ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
บุญชัย
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 29 ก.ค. 2008
ตอบ: 568
ที่อยู่ (จังหวัด): สงขลา
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ย. 2008, 11:04 am |
  |
ให้คาถา ลองเซฟเก็บเอาไว้ท่องนะครับ
"อิ ติ ปา ระ เมตตา ติงสา อิ ติ สารพัดคนทั้งหลายมารักกู
อิ ติ สัพพันยูมาคะตา อิ ติ โพ ธิ มนุษย์สัต โต อิ ติ ปิ โส จะเต นะโม นะเมตตา โม การุณ พุต ปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู ยะหันตะวา ธาให้เมามัว พุตพาคนทั้งหลายมา โมสมะนะ นะมารักกูจนวันตาย"
นี่คือคาถาเมตตาที่ใช้กับขุนแผน แต่จริงๆแล้วยังมีคาถาเมตตาใหญ่อีกครับ
ให้เป็นธรรมทานสำหรับคนที่ไม่ มีใคร มอง |
|
_________________ ทำดีทุกทุกวัน |
|
   |
 |
บุญชัย
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 29 ก.ค. 2008
ตอบ: 568
ที่อยู่ (จังหวัด): สงขลา
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ย. 2008, 11:06 am |
  |
ผู้หมั่นสักการบูชาอยู่เสมอ จะเจริญด้วยลาภ ถ้าไปค้าขายหรือไปหาลาภ ภาวนาคาถาพระฉิมนี้เป็นอารมณ์ไปก็ยิ่งดี
คำอธิฐานขอลาภจากพระสีวลี
(แต่งโดยหลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ) คำไหว้บูชาขอลาภจากพระฉิมพลี (พระสีวลีเถระ) มีดังนี้
ตั้ง นะโม ๓ จบ แล้วว่า
สิวะ ลีมะหา เถรัง วันทามิหัง (ว่า ๓ จบ) แล้วว่า
มะหาสิวะลี เถโร มะหาลาโภ โหติ
มะหาสวะลี เถโร ลาภัง เม เท ถะ
ประวัติความเป็นมา พระสีวลี เป็นพระราชโอรสของพระนางสุปปวาสา ผู้เป็นธิดาของพระเจ้ากรุงโกลิยะ ตั้งแต่พระสีวลีได้ปฏิสนธิถือกำเนิดในครรภ์พระมารดา ได้เกิดมีลาภสักการะแก่พระมารดาเป็นอันมาก เนื่องด้วยบุญของพระสีวลี แต่อยู่ในครรภ์พระมารดาถึง ๗ปี ๗เดือน ๗วัน เนื่องด้วยกรรมที่เคยทำมาซึ่งจะกล่าวตอนท้าย(โปรดติดตาม) เมื่อเวลาที่พระนางประสูติ พระนางได้เสวยทุกขเวทนาเป็นอย่างมาก จึงขอให้ พระสวามีไปกราบบังคมทูลขอพรจากพระบรมศาสดา พระบรมศาสดาจึงประทานพรให้แก่พระนางว่า ขอพระนางสุปปวาสา พระราชธิดาแห่งพระเจ้ากรุงโกลิยะ จงเป็นหญิงมีความสุข ปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระราชโอรสผู้หาโรคมิได้เถิด” ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธานุภาพ ทุกขเวทนาของพระนางก็อันตรธานไป พระนางประสูติพระราชโอรสอย่างง่ายดาย ดุจน้ำไหลออกจากหม้อ พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานพระนามพระราชโอรสของพระนางสุปปวาสาว่า สีวลีกุมาร เมื่อพระนางสุปปสาวามีสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว มีพระประสงค์ที่จะถวายมหาทานติดต่อกันเป็นเวลา ๗ วัน จึงบอกความประสงค์แก่พระสวามีให้ทราบเพื่อกราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ มารับมหาทานอาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวสน์ ตลอดทั้ง ๗ วัน ในวันถวายมหาทานนั้น สีวลีกุมาร มีพระวรกายเข้มแข็งดุจกุมารผู้มีพระชนม์ ๗ พรรษา ได้ช่วยพระบิดาและพระมารดาจัดแจงกิจต่าง ๆ มีการนำธมกรก (ธะมะกะหรก = กระบอกกรองน้ำ) มากรองน้ำดื่ม และได้ถวายพระพุทธเจ้าและเหล่าพระภิกษุสงฆ์ ในขณะที่พระสีวลีช่วยงานพระบิดาและพระมารดาอยู่นั้น พระสารีบุตรได้สังเกตดูพระสีวลีอยู่ตลอดเวลา และเกิดความรู้สึกพอใจพระสีวลีเป็นอย่างมาก เมื่อถึงวันที่ ๗ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย พระสารีบุตรจึงเข้าไปสนทนากับพระสีวลีและชักชวนให้บวช ส่วนพระสีวลีเป็นผู้มีจิตใจน้อมไปในทางที่จะบวชอยู่แล้วเมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้ไปกราบทูลขออนุญาตจากพระบิดาและพระมารดา พระบิดาและพระมารดา อนุญาต พระสีวลีจึงได้ตามพระสารีบุตรไปยังอาศรมแล้วจึงบวช
