ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
tanaphomcinta
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 127
ที่อยู่ (จังหวัด): 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ย. 2008, 3:46 pm |
  |
มีประเพณีที่ทั่วไป พอมีใครตายขึ้นมา ตอนจะนำศพไปป่าช้าหรือเมรุ ก็จะมีการเอาลูกหลานมาบวชเพื่อจะจูงศพไปป่าช้าหรือเมรุ การที่เราจะได้บุญรักษาศีลเราต้องทำด้วยตนเองไม่ใช้หรือ แต่ความเชื่อของคนเรามักจะบอกว่าเพื่อจูงพ่อแม่ที่ตายแล้วไปสู่สวรรค์ คิดว่าเหตุผลไม่เพียงพอเลย ดังที่ว่าเราจะทานอาหารเราก็ทานเองจึงจะรู้ว่าตัวเองอิ่มหรือไม่ แต่นี้กับมีความเชื่อว่าเอาลูกหลานมาจูงไปสวรรค์ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยหรือท่านอื่นมีความคิดเห็นเป็นอื่นลองปุจฉาวิสัชนา
มาลองดูนะจะ (ต้องว่าด้วยเหตุและผลด้วยนะ) ฮิฮิฮิ |
|
_________________ ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล
แก้ไขล่าสุดโดย tanaphomcinta เมื่อ 27 ก.ย. 2008, 8:51 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
       |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ย. 2008, 4:07 pm |
  |
งานพิธีกรรมศพต่างๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นการสวดอภิธรรม
ตลอดจนพิธีจูงศพ อาบน้ำศพฯลฯ นั้นมีไว้เพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่
(ที่มาร่วมงาน) ผมจำไม่ได้ว่าแง่คิดอะไรบ้าง .....
ไม่ได้มีผลต่อศพที่ไร้วิญญาณแต่อย่างไร  |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ย. 2008, 4:16 pm |
  |
การบวชคือการทำกุศลประการหนึ่ง
เจตนาของการบวชเป็นเจตนาที่ดี
เป็นบุญในโลกียธรรม และ เป็นกุศลในโลกุตรธรรม
พระพุทธเจ้ามีตรัสไว้ว่า
บุญนั้นมี
การอุทิศส่วนกุศลนั้นมีผล และกุศลที่เกิดจากการอนุโมทนานั้นมี
แต่ถึงจะไม่มี
เมื่อเป็นการทำดี
เป็นกุศล
เราก็ควรทำ
โดยไม่หวังผลตอบแทน
นั่นแหละบุญล้วนๆ |
|
|
|
   |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ย. 2008, 4:22 pm |
  |
มัดตราสังข์สามเปราะ
มัดที่คอ หมายถึง บ่วงรักลูก
มัดที่มือ หมายถึง บ่วงรักสามี - ภรรยา
มัดตรงข้อเท้า หมายถึง บ่วงรักทรัพย์สมบัติ ติดอยู่สามบ่วงนี้ไปนิพพานไม่ได้ ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏไม่มีจบสิ้น
เคาะโลงรับศีล
ไม่ใช่ให้คนตายมารับศีล แต่เพื่อเป็นการบอกคนที่มาร่วมงานว่า
อย่าเอาแต่มัวประมาทขาดสติ ไม่สนใจในหลักธรรมคำสอนมื่อตายไปหมดโอกาสทำความดี จะเคาะจนโลงแตกก็ลุกขึ้นมาไม่ได้
สวดอภิธรรม
มักสวดเป็นภาษาบาลี คนเป็นฟังไม่รู้เรื่อง จึงนึกว่าสวดให้คนตาย แต่จริงๆแล้วเป็นการสวดเพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่เ พื่อที่จะได้นำหลักธรรมไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตป ระจำวัน ดังนั้นแม้จะฟังไม่เข้าใจแต่เพื่อให้การฟังสวดอภิธรร มเกิดผล ควรสำรวมส่งจิตไปอยู่กับเสียงพระสวดให้จิตสงบนิ่งอยู ่กับเสียงพระสวดก็จะเกิดสมาธิจิตได้
บวชหน้าไฟ
มักเข้าใจกันว่า เป็นการบวชจูงผู้ตายขึ้นสวรรค์ ความจริงนั้น ไม่ใช่เพราะการบวชหน้าไฟเป็นการปลงธรรมสังเวชต่อการเ กิด แก่ เจ็บและตายในที่สุด มนุษย์ก็มีเท่านี้ ทำให้เกิดการเบื่อหน่ายต่อชีวิตในโลกียวิสัย ไม่ประสงค์จะอยู่ในเพศฆราวาส แล้วพอใจในสมณะเพศ มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น เข้าสู่มรรคผลนิพพาน
การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพ
เพื่อจะสอนคนที่ยังอยู่ให้ได้สำนึกว่าตอนที่ยังอยู่
ต้องเดินตามหลังพระ หมายความว่าให้ดำเนินชีวิตตามพระธรรม คำสั่งสอนพระพุทธเจ้านั่นเองจึงจะอยู่ดีมีสุข มีความเจริญก้าวหน้า
การเวียนซ้าย 3 รอบ
หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสามอันมี กามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอำนาจกิเลส ตัณหาอุปทาน ก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นต้องทวนกระแสกิเลสเป็นการสอนธรรมชั้นสูง จึงได้พาศพเวียนซ้าย
การใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ
เพื่อชี้ให้เห็นว่า น้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาดบริสุทธิ์ ผู้เข้าสู่มรรคผลนิพพานต้องชำระจิตให้สะอาดด้วยน้ำทิ พย์จากพระธรรม
การแปรรูป
หลังจากเผาแล้วมีการเก็บอัฐิและมีการเขี่ยขี้เถ้าผู้ ตายให้เป็นรูปร่างกลับไปกลับมาเพื่อจะบอกว่าได้กลับช าติใหม่แล้วตามวิบากของกรรมต่อไป
อ้างอิงจาก: |
เอามาจากหนังสือธรรมลีลาของธรรมสภา |
 |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
tanaphomcinta
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 127
ที่อยู่ (จังหวัด): 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ย. 2008, 4:47 pm |
  |
อ้างอิง หลังจากเผาแล้วมีการเก็บอัฐิและมีการเขี่ยขี้เถ้าผู้ตายให้เป็นรูปร่างกลับไปกลับมา เพื่อจะบอกว่าได้กลับชาติใหม่แล้วตามวิบากของกรรมต่อไป
แล้วที่เขาเอาเงินวางลงตามจุดต่างๆ ให้ครบสามสิบสอง เขาบอกว่าถ้าไม่ทำอย่างนี้คนตายไปแล้วมาเกิดใหม่จะไม่ครบอาการสามสิบสอง มันจริงเท็จขนาดไหนคร้าบ ฮิฮิฮิ |
|
_________________ ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล |
|
       |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ย. 2008, 9:07 pm |
  |
 |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ย. 2008, 9:12 pm |
  |
 |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
tanaphomcinta
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 127
ที่อยู่ (จังหวัด): 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ย. 2008, 11:59 pm |
  |
นึกไว้แล้วว่าจะต้องมีท่านที่สนใจมาให้ความรู้มากเลยขอให้ท่านหลายที่มาให้ข้อคิดจงเป็นผู้มีดวงใจเห็นธรรมนำทางแห่งชีวิต ถ้าเห็นแล้วก็ขออนุโมทนา ถ้ายังก็ขอให้เห็นในอนาคตอันใกล้นี้เทอญฯสาธุสาธุสาธุ
เกือบลืม ฮิฮิฮิ |
|
_________________ ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล |
|
       |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
26 ก.ย. 2008, 3:01 pm |
  |
อนุโมทนาคุณฌานด้วย
พหูสูตร |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
ศุภมณฑา
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 07 ม.ค. 2008
ตอบ: 43
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง
|
ตอบเมื่อ:
26 ก.ย. 2008, 8:49 pm |
  |
ขออนุโมทนาบุญคุณณานด้วยนะค่ะ
ข้อความมีความรู้ดีมากค่ะ
ตอนพ่อดิฉันเสีย น้องชายไม่ได้บวช
ด้วยเราเป็นหญิงก็เลยบวชเนกขัมมะ ถือตะเกียงเดินหน้าศพ
อาจจะไม่มีประเพณี แต่คิดว่าเราพอทำกุศลได้บ้าง แล้วอุทิศกุศลนี้ไปให้พ่อ |
|
_________________ ขยัน อดทน ทำดี คิดดี พูดดี จะประสบความสำเร็จที่ดี |
|
   |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
26 ก.ย. 2008, 10:18 pm |
  |
tanaphomcinta พิมพ์ว่า: |
มีประเพณีที่ทั่วไป พอมีใครตายขึ้นมา ตอนจะนำศพไปป่าช้าหรือเมรุ ก็จะมีการเอาลูกหลานมาบวชเพื่อจะจูงศพไปป่าช้าหรือเมรุ การที่เราจะได้บุญรักษาศีลเราต้องทำด้วยตนเองไม่ใช้หรือ แต่ความเชื่อของคนเรามักจะบอกว่าเพื่อจูงพ่อแม่ที่ตายแล้วไปสู่สวรรค์ คิดว่าเหตุผลไม่เพียงพอเลย ดังที่ว่าเราจะทานอาหารเราก็ทานเองจึงจะรู้ว่าตัวเองอิ่มหรือไม่ แต่นี้กับมีความเชื่อว่าเอาลูกหลานมาจูงไปสวรรค์ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยหรือท่านอื่นมีความคิดเห็นเป็นอื่นลองปุจฉาวิสัชนา
มาลองดูนะจะ (ต้องว่าด้วยเหตุและด้วย) ฮิฮิฮิ |
ตอบ...
