Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทุกศาสนาสอนให้ทำความดี....แต่ทำไมต้อง... อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
อามีน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2005, 11:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คำถาม : ในเมื่อทุกศาสนาสอนคนให้ทำความดี ทำไมจึงต้องทำตามอิสลามเพียงศาสนาเดียว แล้วจะไม่นับถือศาสนาอะไรเลยได้หรือไม่ ?



ตอบ : 1. ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างอิสลามกับศาสนาอื่น โดยพื้นฐานแล้วทุกศาสนาชักชวนมนุษย์สู่ความดีและหลีกห่างความชั่ว แต่อิสลามไปไกลกว่านั้น อิสลามนำเราไปยังแนวทางการปฏิบัติที่นำไปสู่ความดีและกำจัดความชั่วของแต่ละบุคคลและสังคมโดยรวม อิสลามให้ความสำคัญกับธรรมชาติและความซับซ้อนของสังคมมนุษย์ อิสลามเป็นทางนำจากผู้ทรงสร้าง ดังนั้นอิสลามจึงถูกเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า ดีนุล-ฟิตเราะฮฺ ( ศาสนาที่เป็นธรรมชาติสำหรับมนุษย์)



2. ตัวอย่าง – อิสลามสั่งใช้เราให้หลีกห่างจากการปล้นหรือแย่งชิงของผู้อื่น และยังได้บอกวิธีการกำจัดความชั่วเหล่านี้



ก. อิสลามกล่าวถึงวิธีการกำจัดความชั่ว ทุกศาสนาสอนว่าการปล้นขโมยเป็นการกระทำที่ชั่วช้า อิสลามก็สอนเช่นเดียวกัน ดังนั้นอะไรคือความแตกต่างระหว่างอิสลามกับศาสนาอื่นๆ ความแตกต่างวางอยู่บนความจริงที่ว่า นอกจากอิสลามจะสอนว่าการปล้นขโมยเป็นความชั่วแล้ว อิสลามยังเสนอแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดโครงสร้างทางสังคมที่จะไม่ให้มนุษย์ปล้นขโมยอีกด้วย



ข. อิสลามกำหนดซากาต อิสลามได้กำหนดระบบซากาต( ทานบังคับที่ต้องจ่ายรายปี) บทบัญญัติอิสลามกำหนดว่าทุกคนที่มีเงินสะสมเกินกว่านิศอบ นั่นคือมีมูลค่าเกินกว่าทองคำหนัก 85 กรัม จะต้องจ่าย 2.5 % ของเงินสะสมที่ครบรอบปีจันทรคติ หากคนรวยทุกคนในโลกนี้จ่ายซากาตด้วยความบริสุทธิ์ใจ ความยากจนก็จะถูกกำจัดไปจากโลกนี้ จะไม่มีใครเลยสักคนที่ต้องตายเพราะความหิว



ค. การตัดมือเพื่อเป็นการลงโทษผู้ที่ปล้นขโมย อิสลามกำหนดให้ตัดมือของขโมยผู้ที่กระทำความผิด อัลกุรอานในซูเราะฮฺ อัลมาอิดะฮฺกล่าวว่า “และขโมยชายและขโมยหญิงนั้น จงตัดมือพวกเขาทั้งสอง ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาได้แสวงหาไว้ เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างการลงโทษจากอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นทรงเดชานุภาพและผู้ทรงปรีชาญาน” ( อัลมาอิดะฮฺ 5:38) คนไม่ใช่มุสลิมอาจกล่าวว่า “การตัดมือในทศษวรรตที่ 20 ทำให้อิสลามเป็นศาสนาที่ป่าเถื่อนและโหดร้าย”