บรรลุมรรคผล เมื่อพระสีวลีบวชแล้วพระสารีบุตรซึ่งเป็นผู้บวชให้จึงให้กรรมฐานเบื้องต้น คือ ตจปัญจกกรรมฐานทั้ง ๕ ได้แก่ เกสา(ผม) โลมา(ขน) นขา(เล็บ) ทันตา(ฟัน) ตโจ (หนัง) ให้พิจารณาของทั้ง ๕ เหล่านี้ว่าเป็นของไม่งามเป็นของสกปรก ไม่ควรเข้าไปยึดติดหลงใหลในสิ่งเหล่านี้ พระสีวลี ได้ฟังพระกรรมฐานนั้นแล้วนำไปพิจารณาในขณะที่กำลังจับมีดโกนเพื่อโกนผมครั้งแรกนั้นท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน โกนผมครั้งที่ ๒ ท่านได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี โกนลงครั้งที่ ๓ ท่านได้บรรลุเป็นพระอนาคามี และเมื่อโกนผมเสร็จ ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
พระพุทธองค์และหมู่ภิกษุอาศัยบุญพระสีวลี ในสมัยหนึ่งพระบรมศาสดาได้เสด็จพร้อมพระภิกษุสงฆ์ 500 รูป ไปสู่ป่าตะเคียนเพื่อเยี่ยมพระเรวตะซึ่งเป็นน้องชายพระสารีบุตร ในระหว่างทางมีทางแยกสองทาง
พระอานนท์ได้ทูลแก่พระบรมศาสดาว่า
“ทางแยกทางหนึ่งเดินอ้อมไป60 โยชน์ เป็นหมู่บ้านคนพระภิกษุจะไม่ลำบาก แต่ถ้าเดินลัดไปอีก ทางหนึ่งระยะทาง 30 โยชน์ จะเต็มไปด้วยอมนุษย์เป็นที่ลำบากแก่พระภิกษุสงฆ์”
พระบรมศาสดาได้ตรัสถามพระอานนท์ว่า
“ดูกรอานนท์ พระสีวลีมาด้วยรึเปล่า”
พระอานนท์ทูลตอบว่า
“มาด้วยพระพุทธเจ้าข้า”
พระบรมศาสดาจึงตรัสว่า
“ดูก่อนอานนท์ ถ้าอย่างนั้นก็จงไปทางลัด ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลด้วยอาหาร
บิณฑบาต เพราะเทวดาทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ในป่าระหว่างทาง จะจัดสถานที่พักและอาหารบิณฑบาตไว้ถวายพระสีวลีผู้เป็นที่เคารพนับถือของพวกตน เราทั้งหลายก็จะได้อาศัยบุญของ พระสีวลี นั้นด้วย”
ได้รับยกย่องในทางผู้มีลาภมาก
ด้วยอำนาจผลบุญของพระสีวลีที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่ชาติก่อน เป็นปัจจัยส่งผลให้ท่านเจริญด้วยลาภสักการะ โดยมีเทพยดานาค ครุฑ มนุษย์ นำมาถวายอย่างไม่ขาดตกบกพร่องไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ด้วยเหตุนี้พระสีวลีจึงได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านลาภสักการะ เป็นหนึ่งในมหาสาวก ซึ่งได้ช่วยแบ่งเบาภาระพระศาสดาและได้ช่วยงานพระศาสนาเป็นอย่างมาก ท่านดำรงชีพอยู่สมควรแก่กาล ก็ดับขันธปรินิพพาน
กรรมของพระสีวลี เหตุที่ต้องอยู่ในท้องแม่ถึง ๗ปี ๗เดือน ๗วัน ก็เพราะ ในอดีตชาติ ท่านได้บังเกิดเป็นกษัตริย์ ได้ยกทับไปตั้งค่ายล้อมเมืองอื่น โดยไม่ให้ประชาชนได้ออกมาจากเมืองถึง ๗ปี๗เดือน๗วันด้วยเหตุนี้เอง เมื่อผลกรรมส่งผลในชาติที่เกิดเป็นพระสีวลีจึงต้องอยู่ในครรภ์ของพระมารดาถึง๗ปี ๗เดือน ๗วัน
ดังนี้ สีวะลี จะมะหาเถโร ปัจจะยะลาภะปูชิโต มะนุสโสเทวะตาอินโท พระมายะโมยักขาวา ปิตัสสะ นิรันตะรัง ปะนะ ลาภะสักการเรอาเน็นติ นิจจัง สิววะลีดเถรัสสะลาโภจะ สักกาโร โหติ สิวะลีมะหาเถรันจะปูชะกัสสะ สะทาวาปิ คาถันจะ สังวัดตะนัสสะ ลาโภจะ สักกาโรโหติ เถรัสสะ อานุภาเวนะ ลาโภเมโหตุสัพพะทา เอเตนะ สัจจะวัดเชนะ ลาโภเมโหตุสัพพะทา *****แล้วขอลาภสักการะตามความปรารถนาแล้วจึงว่าคาถาต่อดังนี้อีก3จบ ***** สีวะลีจะมะ หาเถโรเทวะตานะระปูชิโต โสระโหปัจจะยาทิมหิ สีวะลี จะมะหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโตโสระโห ปัจจะยาทิมหิ
อะหังวันทามิ ตัง สะทา สีวะลี เถรัสสะ เอตังคุณัง สะวัสดิลาภัง ภะวันตุเม |
|
_________________ ทำดีทุกทุกวัน |
|
   |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ย. 2008, 9:33 pm |
  |
 |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
บุญชัย
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 29 ก.ค. 2008
ตอบ: 568
ที่อยู่ (จังหวัด): สงขลา
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ย. 2008, 12:27 pm |
  |
ครับขอบคุณมากเลยครับ |
|
_________________ ทำดีทุกทุกวัน |
|
   |
 |
|