คุณเข้าใจผิดแล้ว ที่ว่า การบวชหน้าศพนั้น เป็นการให้ลูกหลานจุงไปสวรรค์ ไม่ใช่ดอกคุณ
คนไทย ไม่ไร้ปัญญา ขนาดนั้นดอกนะคุณ ถ้าญาติผู้ตายอยากให้ผู้ตายไปสวรรค์ ให้พระสงฆ์ผู้มีสมณะ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จูงไม่แน่นอนกว่าหรือคุณ
พระสงฆ์ในสมัยก่อน เขามีคติ มีความรู้ มีความเข้าใจ ในหลักธรรม จึงให้ลูกหลาน ได้บวชเพื่อจูงศพผู้ตาย ก็เพื่อให้เกิด สภาพสภาวะจิตใจที่เรียกว่า "ความกตัญญู กตเวทิตา" อย่างหนึ่ง
เพื่อเป็นเครื่องช่วยทำให้ญาติผู้ตาย คลายความเศร้าหมอง คลายความหวง เพราะในสมัยก่อนนั้น ความเชื่อเรื่องนรก สวรรค์มีมาก ถ้าบวชจูงศพให้ผุ้ตาย เขาก็มีความเชื่อว่า ผลบุญนั้น จักทำให้ผู้ตาย ได้ไปเกิดในภพที่ดี ไม่ได้หวังให้จูงไปสวรรค์ อะไรดอกนะคุณ |
|
|
|
  |
 |
tanaphomcinta
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 127
ที่อยู่ (จังหวัด): 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180
|
ตอบเมื่อ:
27 ก.ย. 2008, 8:41 am |
  |
อ้างอิง
คุณเข้าใจผิดแล้ว ที่ว่า การบวชหน้าศพนั้น เป็นการให้ลูกหลานจูงไปสวรรค์ ไม่ใช่ดอกคุณ
คนไทยไม่ไร้ปัญญาขนาดนั้นดอกนะคุณ ถ้าญาติผู้ตายอยากให้ผู้ตายไปสวรรค์ ให้พระสงฆ์ผู้มีสมณะ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จูงไม่แน่นอนกว่าหรือคุณ พระสงฆ์ในสมัยก่อน เขามีคติ มีความรู้ มีความเข้าใจ ในหลักธรรม จึงให้ลูกหลาน ได้บวชเพื่อจูงศพผู้ตาย ก็เพื่อให้เกิด สภาพสภาวะจิตใจที่เรียกว่า "ความกตัญญู กตเวทิตา" อย่างหนึ่ง
เพื่อเป็นเครื่องช่วยทำให้ญาติผู้ตาย คลายความเศร้าหมอง คลายความหวง เพราะในสมัยก่อนนั้น ความเชื่อเรื่องนรก สวรรค์มีมาก ถ้าบวชจูงศพให้ผุ้ตาย เขาก็มีความเชื่อว่า ผลบุญนั้น จักทำให้ผู้ตาย ได้ไปเกิดในภพที่ดี ไม่ได้หวังให้จูงไปสวรรค์ อะไรดอกนะคุณ
ไม่ได้เข้าใจผิด น่ากลัวคุณนั้นแหละเข้าใจผิด อ่านไม่ระเอียดแล้วตอบ ก็ไม่ได้เห็นด้วยทำในการกระทำของเขาเลยจึงได้เอามาเป็นหัวข้อปุจฉาวิสัชนา ถามตอบกันดูท่านใดมีความคิดเห็นอย่างไร และมีเหตุผลที่ดีกว่านี้บ้างก็เท่านั้น ก็ไม่เป็นไรที่ท่านว่าเราเข้าใจผิดก็คงจะผิดจริงๆที่อำความรู้สึกของตัวเองมาถามหาความถูกต้อง และผู้ที่เข้ามาตอบก็มีหลายระดีบความรู้ความเข้าใจ บางท่านเห็นว่าทำดีได้ดี บางท่านก็เห็นว่าทำดีไม่เห็นได้ดีก็มี พูดง่ายก็คือความผิดกับความถูกเท่านั้นเอง มีสองอ่ายงนี้เท่านั้นจริงๆ (ส่วนมาก) แต่ความเชื่อของคนเรามักจะบอกว่าเพื่อจูงพ่อแม่ที่ตายแล้วไปสู่สวรรค์ ท่านอ่านตรงนี้แล้วทำความเข้าใจเสียใหม่ ผู้ตั้งกระทู้ไม่เห็นด้วยที่ทำแบบนั้น เห็นว่าถ้าจะให้ดีกว่านี้คือ เรามารักษาศีลไม่มีเหล้าในงานศพไม่มีการฆ่าสัตว์ในงานศพจะไม่ดีกว่าหรือ นี้คือความเห็นของผู้ตั้งกระทู้ ไม่ได้เห็นด้วยที่เอาลูกหลานมาบวชจูงแล้วบอกว่าผู้ตายจะได้ไปสวรรค์ นั้นเป็นการเข้าใจผิด ถ้าผู้ตายไปไม่ได้ทำความดีไว้ เรียกว่าวัดก็ไม่เข้าเหล้าก็ไม่ขาดบาทก็ไม่ใส่อุ้มไก่ก็ไม่ละเอาหัวพระเป็นปฎิทินแล้ว จะเอาลูกหลานหรือต่อให้บวชให้ทั้งหมู่บ้านผู้ที่ตายไปนั้นก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการที่มีผู้บวชให้ เพราะตอนเขามีชีวิตอยู่เขาไม่เคยสนใจเรื่องบาปบุญคุณโทษเลย แล้วตายไปจะไม่ยิ่งกว่าหรือ จะรับบุญที่มีคนบวชให้หรือ เพราะไหนก็ไม่สนใจแล้วเวลาตายไปก็จะมาสนใจได้อย่างไร นี้คือความหมายและความต้องการของการตั้งกระทู้ ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ให้ความสนใจในกระทู้ที่นำมาเสนอ จะหาสิ่งที่มีความหมายและมีประโยชน์แก่ส่วนรวมมาให้พิจารณากันคราวหน้านะสิบอกให้ ฮิฮิฮิ |
|
_________________ ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล |
|
       |
 |
อิชิคาว่า
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 24 ส.ค. 2008
ตอบ: 94
ที่อยู่ (จังหวัด): กำแพงเพชร
|
ตอบเมื่อ:
28 ก.ย. 2008, 12:51 pm |
  |
ขออนุโมทนาครับท่านฌาณ
ผมขอเอาไปลง hi5 นะครับ
เพื่อเป็นธรรมทาน  |
|
_________________ สังขารไม่เที่ยงหนอ |
|
   |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
28 ก.ย. 2008, 2:21 pm |
  |
|
  |
 |
ทานธรรม
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 26 ก.ย. 2007
ตอบ: 13
ที่อยู่ (จังหวัด): สุพรรณบุรี
|
ตอบเมื่อ:
30 ก.ย. 2008, 9:09 am |
  |
การให้ลูกหลานจูงหน้าศพ ไม่เกิดประโยชน์ในแง่บุญกุศลให้กับคนตาย
แต่เกิดประโยชน์ในด้าน เพื่อให้ลูกหลานรู้จักกตัญญูต่อญาติ หรือผู้มีพระคุณ
เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว ยังถือว่าเป็นประเพณีที่ดี ควรอนุรักษ์กันไว้ต่อไป
ดีกว่าปล่อยให้สัปเหร่อ เอาเสื่อขาดๆ ห่อศพ แล้วยัดเตาเผาเฉยๆ
เพราะแม้จะไม่ต่างอะไรกัน แต่ในด้านคุณธรรมและจริยธรรมของมนุษย์แล้ว
ก็น่าจะทำพิธีรีตองกันบ้าง ดีกว่าไม่ทำซะเลย
ถ้าคนเราทำอะไรไม่มีพิธีรีตอง เราก็จะคล้ายๆ กับสัตว์ทั่วไป คือ
หิวตรงไหนก็กินมันตรงนั้น
อยากจะเสพกามตรงไหน ก็เสพมันตรงนั้น
อยากจะนอนตรงไหน ก็นอนมันตรงนั้น
แล้วเราจะมีปัญญาขั้นสูงกันไปทำไม .... |
|
_________________ จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน |
|
  |
 |
|