ความลับของจิตใจมนุษย์และความสำเร็จ

ตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2008, 12:55 pm

ผมเห็นว่าเป็นบทความที่มีประโยชน์ เพราะบทความกล่าวถึงที่มาของนิสัยซึ่งมีที่มาจากจิตใจ และทำไมบุคคลที่เมื่อก่อนเคยล้มเหลวกลับประสบความสำเร็จในหลายๆ เรื่อง เชิญทุกท่านอ่านได้ที่เว็บไซต์ข้างล่างนี้ครับ
http://www.thaiblogonline.com/Khonheyhaa.blog?PostID=4761

ตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2008, 11:56 pm

คนที่มีภาพพจน์ด้านลบกับตัวเอง เป็นผลมาจากครอบครัว หรือประสพการณ์
เลวร้าย หรืออะไรก็ตามที แต่ถ้าเจาะลึกต่อไป ทั้งหมดก็เป็นผลมาจากวิบากกรรม
อกุศลในอดีตหรืออดีตชาติของเขา ส่งผลมาดึงให้ความคิดด้านลบเหล่านั้นเกิดขึ้นกับเขา

คนที่มีภาพพจน์ด้านบวกกับตัวเอง เป็นผลมาจากครอบครัว หรือประสพการณ์
ที่ดี หรืออะไรก็ตามที แต่ถ้าเจาะลึกต่อไป ทั้งหมดก็เป็นผลมาจากวิบากกรรมกุศล
ในอดีตหรืออดีตชาติของเขา ส่งผลมาดึงให้ความคิดด้านบวกเหล่านั้นเกิดขึ้นกับเขา

ตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2008, 11:21 am

ขอขอบคุณ คุณกิตติพันธ์ ที่นำข้อมูลที่ดีมาให้อ่าน
ดิฉันเคยได้รู้มาก่อน ว่าเราต้องคิดบวกนะแล้วชีวิตจะเปลี่ยน
ก็คิดเหมือนกันว่าจะเป็นไปได้อย่างไร แต่การคิดบวกอย่างน้อยก็ดีกว่าคิดลบ
เพราะการคิดลบทำให้ เราท้อแท้ หดหู่ อยู่ตลอด
และไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้เลย
ดิฉันจะเอาข้อมูลที่ได้ ลองไปฝึกดู เพื่อพัฒนาจิตใจ และความคิด
และดิฉันเชื่อมั่นว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นได้จริง

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

ตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2008, 11:34 am

จริงๆ แล้ว สิ่งเหล่านี้ พระพุทธองค์ ทรงสอนเอาไว้หมดแล้วครับ

การคิดบวกคือ การสร้างกุศลจิต
และ การไม่คิดในแง่ลบ คือ การละอกุศลจิต

แต่ สิ่งที่ ศาสตร์ ที่ยกมายังขาดคือ การ ทำจิตตนให้ผ่องใส

แต่พระพุทธองค์ ทรงพูดเอาไว้ครบถ้วนคือ ละอกุศลทั้งปวง ทำกุศลให้ถึงพร้อมและ ทำจิตให้ผ่องใส

การทำจิตให้ผ่องใสนี่เอง ที่จะเป็นเกราะกำบัง และทำให้เบิกบาน

การคิดบวกที่กล่าวมา ทำได้ยาก และ เผลอไผลตลอด หากว่า เราขาดสติ และ จิตที่ผ่องใส ดังนั้น นอกเหนือจากการคิดบวก เราต้องทำจิตให้ผ่องใสด้วย จึงจะต้านทานอำนาจอกุศลได้

ลองคิดดูสิว่า หากว่า เราเจอเรื่องร้ายๆ แย่ๆ ตลอดเราจะคิดบวกได้หรือไม่ คนเรามีกรรมต่างกัน เช่นผู้หญิงโดนข่มขืน เขาก็คงจะคิดบวกกับเหตุการเลวร้ายนั่นไม่ได้ ผมสงสัยว่า เขาจะคิดบวกอย่างไรกับเรื่องนี้ เช่น ดีแล้วที่โดนข่มขืนอย่างนั้นหรือ

