|
|
|
|
ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ผ้าขี้ริ้ว
บัวใต้น้ำ
เข้าร่วม: 07 ก.ย. 2005
ตอบ: 101
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ย. 2008, 8:06 pm |
|
มังสวิรัติ ฤาจะเป็นกับดักแห่งอาหาร
Eating it deeply, we touch the sun, the clouds, the earth, and everything in the cosmos. THICH NHAT HANH
ก่อนไปลงไปถึงรายละเอียดของเรื่องนี้ ผมอยากขอยืนยันตรงนี้ก่อนครับว่า โดยหลักการแล้วผมเห็นด้วยกับการกินมังสวิรัติให้มาก กินสัตว์ใหญ่ให้น้อยที่สุดหรือไม่กินเลยเท่าที่เป็นไปได้ หากจำเป็นก็กินสัตว์ที่เล็กหรือกุ้ง หอย ปู ปลา เท่าที่เป็นไปได้แทน
ในแง่ของงานวิจัยด้านสุขภาพใหม่ๆ รวมทั้งโครงการในด้านธรรมชาติบำบัดเกือบทุกโครงการ เห็นพ้องต้องกันว่า อาหารที่เหมาะสมและเป็นผลดีกับสุขภาพนั้นจะต้องเป็นอาหารแนวมังสวิรัติ โครงการของคุณหมอดีน ออร์นิสอนุญาตให้คนไข้โรคหัวใจขาดเลือดของเขากินไขมันได้ไม่เกิน 10% และไม่อนุญาตให้กินเนื้อสัตว์ทุกชนิดยกเว้นปลา ในขณะที่สมาคมแพทย์โรคหัวใจของสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้กินไขมันได้ถึง 30% ผลการรักษาของคนไข้ในโครงการของคุณหมอดีน ออร์นิสได้ผลดีมากและมีคนไข้จำนวนมากที่เส้นเลือดหัวใจกลับมาขยายได้หลังจากที่เคยมีการอุดตันจากไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องทำบอลลูน ทั้งนี้ใช้ร่วมกับยาสมัยใหม่เท่าที่จำเป็นใช้ร่วมกับการทำความเข้าใจกับ จิตใจ ของตัวเองในเรื่องความเครียดด้วย งานวิจัยยาวนานถึง 25ปีของคุณหมอวิลค็อกและคณะที่ทำการศึกษาชาวโอกินาวาทางตอนใต้ของญี่ปุ่นซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกพบว่า อาหารของชาวโอกินาวาเป็นแนวมังสวิรัติและชีวิตโดยรวมๆ ของชาวโอกินาวามีความเครียดน้อย คุณหมอจาคอบจากอินเดียแนะนำเรื่องผลไม้มื้อเย็นและควรมีช่วงอดอาหารในบางวัน ไม่ควรกินอาหารหลังสองทุ่ม คุณหมอเดวิด ไซมอน คุณหมอแอนดรู วีล คุณหมอดีปัค โชปรา และอื่นๆ อีกมากมายที่มีประสบการณ์จริงกับคนไข้ ล้วนมีความเห็นในทำนองเดียวกันนี้
อย่างไรก็ตาม ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ บูชาเจ อย่างสุดขั้ว โดยไม่ได้เห็นภาพรวมแบบกว้างว่าเราทำอย่างนั้นเพื่ออะไร หากแต่การคิดแบบสุดขั้วในเรื่องอาหารนั้น ส่อแสดงให้เห็นถึง มุมมองชีวิต ที่แคบ ยึดติดและไม่เรียนรู้ มุมมองชีวิตแบบหลังนี้ไม่น่าจะเป็นหนทางแห่งความสุขที่แท้ได้เลย
ผมยกประเด็นง่ายๆ โดยเริ่มในเรื่องของชนิดของอาหารที่กินเลยว่า หากเราคิดว่า การที่เราไม่กินเนื้อสัตว์เพราะเป็นการไม่เบียดเบียนชีวิตนั้น อาจจะเป็นเรื่องที่มีความเข้าใจผิดพลาดอะไรหรือไม่
เป็นทำนองว่าฆ่ามดไม่บาป ฆ่าคนถึงจะบาป ?
