ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ผ้าขี้ริ้ว
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 07 ก.ย. 2005
ตอบ: 101
|
ตอบเมื่อ:
29 ก.ย. 2008, 10:58 am |
  |
อรุณรุ่งพุ่งส่องแสงทองสาด ฟ้าพิลาศปราศราคีสีสดใส
ลมหนาวโชยโบยสะบัดพัดทั่วไป ต้องพฤกษ์ใบไหวพลิ้วปลิวกระจาย
หยาดน้ำค้างหยดเหยาะเผลาะๆ ผล็อย ฟูทยอยฝอยกระเซ็นซ่านเป็นสาย
เมื่อแดดส่องละอองฟูดูแพรวพราย ดูละม้ายคล้ายเพชรเม็ดน้ำนวล
ฝูงวิหคนกกาจ้าจำเรียง ส่งสำเนียงเสียงเสนาะเพราะโหยหวล
ต่างโผผินบินจากรังสะพรั่งพรวน มิเรรวนด่วนบ่ายหน้าออกหากิน ฯ
แสงทองรับวันใหม่ มวลหมู่ไม้คลายเกษร
ภุมรินต่างบินจร ทั่วสิงขรยามอุทัย
ปักษิณต่างบินร่อน เหล่าวานรวิ่งขับไล่
บ้างโลดกระโดดไป ชิงลูกไม้หมายไว้กิน ฯ
ยืนพินิจคิดดูหมู่บุปผา จำเริญตางามสะพรั่งดังภาพศิลป์
ก้านดอกช่อกอพวงร่วงเกลื่อนดิน หอมรวยรินกลิ่นฟ้งจรุงมาลย์
แมลงภู่วู่ว่อนร่อนพากเพียร บินวนเวียนเปลี่ยนกันชิมลิ้มรสหวาน
เฝ้าชี้ชวนเกสรชื่นรื่นดวงมาลย์ อลหม่านเมื่อลมหนนาวพัดกราวมา ฯ
ไก่ขันกระชั้นแว่ว หอมดอกแก้วกรุ่นกำจาย
น้ำค้างพร่างพราวพราย แสงทองฉายที่ปลายฟ้า
ชีวิตเริ่มอีกครั้ง สิ่งที่หวังยังรอท่า
ความหมายอาจไกลตา แต่จะฝ่ามุ่งหน้าไป
และใช่อาจไม่ถึง แต่ก็ญึ้งและสุขใจ
ไม่ขอท้อต่อสิ่งใด แม้ทำได้แค่กรุยทาง ฯ
ก้าวต่อไปๆ อย่าได้หยุด แม้สะดุดล้มลงไปอย่าใจฝ่อ
เป็นนักสู้ต้องสู้สิอย่ารีรอ อย่าย่อท้อหนทางยาวที่ก้าวไป
โน่นจุดหมายปลายทางอยู่ข้างหน้า จะเหินฟ้าข้ามเขาเอาให้ได้
มิหวั่นพลาดมิหวั่นแพ้มิแคร์ใคร มิหวั่นใจมิหวั่นจิตสักนิดเดียว ฯ
สู้ต่อไปเถอะชีวิตอย่าคิดท้อ ความดีก่อต่อไปให้เหมือนเก่า
แม้ร่างกายจะชุบทองใช่ของเรา เดี๋ยวก็เน่าสาบสูญเป็นมูลดิน ฯ
กายเกิดก่อต่อร่างสร้างชีวิต แก่ตามติดชิดใกล้ให้แลเห็น
เจ็บป่วยไข้ได้ทุกข์คลุกประเด็น ตายไม้เว้นเหลือไว้ให้ใครเลย ฯ
ตื่นเถิดตื่นเถิดอย่าเพ้อ เพลินนอน
อาทิตย์ตย์เยี่ยมอัมพร พรุ่งแล้ว
ฝูงวิหคต่างบินจร หาเหยื่อ
ประโยชน์มักคลาดแคล้ว ผ่านพ้นคนนอน ฯ
เมื่อท่านหลับมีคนปลุกรีบลุกเถิด เมื่อท่านเตลิดมีคนสะกิดอย่าคิดหยา
เมื่อท่านช้ามีคนจูงรีบมุ่งตาม เมื่อท่านทรามมีคนช่วยน่าอวยพร ฯ
เมื่อชีวิตผิดหวังอย่านั่งท้อ จงคิดต่อสู้เถิดจะเกิดผล
ผิดเป็นครูรู้แก้ให้แก่ตน เกิดเป็นคนต้องต่อสู้จึงอยู่ดี ฯ