ง. ความสำเร็จจะเกิดขึ้นเมื่อบทบัญญัติ(ชารีอะฮฺ)อิสลามได้รับการสถาปนา กล่าวได้ว่าอเมริกาเป็นประเทศที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก แต่โชคร้ายที่มันเป็นประเทศที่อาชญากรรม การขโมยและการปล้นจี้มีมากที่สุดอีกด้วย สมมุติว่านำชะรีอะฮฺอิสลามไปใช้ในอเมริกา นั่นคือคนรวยทุกคนจะต้องจ่ายซากาต (2.5 % ของเงินสะสมที่มีมูลค่าเกินกว่าทองคำหนัก 85 กรัม ทุกรอบปีจันทรคติ ) และขโมยทุกคนที่ทำความผิดจะต้องถูกตัดมือเพื่อเป็นการลงโทษ อัตราการขโมยและปล้นจี้ในอเมริกาจะเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่ หรือยังเท่าเดิม หรือว่าลดลง? เป็นธรรมดาที่มันจะต้องลดลง ยิ่งไปกว่านั้นกฎหมายที่เข้มงวดดังกล่าวจะเป็นแรงกระตุ้นให้คนอยากจะขโมยอีกหรือ ข้าพเจ้ายอมรับว่าจำนวนของการขโมยในโลกทุกวันนี้มากจริงๆ ถ้าหากว่าคุณตัดมือของขโมยทุกคน คงจะมีคนนับเป็นหมื่นที่จะต้องโดนตัดมือ สิ่งสำคัญในที่นี้ก็คือทันทีที่คุณจัดตั้งชะรีอะฮฺอัตราการขโมยจะลดลงในทันใด คนที่จะขโมยคงจะต้องคิดทบทวนสองสามตลบก่อนที่จะเอามือของตัวเองไปเสี่ยง แค่คิดถึงบทลงโทษพวกหัวขโมยส่วนใหญ่ก็ไม่อยากที่จะขโมยเสียแล้ว จะมีไม่กี่รายกันที่ยังอยากทำอยู่ อย่างไรก็ตามจะมีมือของคนไม่กี่คนเท่านั้นที่จะถูกตัด แต่คนเป็นล้านจะอยู่ด้วยความสงบไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะต้องโดนขโมย ดังนั้นชะรีอะฮฺอิสลามจึงใช้การได้และนำไปสู่ความสำเร็จ



3. ตัวอย่าง : อิสลามห้ามบังคับและข่มขืนผู้หญิง อิสลามสั่งใช้ให้ฮิญาบและกำหนดให้ประหารผู้ที่ข่มขืนผู้หญิง



ก. อิสลามกำหนดวิธีในการกวาดล้างการปลุกปล้ำและการข่มขืน ศาสนาส่วนใหญ่ต่างประกาศว่าการลวงล่อและการข่มขืนผู้หญิงเป็นบาปใหญ่ อิสลามก็สอนเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นแล้ว อะไรคือความแตกต่างระหว่างอิสลามกับศาสนาอื่น? ความแตกต่างวางอยู่บนข้อเท็จจริงที่ว่า อิสลามมิได้จำกัดเพียงแค่การให้เกียรติผู้หญิง หรือรังเกียจการข่มขืนชำเราว่าเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงเท่านั้น แต่ยังได้ให้แนวทางที่ชัดเจนว่าสังคมจะกำจัดอาชญากรรมชนิดนี้ได้อย่างไร



ข. ฮิญาบสำหรับผู้ชาย อิสลามมีระบบฮิญาบ อัลกุรอานได้กล่าวถึงฮิญาบสำหรับผู้ชายจากนั้นจึงกล่าวถึงฮิญาบสำหรับผู้หญิงในอายะฮฺดังต่อไปนี้ว่า “จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) แก่บรรดามุอฺมิน(ผู้ศรัทธาชาย)ให้พวกเขาลดสายตาพวกเขาลงต่ำ และให้พวกเขารักษาทวารของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ” (อันนูรฺ 24:30)



