Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
สติ คืออะไร
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
ฝึกสติ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
บุญชัย
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 29 ก.ค. 2008
ตอบ: 568
ที่อยู่ (จังหวัด): สงขลา
ตอบเมื่อ: 29 ก.ย. 2008, 2:54 pm
สติ แปลว่า ความระลึกได้ ความนึกขึ้นได้ หมายถึง อาการที่จิตนึกถึงสิ่งที่จะทำจะพูดได้ นึกถึงสิ่งที่ทำคำที่พูดไว้แล้วได้ เป็นอาการที่จิตไม่หลงลืม ไม่เผลอไผล ฉุกคิดขึ้นได้ ระงับยับยั้งใจได้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ความไม่ประมาท
สติ เป็นธรรมมีอุปการะมาก คือทำให้ตื่นตัวอยู่เสมอ ไม่ให้เลินเล่อพลั้งเผลอ ป้องกันความเสียหายเบื้องต้น เป็นเหตุให้ฉุกคิด ยับยั้งชั่งใจไม่บุ่มบ่าม และกระตุ้นให้นึกถึงชีวิตจนทำให้เสียสละทำความดีงามต่างๆ ได้ แต่หากขาดสติแล้วจะเป็นเหตุให้ทำอะไรผิดพลาดพลั้งเผลอและเสียหายร่ำไป
สติ เป็นคุณธรรมที่เกิดเองไม่ได้ ต้องทำให้เกิดขึ้นด้วยการฝึกฝนรวบรวมจิตใจให้นิ่งแน่วด้วยวิธีต่างๆ เช่น ทำสมาธิ สวดมนต์ ภาวนา
_________________
ทำดีทุกทุกวัน
บุญชัย
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 29 ก.ค. 2008
ตอบ: 568
ที่อยู่ (จังหวัด): สงขลา
ตอบเมื่อ: 29 ก.ย. 2008, 2:55 pm
สติ(ความระลึกได้) เป็นอนัตตาดั่งเช่นธรรมทั้งหลายทั้งปวง ดังนั้น สติจึงทำให้เกิดขึ้นไม่ได้และไม่สามารถกำหนดให้เกิดได้ แต่สติจะเกิดได้ต้องมีเหตุ และเหตุที่ทำให้สติเกิดคือ จิตจำสภาวะธรรมได้แม่นยำ (อ้างจาก คัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ)จิตจะจำสภาวะธรรมได้แม่นยำ ก็เมื่อเราหมั่นตามรู้กายตามรู้ใจเนืองๆ ด้วยความเป็นกลาง กล่าวคือ เมื่อสภาวะใดๆเกิดขึ้นที่จิต เช่น ความโกรธ ความชอบ ความรัก ความหลงไปคิด ความกลัว ความอิจฉา ไม่ว่าสภาวะธรรมใดๆทั้งฝ่ายกุศล(ดี) และฝ่ายอกุศล(ชั่ว) เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ให้หมั่นตามรู้เนืองๆด้วยใจที่เป็นกลาง การหมั่นตามรู้เนืองๆนี้เอง จะทำให้จิตจำสภาวะธรรมได้แม่นยำ(เรียกเป็นบาลีว่า ถิรสัญญา) แล้วเป็นเหตุให้สติเกิด คือเมื่อสภาวะธรรมนั้นๆเกิดขึ้น และจิตจำสภาวะธรรมนั้นได้ สติ(ความระลึกได้)จะเกิดเอง