ล้มแล้วลุกอย่าท้อต้องต่อสู้ ให้มันรู้ว่าจะแพ้อีกแค่ไหน
ฟื้นแล้วลุกตื่นตัวด้วยหัวใจ ลุกมาสู้ต่อไปอย่าได้กลัว ฯ
อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน
อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา ฯ
นอนนานงานน้อย กินบ่อยเงินหมด
มีเงินหน้าสด หมดเงินหน้าแห้ง ฯ
ตื่นแต่เช้า ก้าวไปข้างหน้า ทำงานแข่งกับเวลา พัฒนาจิตใจ ฯ
ตื่นดึกได้งานหลาย ตื่นสายได้งานน้อย ฯ
ตื่นแต่ดึก ศึกษาแต่หนุ่มสาว ฯ
รีบถ่อรีบพาย ตะวันจะสาย
ตลาดจะวาย สายบัวจะเน่า ฯ
อย่าปล่อยให้วันเวลาคร่าชีวิต โดยไม่คิดทำสิ่งใดให้พูนเพิ่ม
สร้างความดีทวีไว้ไฝ่ต่อเติม ชั่วอย่าเสริมสร้างเลยเสวยกรรม ฯ
ประโยชน์ตนประโยชน์ท่านหมั่นอย่าพลาด พระจอมปราชญ์ตริสไว้ใจดื่มต่ำ
เป็นปัจฉิมโอวาทประกาศธรรม ให้สาวกจดจำก่อนนิพพาน ฯ
จงเตือนตนของตนให้พ้นผิด ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
ตนเตือนตนไม้ได้ใครจะเตือน อย่าแชเชือนเตือนตนให้พ้นภัย ฯ
เตือนตนเองให้เกรงต่อความชั่ว ตนอย่ามั่วเรื่องกิเลสเหตุตัณหา
ด้วยอาศัยการคิดพิจารณา ตนรู้ว่าเป็นโทษโปรดอย่าทำ ฯ
วันไหนๆ ไม่สำคัญเท่าวันนี้ เป็นวันที่สำคัญกว่าวันไหน
ถึงพรุ่งนี้มะรืนนี้ดีอย่างไร ก็ยังไม่สำคัญเท่าวันนี้ ฯ
อันบุญกรรมทำไว้ในโลกนี้ ผลย่อมมีแก่สัตว์เช่นฉัตรฉาน
เป็นที่พึ่งในโลกหน้าสุขาบาล เมื่อวิญญาณย่อยยับกลับพึ่งบุญ ฯ
ควรทำบุญคุณหนุนเป็นทุนอ้าง อย่าเว้นห่างศีลธรรมควรสั่งสม
เป็นที่พึ่งร่มรื่นให้ชื่นชม เมื่อสิ้นลมรุ่งเรืองไปเมืองแมน ฯ
การสั่งสมก่อสร้างซึ่งทางบุญ คือสร้างคุณความดีไม่มีเน่า
ย่อมนำสุขมาให้สู่ใจเรา ใหม่หรือเก่าย่อมให้ผลดลบันดาล ฯ
อย่าดูหมิ่นบุญกรรมจำนวนน้อย จักไม่ต้อยตามต้องสนองผล
แม้ตุ่มนี้ที่เปิดหงายรับสายชล ย่อมเต็มล้นด้วยอุทกที่ตกลง ฯ
อันนักปราฃญ์สั่งสมบ่มบุญบ่อย ทีละน้อยทำไปไม่ไหลหลง
ย่อมเต็มด้วยบุญนั้นเป็นมั่นคง บุญย่อมส่งสบสถานวิมานทอง ฯ
การทำบุญทำทานหมั่นทำเถิด เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขทุกสถาน
อย่าท้อถอยศรัทธาหมั่นทำทาน ผลบุญนั้นตามสนองไม่หมองมัว
แม้แต่ในชาตินี้ก็มีสุข บุญจะปลุกให้เราตื่นจากความชั่ว
ใครทำดีได้ดีเป็นของตัว จงละชั่วทำดีเถิดประเสริฐเอย ฯ
บุญกุศลที่ตนสร้างถูกทางธรรม โจรไม่นำหนีเราเอาไปเสีย
เพราะหลักเกณฑ์บุญนี้ไม่มีเรี่ยไม่เสื่อมเสียเหมือนมีทรัพย์นับอนันต์ ฯ