เพราะในแง่นี้ ถ้าเราดูดีๆ เราก็จะพบว่า นักมังสวิรัติก็เป็นผู้เบียดเบียนชีวิตเช่นกัน เพราะพืชก็เป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งเหมือนกัน ปฏิกิริยาเคมีต่างๆ ภายในพืชก็เป็นกระบวนการที่นำพลังงานจากแสงอาทิตย์นำสารอาหารจากพื้นดินมาสร้างมาสังเคราะห์เป็นตัวพืช เหล่านี้แสดงอย่างชัดเจนว่าพืชมีชีวิต ทั้งยังมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกเหมือนกัน และมีการดิ้นรนเพื่อการมีชีวิตอยู่เหมือนกันกับสัตว์
เสือ, สิงห์โตนั้นเป็นสัตว์ที่ธรรมชาติสร้างมาให้เป็นสัตว์กินเนื้อ ก็มันกินพืชไม่เป็นนี่นา จะให้มันทำอย่างไร เพราะฉะนั้นทุกวันที่มันกินอาหารนั้นเป็นการสร้างบาปของมันหรือ? ส่วนกวาง, กระต่ายนั้นเป็นสัตว์ที่ถูกสร้างให้มากินพืช ในเวลาเดียวกันมันก็ถูกกำหนดให้เป็นอาหารของสัตว์ที่กินเนื้อ ตามกลไกของความเป็นห่วงโซ่อาหารตามธรรมชาติ และมันก็ ทำบาป ไม่เป็นเสียด้วยเพราะมันกินเนื้อไม่เป็นเท่านั้นหรือ อย่าลืมว่ามันก็เบียดเบียนพืชเหมือนกัน ไม่เชื่อลองปล่อยกระต่ายสักฝูงเข้าไปในแปลงผักที่เราปลูกไว้สิครับ
อย่าลืมนะครับว่า ทั้งเสือและสิงห์โต นั้น โดยธรรมชาติแห่งความเป็นปกติของมันนั้น มันจะไม่ฆ่า มันจะไม่ล่า หากว่ามันไม่หิว หากว่าไม่ได้ต้องการอาหารเพื่อความอยู่รอด หากเรามองในแง่ของ สิ่งที่ต้องเป็นไปเช่นนี้ เสือและสิงห์โตยังเป็นสัตว์ที่ทำแต่บาปอยู่ทุกวันหรือไม่
มนุษย์ต่างหากที่เป็นสัตว์ชนิดเดียวในโลกที่เน้นการสะสม และบริโภคทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่เฉพาะแต่ในเรื่องการกินเท่านั้นเกินกว่าที่จะจำเป็นต้องใช้ ซึ่งตรงนี้ต่างหากที่เป็นต้นตอของปัญหาและเกิดปัญหากับมนุษย์เองด้วยอย่างไม่น่าเชื่อ ชาวอเมริกันเพียงประเทศเดียวซึ่งมีพลเมืองเพียงประมาณไม่ถึง 6 % ของพลเมืองโลก แต่กลับใช้และบริโภคทรัพยากรเกือบ 60% ของโลก ในขณะเดียวกันกับที่จะมีคนจากอีกซีกโลกตายเพราะไม่มีอาหารจะกินมากถึงวันละ 30,000-40,000 คน
ผมคิดว่า ในเรื่องของการกินอาหารนี้ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ ชนิดของอาหาร เป็นหลัก หากแต่อยู่ที่ จิตสำนึก ในการกินอาหารมากกว่า หากเรากินอาหารด้วยมุมมองที่มีความรู้เท่าทันตั้งแต่ในขณะที่เตรียมอาหาร การเคี้ยวอาหาร การกลืนอาหาร ไปจนจบกระบวนการกินอาหารทั้งหมด เราก็จะค่อยๆ เข้าใจ เรียนรู้และสามารถเลือกอาหารที่เหมาะสมกับร่างกายของเราได้ อย่างที่ไม่มีสูตรตายตัว
ผมไม่เถียงว่านักปฏิบัติธรรมที่ยิ่งใหญ่หลายคนเป็นนักมังสวิรัติแต่ผมไม่คิดว่านักมังสวิรัติเหล่านั้นเป็น นักมังสวิรัติแบบภายนอก ในทางตรงกันข้ามนักปฏิบัติธรรมที่ยิ่งใหญ่ของโลกหลายคนรวมทั้งพระพุทธเจ้าด้วยก็ไม่ได้เป็นนักมังสวิรัติ และท่านเหล่านี้กลับเป็น นักไม่มังสวิรัติแบบภายใน แต่ให้ความสำคัญกับ แก่น ของการกินอาหารอย่าง รู้เท่าทัน กระบวนการทั้งหมดมากกว่าที่จะมัวติดอยู่กับ เปลือก ภายนอก ที่เป็นเสมือนหนึ่ง กับดักทางจิตวิญญาณ