ดังนั้น การสร้างกุศล ก็นอกจากจะคิดบวกแล้ว ยังรวมไปถึง การทำบุญ การเสียสละ การให้ทาน การปล่อยวาง ทั้งปวง

ดังนั้น เราควรที่จะสร้างกระแส ศาสตร์ที่พระพุทธองค์วางเอาไว้สมบูรร์แล้วมากกว่า การเชื่อ ฝรั่งครับ

ตอบเมื่อ: 08 ต.ค.2008, 11:00 am

เรียน คุณขันธ์

ถ้าคนถูกขมขื่นก็คงคิดบวกไม่ได้ แล้วก็คงทำจิตใจให้ผ่องใสไม่ได้อยู่แล้วใช้มั๊ยค่ะ ก็ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรม ก็แล้วกัน ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมได้ ส่วนดิฉันก็เชื่อพระพุทธเจ้า ด้วยการพิจารณาหลักธรรมค่ะ ไม่ได้เชื่อฝรั่งอย่างเดียว อันนั้นมันเป็นหลักความคิด ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์

(และเมื่อคืนนี้ ทางช่อง 9 ก็ได้ดูรายการที่ นายแพทย์ได้ใช้หลักการนี้มาใช้กับเด็กเล็กๆ ทำให้เด็กสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีได้ ซึ่งเด็กเล็กมากขนาดนั้นยังไม่สามารถเข้าใจธรรมะ ก็สามารถมีพฤติกรรมและความจำที่ดี ได้ค่ะ คุณหมอใช้เป็นเทป น่าจะป็นเสียงเพลงเบาๆ ผสมกับข้อความอะไรสักอย่าง เพื่อให้เด็กได้ฟังผ่านเข้าไปในจิตใต้สำนึก)

ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถนำมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ถ้าเราพิจารณาทุกอย่างด้วยสติและเหตุผล ใช้มั๊ยค่ะ และดิฉันคิดว่าปถุชนคนธรรมดาอย่างดิฉัน ก็ยังมีอะไรที่ไม่รู้แจ้งอีกมากมายค่ะ ถ้ารู้แจ้งหมดคงหมดทุกข์ไปนานแล้ว และที่เข้าเวปมาอ่านมาศึกษา ก็ดีมากนะค่ะ ได้ความรู้มากมาย จากแนวคิดหลายๆ อย่าง (อีกอย่างไม่เปลืองเงินไปซื้อหนังสืออ่าน ประหยัดได้มาก)

(ดิฉันเข้ากระทู้ด้วยภาษาธรรมดานะค่ะ ถ้าใช้ภาษาทางธรรมมากๆ ไม่ค่อยเป็นและบางทีก็อ่านไม่เข้าใจด้วย ต้องอ่านแล้วต้องแปลอีกรอบ งงดีค่ะ)

ขอคำแนะนำจากญาติธรรมทุกคนด้วยนะค่ะ

ตอบเมื่อ: 08 ต.ค.2008, 6:45 pm

ขอบคุณ...คุณกิตติพันธ์ที่นำเรื่องมาโพสต์

เท่าที่อ่านดู ดิฉันคิดว่า เนื้อหาคล้ายๆ กับหนังสือ the secret ของฝรั่งค่ะ
ซึ่งดิฉันลองทำแล้ว ได้ผลดีจริงๆ
ไม่น่าเชื่อว่า แค่คุณเปลี่ยนความคิดทุกอย่าง ให้เป็นบวก
ไม่ว่าอะไรก็จะเปลี่ยนไปตามที่คุณคิดได้ทั้งนั้น

ส่วนข้อความของคุณ.. ศุภมณฑา นี่ โดยส่วนตัวนะ
ดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ที่ว่า คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจคำสั่งสอน และหลักธรรม ที่ลึกซึ้งของพระองค์ได้

ก็เลยคิดว่า การอ่านข้อความที่เข้าใจง่ายๆ ไม่ซับซ้อน น่าจะเหมาะกับคนส่วนใหญ่ค่ะ

โชคดี มีสุขทุกคนค่ะ