ค. ฮิญาบสำหรับผู้หญิง ฮิญาบสำหรับผู้หญิงมีกล่าวไว้ในอัลกุรอานดังนี้ “และจงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)แก่บรรดาผู้ศรัทธาหญิงให้พวกเธอลดสายตาของเธอลงต่ำ และให้พวกเธอรักษาทวารของพวกเธอ และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอ เว้นแต่สิ่งที่พึงเปิดเผยได้ และให้เธอปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของเธอลงมาถึงหน้าอกของเธอ และอย่าให้เธอเปิดเผยเครื่องประดับของเธอเว้นแต่แก่สามีของเธอหรือบิดาของพวกเธอหรือบิดาของสามีพวกเธอ หรือลูกชายของพวกเธอ หรือลูกชายของสามีของพวกเธอ หรือพี่ชายน้องชายของพวกเธอ...” (อันนูรฺ 24:31) ขอบเขตฮิญาบของผู้หญิงจะต้องปกปิดทั่วร่างกายเธอ สิ่งที่เปิดเผยได้มีเพียงใบหน้าและฝ่ามือ พวกเธออาจจะปกปิดทั้งสองส่วนนี้ได้ด้วยหากเธอต้องการ ผู้รู้อิสลามบางส่วนกล่าวว่าแม้แต่ใบหน้าก็ต้องปิด



ง. ฮิญาบปกป้องจากการลวนลาม เหตุผลที่อัลลอฮฺทรงกำหนดฮิญาบสำหรับผู้หญิงมีกล่าวไว้ในซูเราะฮฺอัลฮะฮฺซาบว่า “โอ้ นบีเอ๋ย! จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้า และบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกเขาดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง นั่นเป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน และอัลลอฮฺทรงเป็นผู้อภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ” ( อัลอะฮฺซาบ 33:59 ) อัลกุรอานชี้แจงว่าฮิญาบถูกกำหนดแก่ผู้หญิง เพื่อให้เป็นที่รู้กันว่าพวกเธอเป็นผู้หญิงที่สงบเสงี่ยมซึ่งจะช่วยป้องกันพวกเธอจากการถูกรบกวน



จ. ตัวอย่างหญิงแฝด สมมุติว่ามีหญิงแฝดสองคน ทั้งสองสวยเท่ากัน เดินอยู่บนถนน คนใส่ชุดฮิญาบนั่นคือปกคลุมร่างกายยกเว้นฝามือและใบหน้า ส่วนอีกคนสวมมินิสเกิร์ตที่แสนสั้น แถวๆนั้นมีพวกอันธพาลข้างถนนที่คอยหาโอกาสแซวผู้หญิง พวกเขาแซวใคร? หญิงที่สวมชุดฮิญาบหรือว่าหญิงที่ใส่มินิสเกิร์ต การแต่งตัวที่เปิดเผยส่วนที่ควรจะปกปิดเป็นการยั่วยุเพศตรงข้ามให้ล่อลวง ปลุกปล้ำและข่มขืน อัลกุรอานกล่าวไว้อย่างถูกต้องว่า ฮิญาบช่วยปกป้องผู้หญิงจากการถูกคุกคาม



ฉ. การลงโทษประหารผู้ที่ข่มขืน ชะรีอะฮฺอิสลามกำหนดให้ประหารชีวิตผู้ที่ลงมือข่มขืน คนไม่ใช่มุสลิมอาจหวาดผวากับบทลงโทษที่รุนแรงดังกล่าวที่ยังมีอยู่ในยุคนี้ หลายคนกล่าวหาอิสลามว่าป่าเถื่อนและรุนแรง ข้าพเจ้าเคยถามคำถามหนึ่งกับผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมเป็นร้อยคนว่า ถ้าหากมีบางคนข่มขืนภรรยาของท่าน แม่ของท่านหรือน้องสาวพี่สาวของท่าน โดยคุณทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน และคนผิดถูกนำมาต่อหน้าคุณ คุณจะตัดสินลงโทษเขาอย่างไร พวกเขาทั้งหxxxล่าวว่า “เราจะลงโทษประหารชีวิตเขา” บางคนไปสุดขีดถึงขั้นที่กล่าวว่า “เราจะทรมานเขาจนตาย” หากภรรยาของท่านหรือแม่ของท่านถูกข่มขืนท่านต้องการให้คนข่มขืนตายไป แต่ถ้าหากภรรยาหรือแม่ของคนอื่นถูกข่มขืนการลงโทษประหารกลับเป็นเรื่องที่โหดร้าย ทำไมต้องมีสองมาตรฐาน( double standard )