ผมเข้าใจและทราบดีว่า การที่นักปฏิบัติธรรมหลายท่านอาจจะพยายามยกเรื่องการไม่เบียดเบียนชีวิต มาใช้ในเรื่องของการกินอาหารนั้น เป็นกลอุบายอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้คนบางกลุ่มได้ปฏิบัติตัว ช่วยกล่อมเกลาให้ชีวิตมี ความอ่อนโยน มี เมตตาธรรม มากขึ้นจริง หากแต่ชีวิตของคนเหล่านี้จะไม่สามารถเข้าสู่ ความอ่อนโยน ที่แท้จริงได้เลย หากไม่มีมุมมองที่กว้างขึ้น, ยึดติดและไม่เรียนรู้
ในเส้นทางของชีวิตและมุมมองนั้น มันมี กับดัก มากมายเสียเหลือเกิน หากใครหลุดเข้าไปใน กับดัก แห่งความคิดเหล่านั้น ก็จะเสียโอกาสในเรื่องของพัฒนาการในด้านจิตวิญญาณที่จะหยุดนิ่งในกับดักเหล่านั้น กับดักแห่งการยึดติดนั้น เกิดขึ้นได้เสมอ หากเราไม่หมั่นทบทวนตัวเอง หากเราไม่มี สังฆะ ไม่มีกัลยาณมิตรหรือความเป็นกลุ่มเป็นชุมชนที่คอยตักเตือนคอยร่วมกันทบทวนความคิด
หากพวกเรามีความเข้าใจในเรื่องของกับดักแห่งการยึดติดนี้ เราก็คงจะไม่มีปัญหาในเรื่องที่จะคิดที่จะเข้าใจในเรื่องอื่นๆ อีกมากมายทั้งในแง่สุขภาพและในแง่อื่นๆ เป็นต้นว่า เราก็จะมีความเข้าใจได้เองว่า น้ำลูกยอ, หญ้าปักกิ่งหรือสาหร่ายสารพัดชนิดนั้นเป็นอย่างไร เราก็จะมีความเข้าใจว่าเราควรจะเต้นแอโรบิคหรือไม่ หรือเราเต้นแอโรบิคไปเพื่ออะไร และในที่สุดเราก็จะมีความเข้าใจเองว่าเราควรจะดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข ไม่ไปเป็น สาวก ของน้ำลูกยอ สาวกของหญ้าปักกิ่ง สาวกของสาหร่าย สาวกของแอโรบิคและอื่นๆ แบบไม่ลืมหูลืมตา อย่างไรก็ตาม การตกลงไปในกับดัก ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย หากว่ารู้ตัวและตื่นที่จะปีนขึ้นมาจากหลุมพรางเหล่านั้น
และในที่สุดขอเรียนว่าจุดประสงค์ของบทความนี้ คงไม่ใช่เพื่อ ติ หากแต่เพื่อต้องการ การกระตุ้น ให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นจากเดิมที่ดีอยู่แล้วจากการที่คนส่วนหนึ่งหันมานิยมบริโภคอาหารในแนวของมังสวิรัติ
-------------------------------------
บรรณานุกรม
นพ.วิธาน ฐานะวุฑฒ์ คอลัมน์จับจิตด้วยใจ เรื่อง มังสวิรัติ ฤาจะเป็นกับดักแห่งอาหาร
หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2546 |
|
_________________ คำพูดเพียงน้อยนิดอาจเปลี่ยนชีวิตของคนได้ |
|
|
|
ฌาณ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ย. 2008, 9:39 pm |
|
|
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
|
|
muntana
บัวใต้น้ำ
เข้าร่วม: 10 ม.ค. 2008
ตอบ: 108
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok , Thailand
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ย. 2008, 1:13 pm |
|
มีงานศึกษา วิจัยอย่างกว้างขวางทั้งในสหรัฐ ยุโรป ออสเตอเรีย ถึงสาเหตุ ต้นตอหลักของโรคมะเร็งร้าย ที่ ฆ่าชีวิต ผู้คนทั่วโลกอย่างมากมาย ดังที่ทราบกันอยู่
