ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
k
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 17 ก.ย. 2008
ตอบ: 2
|
ตอบเมื่อ:
04 ต.ค.2008, 8:33 pm |
  |
ตอนนี้ชีวิตผมมีทุกอย่าง ไม่ว่าบ้าน รถ เงินทอง แต่ผมไม่มีความสุขเพราะว่าลูกป่วยเป็นออทิสติก
ไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ก็เดินกินได้ แต่ไม่ค่อยพูด พูดได้ไม่กี่คำ อายุ 2 ขวบ 7 เดือนแล้ว
ผมจะใช้ธรรมข้อใดในการดับทุกข์นี้ดีครับ เรียนถามท่านผู้รู้ช่วยสงเคราะผมหน่อยครับ |
|
|
|
  |
 |
ZERO
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 01 ต.ค. 2008
ตอบ: 18
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงราย
|
ตอบเมื่อ:
05 ต.ค.2008, 5:16 am |
  |
ในโลกนี้มีกรรมเป็นกรรมเนิดมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ นี่แสดงว่าคุณเป็นคนที่ทำบุญในเรื่องทานไว้มาก แต่อ่อนเรื่องวิปัสนานะ ควรที่จะศึกษาหาธรรมให้มากๆ เพราะถ้าตอบคำถามนัยลึกๆ ให้จะไม่เข้าใจเลย เรื่อนี้ควรค่อยๆ เริ่มนะ
ลูกของคุณน่ะร่างกายเขาพิการแต่ใจเขาไม่พิการนี่ คุณก็เหมือนกันการยอมรับความจริงเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข เพราะการยึดความจริงนั้นทำให้ชีวิตเป็นอมตะ และหายจากโรคภัยทั้งปวง จำไว้เลยว่าความจริงที่เที่ยงแท้หลักๆ มี 4 ข้อ เรียกรวมว่าอริยะสัจ 4 (ไปหาดูนะ) แต่ทั้งหมดรวมความให้ทำใจอย่างนี้ว่า มีเกิดขึ้น มีเสื่อมไปในท่ามกลาง และสลายไปในที่สุด
การทุกข์ของคุณไม่ได้ช่วยให้คุณหรือครอบครัวดีขึ้นทั้งยังไม่ให้ประโยชน์กับบุตรคุณ จำไว้ว่าธรรมะรักษาที่ใจเป็นสำคัญ ถ้าใจไม่พิการอย่างอื่นก็ไม่ต้องไม่ต้องไปกังวล ลูกของคุณมีวิบากกรรมที่ติดมานะ ถือเสียว่ากรรมของใครของมัน แต่เขาเป็นทายาทกรรมของเรา คุณควรธรรมบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ถวายองค์พระหน้าตัก 4 นิ้วขึ้นไปปล่อยสัตว์ด้วยจะดี และอธิษฐานขอพรพระ ด้วยการสวดมนต์หรือภาวนาจนเป็นอารมณ์ (ติดเป็นสันดาน) ต่อไปอาการลูกคุณจะดีขึ้น ที่สำคัญใจคุณอย่าเสีย รักษากำลังใจไว้ อีกอย่างคุณควรคิดไว้เสมอว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยงความตายเป็นของเที่ยง ฉะนั้นทุกวินาทีมีค่าอย่าประมาท |
|
_________________ เราเป็นทรัพย์ของโลก |
|
   |
 |
k
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 17 ก.ย. 2008
ตอบ: 2
|
ตอบเมื่อ:
06 ต.ค.2008, 8:52 am |
  |
ขอบพระคุณมากครับ ผมดีขึ้นมากแล้วครับ จะมั่นศึกษาธรรมะและวิปัสนาให้มากขึ้นครับ ขอให้ท่าน ZERO มีความสุขความเจริญยิ่งขึ้นไปนะครับ |
|
|
|
  |
 |
natdanai
บัวบาน

เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok
|
ตอบเมื่อ:
06 ต.ค.2008, 9:22 am |
  |
ขออนุโมทนาครับกับธรรมที่ท่าน จขกท. ได้เห็น อย่างไรเสียก็อย่าท้อแท้
ครับ อย่างน้อยลูกของท่านก็ยังดีครับที่เกิดมาในครอบครับที่มีปัจจัย 4
บริบูรณ์ ซึ่งชีวิตเขาก็คงไม่ลำบากมากครับ....  |
|
_________________ ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง |
|
    |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
06 ต.ค.2008, 3:38 pm |
  |
สู้สู้ครับ  |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
06 ต.ค.2008, 3:54 pm |
  |
องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้กล่าวว่า
หากใครเห็นว่าโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้น เกิดมาจากกรรมทั้งสิ้น ย่อมเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
เพราะโรคภัยไข้เจ็บนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ กรรมเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น
ในทางพระพุทธศานาได้แบ่งกฎเกณฑ์การเจ็บป่วยไว้อย่างแยบคาย 5 ประการดังนี้
อุตุนิยาม
เป็นกฎธรรมชาติที่เกี่ยวกับสภาพดินฟ้าอากาศและสิ่งแวดล้อม เช่น ร้อนหรือหนาวเกินไป อุทกภัย วาตภัย
พีชนิยาม
เป็นกฎธรรมชาติของพืชพันธ์ หรือ พันธุกรรม เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคเอดส์ ที่สามารถถ่ายทอดได้กรรมพันธ์
จิตตนิยาม
เป็นกฎธรรมชาติเกี่ยวกับสภาพจิตใจ หรืออุปทานความนึกคิดที่อาจปรุงแต่งจนเกินไปได้ อาจมีผลกระทบต่อภาวะร่างกาย
กรรมนิยาม
เป็นกฎธรรมชาติเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ ที่เกิดจากการกระทำหรือการแสดงเจตนา เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์โดยตรง
ธรรมนิยาม
เป็นกฎที่ว่าด้วยเรื่องเหตุและผล เช่น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วดับไป
 |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
kokorado
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
06 ต.ค.2008, 4:03 pm |
  |
ขอบคุณ คุณ ฌาน เรื่องนี้ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาจากไหนเลย ได้ความรู้ใหม่เลย |
|
_________________ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม |
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
07 ต.ค.2008, 2:32 am |
  |
ความดับทุกข์ มี 2 วิธี
วิธีที่หนึ่ง คือ คิดให้ใจมีความสุข
หาวิธีให้ใจมีความสุข
คล้ายๆว่าตอนนี้เราถูกผลักมาทางซ้ายจัดๆ ถูกผลักมาฝั่งความทุกข์
ฝั่งความทุกข์นี้ ไม่มีผนัง ไม่มีขอบเขต
อย่างทุกข์ที่คุณประสบอยู่นี้ มากจนไร้ขอบเขต
หาวิธีผลักตัวเอง ให้กลับไปอยู่ฝั่งความสุข
ด้วยการหาวิธีคิด ด้วยการหากำลังใจ ทั้งจากตัวเองหา และคนอื่นช่วย
เราคิดดี คิดบวก คิดให้กำลังใจตัวเอง เพื่อให้เรากลับไปอยู่ในฝั่งความสุข
มันค่อยๆผลักให้เราทุกข์น้อยลงน้อยลงจนเริ่มเป็นความสุข
ลองไปพบแม่ชีศันสนีย์ดูนะครับ หรือนักจิตวิทยา สถาบันที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้
เด็กคนไหนป่วยเป็นโรคนี้แล้ว จะป่วยกันทั้งครอบครัว คือป่วยใจกันหมด
มันทุกข์มาก แรงมาก จนเราเอาตัวเองขึ้นจากหลุมไม่ค่อยไหว ต้องหาคนช่วย
วิธีแก้ไขความทุกข์ด้วยการคิดนี้ ได้ผลเร็วดี แต่ไม่ใช่วิธีที่แก้ไขได้จริงๆ
เพราะว่าพอมีเหตุการณ์อะไรที่มันเหมือนมีดกรีดลงกลางหัวใจอีก
เราก้จะกลับมาอยู่ในฝั่งความทุกข์อีก
ถ้าเราใช้วิธีแก้ไขความทุกข์ด้วยความคิด
มันก้จะเป็นคำตอบแค่สองอย่างนี้ คือ
สายพิณที่หย่อน และสายพิณที่ตึง
ไม่สุข ก้ทุกข์ ฝั่งใดฝั่งหนึ่งเท่านั้นเอง
ในขณะที่เราพยามจะอยู่ในแดนแห่งความสุข
ธรรมชาติมันก็คอยมาผลักเราให้เข้าไปในแดนทุกข์อีก
เราคิดว่ามีพร้อมทุกอย่างที่จะป้องกันความทุกข์ได้
แต่เราฝืนธรรมชาติไม่ได้ ห้ามความทุกข์ไม่ได้
ต่อรองไม่ได้ กะเกณฑ์ปริมาณไม่ได้ รู้ล่วงหน้าก็ไม่ได้
มันมาที... ก็ล้มทั้งยืน
แต่เอาล่ะ วิธีที่แก้ไขความทุกข์ด้วยความคิดมันได้ผลเร็ว เราก็ควรทำไป