ช. สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศหนึ่งที่มีสถิติการข่มขืนมากที่สุด ประเทศอเมริกาถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดในโลก ในรายงานประจำปี 1990 ของ (FBI) ระบุว่ามีคดีข่มขืนที่ได้รับการรายงานสูงถึง 102,555 คดี รายงานนี้ยังได้กล่าวต่อไปอีกว่ามีเพียง 16 % ของคดีเท่านั้นที่ได้รับรายงาน(มีการแจ้งความ) เพื่อที่จะทราบจำนวนคดีที่เกิดขึ้นจริง จำนวนคดีที่ถูกรายงานจะต้องคูณด้วย 6.25 เราจะได้ตัวเลขทั้งสิ้น 640,968 คดีข่มขื่นที่เกิดขึ้นในปี 1990 หากนำตัวเลขทั้งหมดหารด้วย 365 ซึ่งเป็นจำนวนวันในรอบปี เราจะได้ตัวเลขเฉลี่ย 1,756 ครั้งของเหตุการณ์ข่มขืนที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน



ต่อมาในอีกรายงานกล่าวว่า มีคดีข่มขื่นเกิดขึ้นในอเมริกาเฉลี่ยวันละ 1,900 คดี ตามการรายงานของสำนักงานสำรวจสถิติเหยื่ออาชญากรรมแห่งชาติกระทรวงยุติธรรม(U.S. Dept. of Justice) เฉพาะในปี 1996 เพียงอย่างเดียว มีคดีข่มขืนถูกรายงาน 307,000 คดี มีเพียง 31%ของคดีที่ถูกรายงาน ดังนั้น 307,000 × 3.226 = 990,322 คือจำนวนการข่มขืนที่เกิดขึ้นในปี 1996 เฉลี่ยแล้วมีการข่มขืนเกิดขึ้นวันละ 2,713 ครั้งในปี 1996 นั่นคือทุกๆ 32 วินาทีจะมีการข่มขืนเกิดขึ้นในอเมริกา นักข่มขืนชาวอเมริกันช่างใจกล้าเสียเหลือเกิน รายของ FBI ประจำปี 1990 ยังได้ระบุต่อไปอีกว่า จำนวนคดีข่มขืนที่ได้ถูกรายงานมีเพียง 10%ของผู้ข่มขืนเท่านั้นที่ถูกจับกุม นั่นคือมีผู้ที่ถูกจับกุมเพียง 1.6%ของคดีที่เกิดขึ้นจริง จากจำนวนผู้ที่ถูกจับกุมดังกล่าวมี 50%ได้รับการปล่อยตัวก่อนการพิจารณาคดี นั่นหมายความว่ามีเพียง 0.8%ของคดีเท่านั้นที่ผ่านการพิจารณาจากชั้นศาล กล่าวในอีกแง่คือ ถ้าหากว่าชายคนหนึ่งก่อคดีข่มขืน 125 ครั้งโอกาสที่เขาจะถูกจับกุมมีเพียงหนึ่งครั้ง หลายคนอาจจะคิดว่านี่คือการเสี่ยงที่น่าลอง และรายงานข้างต้นได้ระบุว่าผู้ที่ถูกตัดสินคดี 50% ถูกตัดสินจำคุกต่ำกว่าหนึ่งปี แม้ว่ากฎหมายของอเมริกาจะกล่าวว่าคดีข่มขืนจะต้องถูกจำคุกถึงเจ็ดปีก็ตาม สำหรับผู้กระทำความผิดครั้งแรกศาลจะตัดสินลงโทษในขั้นที่เบา ลองนึกภาพของคนคนหนึ่งที่ข่มขืน 125 ครั้งและโอกาสที่จะถูกตัดสินลงโทษมีเพียงหนึ่งครั้ง และ50%ของการตัดสินลงโทษจะได้รับการผ่อนปรนและจำคุกเพียงไม่เกินหนึ่งปี