อันศรัทธาความเชื่อเมื่อตั้งมั่น บุญอนั่นต์มากมายหลายสถาน
ย่อมสำเร็จประโยชน์รุ่งโรจน์นาน ศรัทธาท่านศรัทธาเราเขาเหมือนกัน ฯ
การทำบุญเหมือนนำน้ำที่สะอาด มาล้างราดเพื่อชำระอกุศล
จิตสกาวขาวผ่องไม่หมองมน เป็นบุญล้นควรทำเช้าค่ำเอย ฯ
อันบุญกรรมนำแต่งทุกแห่งหน เกิดเป็นคนชั่วดีชี้ให้เห็น
สุขและทุกข็ร้อยอย่างต่างๆ เป็น ก็ไม่เว้นบุญกรรมนำบันดาล ฯ
ทุกคืนทุกวัน ฉันถามตัวเอง
เมื่อใจวังเวง ว่าตัวเองเกิดมาทำไม
เราเกิดมานี้ ชีวิตต้องการสิ่งใด
เกิดมาทำไม อะไรคือจุดหมายปลายทาง
เห็นหญิงและชาย วุ่นวายสับสน
เห็นเขาบางคน วกวนชีวิตหม่นหมาง
แย่งกินกามเกียรติ เบียดเบียนกันไปพลาง
จุดหมายปลายทาง แค่นี้หรือคือคนเรา
เราเกิดมาเพื่อสร้างความดี ชีวิตเรานี้ต้องไม่มีทุกข์แผดเผา
สร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในจิตใจเราสันติภาพนั้นเล่าต้องสร้างให้แก่สังคม
วิธีหนทางใช้สร้างสุขสันต์ เราต้องช่วยกันไม่สร้างในสิ่งโง่งม
อบายมุขเราต้องไม่ยอมนิยม หมั่นอบรมปัญญาทำหน้าที่ตน ฯ
ฉากแรกเกิดปลอดคลอดจากแม่ ร้องอุแว้เสียงจ้าน่าสงสาร
มือทั้งสองกำแน่นอยู่แสนนาน ทำท่าหาญฮึกเหิมประเดิมชัย
ประหนึ่งว่าจะกอบกำขยำโลก ให้ชุ่มโชคบี้แบนแม้แสนใหญ่
สิ่งต่างๆ ในโลกนี้มีเท่าไร จะกำได้ครองครองด้วยสองมือ
ฉากต่อมาคราใหญ่วัยหนุ่มสาว สร้างก้าวหน้าได้ให้จึดถือ
สร้างความดีสือเลื่องคนเลื่องลือ สร้างชั่วชื่อเสียหายอายฟ้าดิน
ฉากต่อมาคราตกเมื่อตอนแก่ ร่างกายแย่ซูบเซียวหนังเหี่ยวย่น
ทั้งผมหงอกฟันหักชักพิกล หนีไม่พ้นอนิจจังสังขารา
ฉากต่อมาคราตกเมื่อตอนตาย มือกลับกลายแบหงายทั้งซ้ายขวา
เป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงสัญญา ว่าเกิดมาจะต้องวางทุกอย่างไป
เมื่อเจ้ามามีอะไรมาด้วยเล่า จะมัวเมาโกยตะบึงไปถึงไหน
เศรษฐีม่องเขาต้องเอาไปเผาไฟ ยิ่งเผาไปยิ่งล่อนจ้อนกว่าตอนมา
เมื่อเรามาก็มาแต่ตัวเปล่า ตรั้นตายเล่าจะเอาอะไรไปด้วยหนา
มาอย่างไรไปอย่างนั้นอย่าสงกา อย่ายึดว่าของของเราจะเศร้าใจ ฯ
เราจะต้องพลัดพรากจากของรัก ไม่ย้ายยักมั่นคงอย่าสงสัย
รีบรู้ตัวเสียก่อนไม่ร้อนใจ ถึงคราวไปก็ไปไปตามกาล ฯ
 |
|
_________________ คำพูดเพียงน้อยนิดอาจเปลี่ยนชีวิตของคนได้ |
|
  |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
05 ต.ค.2008, 10:10 pm |
  |
 |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
|