ซึ่งในประเทศไทย เรา มีอัตราการเพิ่มของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่สูงขึ้นจนน่าตกใจ ทำให้ รพ รัฐ และศุนย์โรคมะเร็ง ไม่สามารถรองรับการรักษาผู้ป่วยได้ ตัวเลขทีแท้จริงไม่มีใครทราบว่า จำนวนเท่าไรแน่นอน แต่ ที่แน่ ๆ มีผู้ป่วยรอรับการบำบัด นับแสน ๆ ราย อย่างอนาถา นอกจากผู้ป่วยที่มีฐานะดี สามารถเข้ารับการบำบัดรักษาใน รพ เอกชน แต่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ถึงกว่า 5 แสน บาท แต่ไม่ประกันว่าจะหายจากโรคร้ายนี้ได้ ดังเป็ฯที่ทราบกันอยู่ บางรายรักษากว่า 3-5 ปีหมดค่าใช้จ่ายกว่า 5-9 ล้านบาท สุดท้ายก็เสียชีวิต ดังที่ปรากฎเป็นข่าวอยู่เนือง ๆ เฉพาะบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่ชาวบ้าน ทั่วไปมีอยู่นับไม่ถ้วน ว่ามีจำนวนเท่าไร แน่นอน
ต้องยอมรับความจริงที่ ทางไทยไม่ใคร่มีการศึกษา วิจัยอย่างจริงจังของต้นเหตุแห่งโรค ไม่เหมือนประเทศทางแถบอเมริกา หรือ ตะวันตก จะมีการทำการศึกษาอย่างจริงจัง เป็นเวลาหลาย ๆ ปี จนมีข้อมูลหลากหลายที่น่าสนใจ ว่า
เนื้อสัตว์ เป็นบ่อเกิด ต้นตอของนานาโรคร้ายหลากหลายชนิด
เช่นโรคมะเร็ง เต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
และจากการวิจัยล่าสุดโดยมหาวิทยาลัยแพทย์ ฮาวาด์ แห่งสหรัฐ และ
มหาลัยแพทย์ ลีด แห่ง ประเทศอังกฤษ เนื้อสัตว์ ยังเป็นต้นเหตุหลัก ๆ ของ
มะเร็งต่อมลูกหมาก และ มะเร็งรังไข่
ข้อมูลโดยมหาลัยแพทย์ชื่อดังระดับโลก
มหาลัยเทกซัส สหรัฐ
มหาลัยชิคาโก สหรัฐ
มหาลัยฮาวาย สหรัฐ
มหาลัยฮาววาด สหรัฐ
มหาลัยแพทย์ แห่งออสเตอเรีย
มหาลัยคิวเบค แห่งแคนาดา
มหาลัยออกฟอร์ด แห่งอังกฤษ
มหาลัยลีด แห่งอังกฤษ
มหาลัยแฟงค์เฟิต แห่งเยอรมัน
โดยการสนับสนุนสถาบันวิจัย โรคมะเร็ง แห่งสหรัฐ
National Cancer Research Institue - USA
สถาบันโรคมะเร็ง แห่ง WHO
The World Cancer Research Fund ( WCRF )
และวารสารสุขภาพดังต่อไปนี้
MSNBC news - USA
COSMOS- USA
ABC- healthy living
CBCNEWS.CA
STATS
CBS-NEWS
SMH.COM
CANCERLINE - USA
NEIGHBORS NEWS - breast health
IRISHHEALTH.COM
TELEGRARPH.CO.UK
NEWSER- UK
PHYSORG.COM USA
SCIENTIST NEWS - USA
HARWARDS NEWS - USA
NATIONAL CANCER INSTITUES- USA
**********************************************
ยังมีข้อมูลอีกมากมายนับไม่ถ้วน อาจมากกว่า 100 บทความ
ที่มีการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวางทั้งในยุโรป อเมริกา แคนาดา และออสเตอเรีย
ถึงผลร้ายของการบริโภคเนื้อสัตว์ในเชิง สุขภาพ และการระบาดของโรคมะเร็งร้าย
นอกจากโรคไขมันอุดตัน โรคหัวใจ อันเป็นผลจากเนื้อสัตว์
แต่ไทยเรากลับปิดปากเงียบ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูล อันน่ารู้นี้ มีแต่เฉพาะ
วงการแพทย์ ที่หันหลังการบริโภคเนื้อสัตว์ มาเป็นอาหารปลอดเนื้อสัตว์