ซ. ผลสำเร็จจะเกิดขึ้นเมื่อชารีอะฮฺอิสลามได้รับการสถาปนา หากว่าชารีอะฮฺอิสลามถูกนำไปใช้ในอเมริกา เมื่อชายคนหนึ่งมองไปยังผู้หญิงแล้วเกิดความคิดที่ไม่ดีขึ้นในจิตใจ เขาก็จะลดสายตาลง ผู้หญิงทุกคนสวมชุดฮิญาบที่ปกปิดร่างกายยกเว้นใบหน้าและฝ่ามือ หลังจากนี้แล้วถ้าว่ามีชายคนไหนที่ข่มขืนเขาจะถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิต คำถามมีว่า คดีข่มขืนในอเมริกาจะเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่ หรือยังมีจำนวนเท่าเดิมหรือว่าลดลง โดยธรรมชาติมันต้องลดลง ชารีอะฮฺอิสลามย่อมก่อให้เกิดผล



4. อิสลามมีวิธีการแก้ไขปัญหาของมนุษยชาติที่นำไปปฏิบัติได้จริง อิสลามคือแนวทางชีวิตที่ดีที่สุดเนื่องจากคำสอนของอิสลามมิได้เป็นแค่เพียงถ้อยคำที่หรูหราแต่เป็นวิธีการแก้ปัญหาของมนุษย์ชาติที่ปฏิบัติได้จริง อิสลามประสบผลสำเร็จทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและสังคมโดยรวม อิสลามจึงเป็นแนวทางชีวิตที่ดีที่สุดเนื่องจากมันปฏิบัติได้จริง เป็นศาสนาสากลที่มิได้ถูกจำกัดโดยเผ่าพันธุ์หรือการคลั่งชาติ



 
คนอยากรู้
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2005, 2:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อิสลามมีวิธีแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร ช่วยตอบทีครับ
 
เชื่อแล้ว
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2005, 10:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ระเบิดพลีชีพ ฆ่าหมู่บูชา อาเลาะ สยองรายวัน ชาวโลกเค้าไม่ได้หูหนวกตาบอด เห็นกันอยู่ทุกวัน หยุดฆ่าหมู่ได้เมื่อไหร่ อิสลาม ก็เพิ่มขึ้นเอง ไม่ต้องโฆษณาให้ เหนือย
 
ผู้ไม่แน่ใจ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 มิ.ย.2005, 11:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ระเบิดทำร้ายพระและประชาชน คุณอามีนคิดว่าคนทำนับถือศาสนาไหน หรือว่าพวกไม่มีศาสนา ช่วยตอบด้วยนะครับ
 
ผู้สงสัย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 มิ.ย.2005, 2:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ที่ไหนมีอิสลาม ที่นั่นมักมีความเดือนร้อนวุ่นวายเกือบทั่วโลก แล้วศาสนาอิสลามไม่มีวิธีสอนให้คนในศาสนารักความสงบบ้างหรือ เท่าที่อ่านมาตามที่คุณโฆษณาถึงความดีของศาสนาต่างๆ นานา แต่ในความเป็นจริงคุณก็เห็นอยู่ว่าคนอิสลามสร้างปัญหาอย่างไร กรุณาพิจารณาอะไรที่เป็นธรรม
 
อามีน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 มิ.ย.2005, 10:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าผมเห็นผู้ที่อ้างตัวว่านับถือศาสนาพุทธ ไปฆ่าผู้บริสุทธิ์ กินเหล้าเมายา คดโกง ผมสามารถพูดได้ไหมว่า ศาสนาพุทธสอนไม่ดี โดยผมมองที่ตัวบุคคล แต่ไม่มองที่คัมภีร์ อันเป็นที่มาของหลักคำสอน
 
ผู้หวังดี
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 มิ.ย.2005, 1:04 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยังไม่มีwebsite เป็นของตัวเอง หยอ! มีเวปสอนทำwebsite ตั้งเยอะ ลองไปหัดทำดู จิ ไม่ยากหร็อก....คิส พุธ มุดซริม ใช่ใครอื่น พี่น้องร่วมโลกใบเดียวกัน รักกันไว้เถอด...อิ อิ หุหุ 5555
 
