กิตติพันธ์
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 48
|
ตอบเมื่อ:
27 ก.ย. 2008, 7:10 pm |
  |
ถาม – จะตัดใจจากคนรักเก่าได้อย่างไรคะ? พยายามทุกวิถีทางแล้ว ทั้งอ่านหนังสือ ทั้งสวดมนต์ ทั้งทำใจคิดต่างๆ นานา พอใช้อุบายอย่างหนึ่งๆ ก็เหมือนจะได้ผลบ้าง แต่พอเวลาผ่านไป ใจก็วกกลับมาที่เก่าอีก กลุ้มใจมาก เหมือนจะไม่สามารถตัดได้ขาดอย่างแน่นอนตลอดไป
ตอบ – ที่คุณอ่านหนังสือ สวดมนต์ หรือพยายามนึกคิดไปต่างๆ เพื่อให้เกิดการตัดใจนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นแค่ยาแก้ปวดชั่วคราว คุณไม่ได้กำจัดตัวเชื้อโรคที่ฝังอยู่ในตับไตไส้พุงออกไปเลย ฉะนั้นพอยาแก้ปวดหมดฤทธิ์ เชื้อโรคก็มาผลัดเวรแผลงฤทธิ์ต่อ
อาการที่ถูกต้องของการถอนพิษรักนั้น ไม่ใช่ความพยายาม ‘ตัดใจ’ เพราะใจเป็นสิ่งที่ไม่มีคมมีดชนิดไหนๆ ตัดได้ขาด พฤติกรรมทางจิตที่ถูกต้องคือ ‘สละออก’ ซึ่งเป็นอาการที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย เนื่องจากเคยชินที่จะ ‘เอาเข้าตัว’ กันทั้งนั้น ซึ่งนั่นแหละครับคือการเพาะชำนิสัยหวงทุกข์ หวงยางเหนียวยึดติดกับปฏิกูลทางอารมณ์โดยแท้
แต่ละคนมีพลังหรือศักยภาพในการสละออกแตกต่างกัน และศักยภาพดังกล่าวนี้ไม่ใช่มีกันด้วยความบังเอิญ กับทั้งไม่ใช่ความสามารถเฉพาะทาง จิตที่มีดี ที่สามารถสลัดขยะหรือปฏิกูลทางอารมณ์ออกได้ง่ายนั้น คือจิตของผู้ที่เคยชินกับการสละออกเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่เฉพาะเรื่องรักใคร่หรือเรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง
นี่เป็นการมองภาพกว้างภาพรวม ถ้าคุณอ่านเกมของจิตออก จะเห็นความสัมพันธ์ทั่วถึงกันหมด ไม่มีใครฝึกเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการตัดรัก แต่ทุกคนสามารถฝึกที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสละอารมณ์ส่วนเกินกันได้ทุกแง่
เมื่อพูดถึงการฝึก คุณจะต้องนึกถึงการทำไปตามลำดับขั้น จากง่ายไปหายาก ในที่นี้คุณจะฝึกสละ ก็ต้องไล่ลำดับจากการให้ในสิ่งที่สามารถให้ได้ง่ายๆ ก่อน สำคัญคือคุณต้องทำเป็นประจำ จนกระทั่งจิตเกิดความชินในอารมณ์อยากให้ อยากสละออก
ตามหลักการแล้ว การสละทรัพย์เล็กๆ น้อยที่เป็นส่วนเกินของตนให้ผู้อื่นหรือสัตว์อื่น จัดเป็นอุบายฝึกจิตคิดสละขั้นพื้นฐาน ยกตัวอย่างเช่นถ้ามีหมาแมวจรจัดมาเข้าบ้าน (ซึ่งพบได้เป็นปกติทั่วทุกหัวระแหง) คุณเหลือเศษอาหารเช้าหรือเศษอาหารเย็นที่จะทิ้งอยู่แล้ว ก็แค่เอาใส่จานให้พวกมัน หรือแม้ถ้าคุณอยู่ในเขตที่มีน้ำมีบ่อซึ่งสัตว์เล็กๆ อาศัยอยู่ เพียงสาดน้ำล้างจานอาหารที่มีเศษข้าวเศษเนื้อติดอยู่ลงไป โดยคิดว่าดีแล้ว เศษอาหารนี้จะตกถึงปากถึงท้องพวกสัตว์ในน้ำ นี่พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสว่าเป็นที่มาแห่งบุญเช่นกัน
อย่าดูถูกว่าการให้ของเล็กน้อยเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเมื่อคุณให้จนเป็นอารมณ์ชินที่จะสละแล้ว ก็เป็นการเพาะนิสัยในทางทาน เป็นผู้สามารถให้โดยไม่จำเป็นต้องให้ ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน อานิสงส์ของการเป็นบุคคลเช่นนั้นแหละ คือที่มาของกำลังของใจ ที่มาของความสามารถสละขยะส่วนเกินออกจากใจโดยง่าย
หากคุณยังไม่มีกำลัง ยังไม่รู้จักความสุขในการสละออก การทิ้งขยะย่อมยาก แต่เมื่อเริ่มเป็นสุขกับการทิ้งขยะบ้างแล้ว พอเกิดอารมณ์อาลัยบุคคลหรือวัตถุไร้ค่าใดๆ ใจก็ฉลาดพอจะเริ่มเห็นตัวอารมณ์นั้นเป็นส่วนเกิน ตรงนี้ต้องฝึกด้วย คือฝึกเห็นว่าตัวอารมณ์อาลัยนั่นแหละเป็นส่วนเกิน ทำนองเดียวกับเห็นเศษอาหารเหลือทิ้ง หรือเสลดสกปรกในปากที่ไม่จำเป็นต้องอมไว้
ยังไม่ต้องหวังว่าจะทำได้อย่างดีในระยะเริ่มต้น แต่คุณจะพบว่าหากหมั่นฝึกสละของเล็กๆ น้อยๆ ฝึกสละความถือโกรธผูกใจเจ็บ ฝึกกระทั่งเจียดเงินส่วนเกินของรายได้เพื่อทำบุญทั้งกับคนอนาถาซึ่งอยู่ต่ำกว่า เรื่อยไปจนถึงพระสงฆ์องค์เจ้าผู้มีศีลสัตย์ผู้อยู่สูงกว่า ในที่สุดจิตจะมีอานุภาพมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเกิดพลังความสว่าง มีศักยภาพสูงในการคิดสละ ซึ่งเมื่อบวกกับการฝึกหัดมองให้เห็นชัดว่าอารมณ์อาลัยเป็นเพียงปฏิกูลของจิต ในที่สุดคุณก็จะสลัดได้ราวกับคนถ่มเสลดลงพื้นโดยปราศจากความหวงแหนแม้แต่น้อยครับ
คัดลอกมาจาก
http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare033.htm
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=880047 |
|
|
|