ที่แน่ ๆ การบริโภคเนื้อสัตว์ นอกจากผลดีต่อสุขภาพ ยังเป็นการละบ่วงเวรกรรม
จากการร่วมทำลายล้าง สัตว์อื่น ๆ
โรคมะเร็ง ต้นเหตหลักที่แท้จริง
จากงานศึกษา วิจัยโรคมะเร็ง สาเหตุหลัก ของการก่อตัวของโรคร้ายต่อมนุษย์
โดยคณะนักวิทยาศาสตร์ ทีมคณะแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก จากหลายหลาย
มหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังก้องโลก โดยทุนสนับสนุนจาก สถาบันต่อต้านโรคมะเร็ง
แห่งโลก
The World Cancer Research Fund (WCRF)
รายละเอียดหาอ่านได้จากข้อมูลในเวป
http://www.dhammajak.net:80/board/viewtopic.php?t=14583
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17241
http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=22743
http://board.palungjit.com/showthread.php?t=145201
http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=22040
การเบียดเบียนชีวิตตัวเองและสัตว์ร่วมโลก เป็นการสร้างเวรกรรม ที่ไม่สิ้นสุด
:- การไม่ประมาณในการบริโภคย่อมนำภัยมาสู่นัว
ได้ส่งเว็บที่น่าสนใจมาให้ดูนะ :
www.tamdee.net/dhamma/play.asp?QID=105
************************************************************** |
|
|
|
|
|
muntana
บัวใต้น้ำ
เข้าร่วม: 10 ม.ค. 2008
ตอบ: 108
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok , Thailand
|
ตอบเมื่อ:
26 ก.ย. 2008, 4:43 pm |
|
จากข่าวล่าสุด เนื่องจากโรคมะเร็งร้าย
เป็นภัยคุกคามชีวิตคนอเมริกัน
สูงมากซึ่งมีอัตราสูงถึง 300 เปอร์เซนต์ ที่กลุ่มวัยรุ่นยังนิยมบริโภคเนื้อ
ทำให้ทางการสหรัฐ โดยสถาบันวิจัยโรคมะเร็ง แห่งสหรัฐ (AICR)
ต้องออกโรงเตือนเป็นการเร่งด่วนให้หยุด ละ บริโภคเนื้อสัตว์
เพื่อลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วย
ด้วยโรคมะเร็งร้ายนานาชนิด ตามที่มีการศึกษา วิจัยอย่างกว้างขวาง
ว่า เนื้อสัตว์เป็นภัยร้าย บ่อเกิดของโรคมะเร็งหลายๆ ชนิด |
|
|
|
|
|
ช้างชูธง
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 18 พ.ค. 2007
ตอบ: 50
|
ตอบเมื่อ:
29 ก.ย. 2008, 1:53 pm |
|
ต้องขอเรียนว่า พืชไม่มีจิตวิญญาณ
คือ ไม่มีสัตว์โลก หรือจิตวิญญาณใดๆ ที่ตายจากภพนั้นแล้วสามารถกลับไปเกิดเป็นพืช
แล้วก็ไม่เคยมีตำราไหนบอกว่า พืชตายแล้วจะมาเกิดเป็นมนุษย์หรือสัตว์ใดๆ ได้
การกินพืชจึงไม่ได้เบียดเบียนจิตวิญญาณใดๆ เพราะไม่มีอยู่ในพืช
ในตำรามีบอกถึงกำเนิดของจิตวิญญาณสัตว์โลกมีสี่อย่างเท่านั้นคือ
เกิดในครรภ์
เกิดในไข่
เกิดในเถ้าไคล
อุบัติขึ้นเอง หมายถึง เทวดา เปรต อสุรกาย
ไม่มีกล่าวถึง การเกิดจากเมล็ด หรือ เกิดจากปักชำ หรือการเพาะ.... ดังนั้นการกินพืชไม่ได้เบียดเบียนใดๆกับจิตวิญญาณใดเลย โปรดเข้าใจให้ถูกต้อง |
|
|
|
|
|
|
|
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้ คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
|
| | |