สงบ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 มิ.ย.2005, 11:08 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ศาสนาทุกศาสนาเป็นศาสนาที่ดีผมมีเพื่อนที่เป็นทั้งพุทธ คริส อิสลาม มีทั้งคนดีและไม่ดีประปนกัน และผมเชื่อว่าทุกศาสนาไม่สอนให้ทำร้ายผู้บริสุทธิ บางศาสนาสอนให้ไม่ทำร้ายใครแม้แต่ศัตรูของตัวเอง มนุษย์ทุกคนถ้าสืบสาวจริง ๆ แล้วก็เป็นเพื่อนเป็นญาติด้วยกันทั้งนั้น การทำร้ายกันไปมาไม่ก่อให้เกิดความสงบได้ "เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร" " ถ้ามีคนตบแก้มซ้ายท่าน จงยื่นแก้มขวาให้เขา"

ทุกศาสนาสามารถอยู่รวมกันได้โดยสันติ ทุกคนมีความไม่เหมือนกันเป็นธรรมดา

ผมเพียงแต่สงสัยว่าชาวมุสลิม มีมุมมองเกี่ยวกับปัญหาการทำร้ายผู้บริสุทธิ ทั้งครู ทั้งพระสงฆ์ อย่างไร ขอให้คุณอามีนช่วยตอบปัญหานี้ด้วย เรามาช่วยกันให้โลกนี้มีความสงบสุขไม่ดีกว่าหรือ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้โลกนี้มีศาสนาเดียว และถึงจะมีศาสนาเดียว ก็จะต้องแตกแยกเป็นนิกายต่าง ๆอีกแน่นอน เพราะพื้นฐานจิตใจสิ่งแวดล้อมย่อมไม่เหมือนกันเป็นธรรมดา ขอความสงบสุขจงมีแด่ผู้นับถือในศาสนาทุกศาสนาขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกท่านในทุกศาสนาด้วยเทอด
 
เอเมน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 มิ.ย.2005, 11:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เชิญอ่านรายละเอียดในเรื่องต่างๆได้เต็มที่เลยครับ ที่




http://www.muslimthai.com/subIndex.php?option=category&category=27
 
เอเมน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 มิ.ย.2005, 11:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หรือไม่ก็เข้าที่นี่ได้ครับ


http://www.fityah.com/index.php?option=content&task=category&sectionid=8&id=84&Itemid=70

 
AL
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2005, 10:43 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เชิญอ่าน:http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/y3516370.html วันที่ 2 มิ ย เวบพานทิบ ห้องศาสนา หัวข้อ Y 3516370
 
ผู้ไม่แน่ใจ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2005, 11:21 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรียนคุณอามีน ที่เคารพ

ผมได้ตามไปอ่านในเวปที่ท่านเขียนไว้แล้ว ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ดีศาสนาหนึ่งถ้าผู้ที่นับถือศาสนานั้นหรือที่เรียกว่ามุสลิมได้ทำตามที่คัมภีร์ระบุไว้อย่างถูกต้อง และตีความตัวหนังสือได้อย่างถูกต้อง ศาสนาเป็นเรื่องของ"นามธรรมส่วนหนึ่ง" ทั้งพุทธ คริสต์ และอิสลาม ต่างต้องตีความในบทบัญญัติของแต่ละศาสนา ซึ่งก็มีความเห็นได้แตกต่างกันไป แตกแยกเป็นหลายนิกาย การมีความเห็นแตกต่างกันเป็นปรกติวิสัยของมนุษย์ แต่ผู้ที่เห็นไม่เหมือนกันไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกัน

ผมยังหาคำตอบของคุณที่ผมถามว่า คุณคิดว่าพวกที่วางระเบิดฆ่าผู้บริสุทธิ ทางภาคใต้เป็นพวกนับถือศาสนาไหน หรือพวกไม่มีศาสนา หรือพวกหลงผิด พวกเราหมายถึงคุณและผมและคนอื่น ๆ ทุก ๆ ศาสนาที่ต้องการเห็นความสงบ ควรจะทำอย่างไร ยังหาคำตอบของคุณไม่พบกรุณาตอบด้วยนะครับ
 
มาดู
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2005, 3:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อะไรๆ ก็ไม่ว่า..แต่การฆ่า สิรับไม่ได้..

ท่านๆเห็นเช่นไร..กับที่เรียกว่า..ความดี..

ผู้หญิง เด็กเล็กมี..ประพฤติดีเลวปนกัน..

ล้วนรวมกองฆ่าฟัน..นี่หรือมั่น..ในความดี..







..
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง