสร้างบารมีในการปฏิบัติธรรม
โดยหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
 |
|
|
|
   |
 |
สายลม
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
|
ตอบเมื่อ:
17 ส.ค. 2005, 11:12 pm |
  |
|
    |
 |
|