คอยดีดพิณสายที่ตึงไว้ เพื่อสู้กับสายที่หย่อน
คอยหาความสุขเข้ามาให้มาก เพื่อมาชดเชยเจือจางความทุกข์ลงไป
แต่ถ้าเห็นด้วยว่า วิธีแก้ไขความทุกข์ด้วยความคิดนี้มันเป็นวิธีแบบหนูถีบจักร
ไม่จบไม่สิ้นเป็นวังวนอยู่ ก็ควรจะทำความรู้จักกับวิธีที่สอง
เป็นทางสายกลาง
วิธีที่สอง คือ วิธี "เฝ้าดูจิตใจไปตามจริง"
คนที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุด เห็นจะเป้นพระอาจารย์ที่ผมเคารพนับถืออยู่
ลองพาลูกและครอบครัวไปหาท่านดู ท่านชื่อหลวงพ่อปราโมช ปาโมชโช
วิธีที่พระอาจารย์จะสอนให้นั้น มันเป้นวิธีที่จะทำให้เราพ้นไปจากทุกข์ในระยะยาว
ต้องอาศัยระยะเวลานิดนึง
วิธีนี้มันแปลกตรงที่ ไม่ใช้ความคิดในการแก้ปัญหา
พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ไม่ใช่เพราะคิด
การพ้นทุกข์ที่ท่านพูดถึง ก็ไม่ใช่การพ้นทุกข์เพราะว่าคิดเก่งแล้วพ้นทุกข์
แต่ท่านนั่งลงแล้วเฝ้าดุจิตใจตัวเอง
ดูไปตามจริง สุขก็รับรู้ ทุกข์ก็รับรู้
เฝ้าดูพฤติของจิตไปเรื่อยๆ นานเข้าๆ เห้นอะไรซ้ำๆจนชินชา
นานเข้าๆ จิตใจก้ตกผลึกความรู้ ค้นพบความจริงของจิตใจ
ว่าแท้จริงแล้วความทุกข์ความสุขที่ท่านเฝ้าดูมาแสนนานนั้น
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เหตุคืออะไร มีกระบวนการอย่างไร
ท่านจึงรู้ว่าจะดับความทุกข์อย่างไร
ผมอยากจะเชิญมาเรียนรู้วิธีอยู่โดยเหนือทุกข์เหนือสุขแบบพระพุทธเจ้ากัน
เมื่อท่านได้ค้นพบ (แม้เพียงลางๆ)ว่าความทุกข์ของท่านเกิดขึ้นได้อย่างไรแล้วล่ะก้
ท่านจะพบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล
เมื่อเข้าถึง "ธรรม" แล้ว
"ธรรม" จะ"รักษา"ผู้ประพฤติธรรมเองครับ
ลองดูข้อมูลติดต่อ และสถานที่จะพบท่านนะครับ
ท่านจะมากรุงเทพบ่อยครั้ง
ลองดูกำหนดการณ์ในเว็บ
www.wimutti.net |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
natdanai
บัวบาน

เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok
|
ตอบเมื่อ:
07 ต.ค.2008, 9:10 am |
  |
นิยาม 5 นั้นมีอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่เคยพิจารณา และหลายๆท่านมองข้าม พระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งในนิยาม 5 ก่อน ( สุคโต ) จึงรู้อุปนิสัยของสัตว์ทุกหมู่เหล่า ( โลกวิฑู ) .....  |
|
_________________ ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง |
|
    |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
07 ต.ค.2008, 10:52 am |
  |
ทำ สมาธิ ศีล ภาวนา ให้มาก แล้วก็สวดมนต์ก่อนนอนให้ทุกคืน เวลาสวดเอาจิตใจทั้งหมด รวมอยุ่กับคำสวด แล้วพอสวดเสร็จ ให้แผ่เมตตา ให้ลูกที่ป่วย ให้แผ่เมตตา ให้เจ้ากรรมนายเวร ทำทุกวัน ลูกคุณจะดีขึ้น
ทำบุญให้บ่อย ให้มาก พาลูกไปทำบุญให้บ่อยให้มาก แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
07 ต.ค.2008, 1:54 pm |
  |
สังเกตคุณฌานเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษาใฝ่แสวงความรู้สาธุสาธุ
เมื่อเป็นดังนั้นกรัชกายขอแนะนำให้ศึกษาเรื่องนิยามดังกล่าว ที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=inhale&id=25
จะโพสต์ตรงนี้ก็ยาวเกินเพราะเป็นวิชาการซึ่งเนื่องกันกับหลักกรรมด้วย กับ
ปฏิจจสมุปบาทด้วย  |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
|