การหมั่นตามรู้เนืองๆ เป็นจุดสำคัญและถือเป็นการเจริญภาวนาที่เรียบง่ายและสัดสั้นที่สุด มนุษย์เราทั่วทั้งโลกเคยชินกับการหาความรู้ด้วยการฟัง การอ่าน (สุตมยปัญญา) หรือ การคิดวิเคราะห์เอา (จินตามยปัญญา)แต่การหาความรู้ในทางพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดคือ การคอยตามรู้ตามความเป็นจริงถึงสภาวะใดๆที่เกิดขึ้นกับกายกับใจด้วยความเป็นกลาง เมื่อตามรู้บ่อยๆด้วยใจที่เป็นกลาง เช่น เมื่อเกิดความโกรธ ก็รู้ว่าโกรธ เกิดความอยาก ก็รู้ว่าอยาก เกิดหลงไปคิดก็รู้ว่าหลงไปคิด เกิดความสุขก็รู้ว่าเกิดความสุข เกิดความทุกข์ก็รู้ว่าเกิดความทุกข์ เช่นนี้ เมื่อตามรู้ซ้ำๆบ่อยๆจนจิตจำสภาวะธรรมได้แม่นยำ จะทำให้สติเกิดขึ้นกับจิต เมื่อสติเกิดบ่อยๆ ก็ทำให้จิตมีความสุข เมื่อเกิดความสุขบ่อยๆ ก็จะทำให้จิตตั้งมั่นเกิดสัมมาสมาธิ เมื่อเกิดสัมมาสมาธิบ่อยๆ ก็เป็นเหตุให้เกิดปัญญาเห็นความจริงของกายของใจ ว่า มันไม่เที่ยง(อนิจจัง) มันไม่สามารถคงทนอยู่ในสภาพเดิมได้ตลอด(ทุกขัง)และมันไม่มีตัวตนของใครบังคับมันไม่ได้(อนัตตา)การได้เห็นความจริงเช่นนี้ก็คือการหาความรู้ด้วยการตามรู้บ่อย หรือที่เรียกเป็นบาลีว่า ภาวนามยปัญญา
การเห็นความจริงของกายของใจว่าไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตาบ่อยๆจนจิตตัดสินความรู้เองครั้งแรก ก็จะทำให้สักกายทิฏฐิคือความเห็นว่ามีตัวมีตนอยู่ถูกทำลาย ทำให้ผู้นั้นบรรลุโสดาปัตติมรรคเป็นพระโสดาบัน นี่เป็นปัญญาขั้นที่ทำลายความเห็นผิดว่ากายใจเป็นของตน หมั่นตามรู้กายใจต่อไปเรื่อยๆจนจิตตัดสินความรู้ครั้งที่สอง ก็จะทำให้กิเลส (กามราคะ และ โทสะ)เบาบางลง ทำให้ผู้นั้นบรรลุสกิทาคามิมรรคเป็นพระสกิทาคามี จากนั้นหมั่นตามรู้กายใจต่อไปเรื่อยๆจนจิตตัดสินความรู้ครั้งที่สาม ก็จะสามารถละ กามราคะและโทสะได้สมบูรณ์ ทำให้ผู้นั้นบรรลุอนาคามิมรรคเป็นพระอนาคามี และเมื่อตามรู้กายตามรู้ใจเนืองๆต่อไปอีกจนจิตตัดสินความรู้ครั้งที่สี่ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย จิตจะทำลาย ความฟุ้งซ่าน(อุทธัจจะ) ความถือตัว(มานะ) ความเพลิดเพลินพอใจในรูป (รูปราคะ) ความเพลิดเพลินพอใจในอรูป(อรูปราคะ)และอวิชชา (ความไม่รู้ความจริงทั้งสี่-อริจสัจจ์สี่)ได้อย่างราบคาบ เป็นการจบกิจที่ต้องกระทำอย่างสมบูรณ์ในพุทธศาสนา ผู้นั้นเรียกขานกันว่า พระอรหันต์ จิตจะพ้นจากทุกข์อย่างสิ้นเชิง
สติจึงถือเป็นธรรมที่มีอุปการะมาก
_________________
ทำดีทุกทุกวัน
ฌาณ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
ตอบเมื่อ: 03 ต.ค.2008, 8:33 pm
_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
บุญชัย
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 29 ก.ค. 2008
ตอบ: 568
ที่อยู่ (จังหวัด): สงขลา
ตอบเมื่อ: 06 ต.ค.2008, 9:16 am
สาธุครับทุกๆท่าน
_________________
ทำดีทุกทุกวัน
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
ฝึกสติ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th