Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 รักภรรยามาก แต่ต้องห่างกัน7วัน ทำอย่างไรให้ไม่กังวลใจ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ธรรมวัฒนะ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 เม.ย.2005, 1:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปัจจุบันอายุ 53 ปี เพิ่งมาพบรักแท้ รักเธอมากๆ จนไม่อยากห่างจากเธอ

ทำอย่างไรให้เวลาห่างเธอ ไม่เกิดทุกข์ใจ
 
รัตนา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 เม.ย.2005, 6:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อายุ 53 ปี เพิ่งพบรักแท้ ก็ต้องขออนุโมทนากับคุณธรรมวัฒนะด้วย ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดานะ การจากนั้นไม่จากเป็นก็จากตาย ถึงอย่างไรวันหนึ่งก็ต้องจากกัน การที่คุณธรรมวัฒนะคิดว่ารักครั้งนี้เป็นรักแท้ ไม่ทราบว่าคุณพิจารณาจากอะไร การที่รักมากขณะนี้ อาจมีปัจจัยบางอย่างส่วนตัวของคุณ ที่ทำให้เกิดความรู้สึกนี้กับเธอคนนี้ ถามตัวเองอีกครั้งซิว่าความรู้สึกอย่างนี้ไม่เคยเกิดกับผู้หญิงคนใดที่เข้ามาในชีวิต หรือเคยเกิดแต่ปัจจุบันความรู้สึกนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว อย่ายึดมั่นถือมั่นกับความรู้สึกว่ารัก หรือทุกข์เลย สิ่งทั้งหลายย่อมเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ไม่มีอะไรคงที่ มีรักในวันนี้ คุณแน่ใจหรือว่าวันข้างหน้าจะไม่มีเกลียด มีทุกข์วันนี้คุณแน่ใจหรือว่าวันข้างหน้าจะไม่มีสุข พระพุทธศาสนาสอนเราอย่างชัดแจ้งในเรื่องความไม่เที่ยง ก็ขอให้คุณทำใจยอมรับการความจริงข้อนี้ รักก็รักเพียงแต่พอดี รับรู้ว่าเมื่อมีพบก็ต้องมีพลัดพรากเป็นธรรมดา รับรู้ว่าเมื่อมีสุขก็ต้องมีทุกข์เป็นธรรมดา ขอให้อำนาจแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้คุณได้เข้าใจในพระธรรมข้อนี้ แล้วคุณก็จะทำใจได้ระดับหนึ่งค่ะ
 
พล
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 เม.ย.2005, 6:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ห่างกัน 7 วัน ทำใจไม่ได้ แล้วนี่ถ้าจากกันทั้งชีวิตพี่จะอยู่ยังไงครับ ต้องเตรียมใจไว้บ้างนะ ผมว่าพี่ยังมีคุณค่าต่อสังคมอีกเยอะ
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 13 เม.ย.2005, 10:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ชีวิตมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาย ชีวิตนี้มีแต่หนามกุหลาบ มีแต่หญ้าแห้งแห่งความทุกข์ มีแต่สุก สุก สุก จึงต้องตกลงสู่กองเพลิงกิเลส มอดไหม้แล้วมอดไหม้อีก โดยมิได้รู้สึกตัวขึ้นมาบ้างเลย



ความไม่อยากห่าง กลายเป็นความห่วงหา กลายเป็นความทุกข์ทรมานใจแม้จากเพียงไม่กี่วัน 7 วัน หากต้องจากไปเพื่อปฏิบัติธรรม จะเกิดความก้าวหน้าได้อย่างไร



บรมสุข ย่อมปรากฏขึ้นโดยไม่ต้องวิ่งเสาะแสวงหาจากใคร ที่ไหน เพราะหญ้าอ่อนกำลังผลิใบสดเขียวชะอุ่ม รออยู่พร้อมแล้วที่ปากคอกนี่เอง วัวที่โชคดี ได้แรงบันดาลใจให้หยุดพิจารณาหญ้าปากคอก คือ อริยสัจ 4 คุณธรรมวัฒนะอายุ 53 ปี เหนื่อยบ้างหรือไม่ หรือคุณยังพอใจเร่ร่อนไปในวัฏฏะสงสารให้เนิ่นนานต่อไปอีก



ธรรมะสวัสดี



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 เม.ย.2005, 9:20 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แต่ละท่านก็แนะนำได้ดีมากเลยครับ ผมขอเสริมอีกส่วนหนึ่งนะครับ ว่าเวลาที่คนที่เรารักต้องจากไปไกล ไม่เฉพาะแต่ภรรยานะครับ รวมถึงลูกๆ ญาติมิตรที่ผูกพันกัน สิ่งหนึ่งที่จะช่วยคลายความห่วงใยกังวลได้ดีคือ ได้รู้ว่า คนที่เรารักนั้นมีความเป็นอยู่ที่ดีและปลอดภัย แล้ววิธีไหนล่ะที่จะรู้ การโทรไปหาบ่อยๆ นะเหรอ ไม่สามารถช่วยได้ครับ แต่ถ้าเรามอบสิ่งล้ำค่า ให้ไปคุ้มครองดูแลคนที่เรารักตลอดเวลาไม่ว่าเขาหรือเธอจะอยู่ที่ไหน จะช่วยให้เราคลายกังวลไปได้เยอะครับ แล้วอะไรล่ะที่จะเป็นสิ่งล้ำค่าขนาดคุ้มครองเขาหรือเธอได้ตลอดเวลา มีสิครับ พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้ว นั่นคือ คุณธรรมความดีสำหรับผู้ครองเรือนไงล่ะครับ ถ้าใครมีคุณธรรมเหล่านี้จะคุ้มครองเขาให้ปลอดภัยตลอดเส้นทางชีวิตเชียวล่ะครับ ได้แก่

ฆราวาสธรรม หรือ ธรรมะสำหรับผู้ครองเรือน 4 ประการ

1. สัจจะ ได้แก่ ความจริง ทำทุกอย่างด้วยความสัจจริง แล้วจะทำให้เราเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ครับ คือ พูดอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น ทำอย่างไร ก็พูดอย่างนั้น

2. ทมะ ได้แก่ ความข่มใจ ข่มใจไว้บ้าง อย่าทำตามความอยากทุกๆ ประการ มีครั้งหนึ่ง ในหลวงไปเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวก็ดี ยืนอยู่หน้าขวดโหลลูกกวาด ที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง ท่าทางเธออยากกินลูกกวาดมาก แต่ยังยืนอยู่ ในหลวงจึงเข้าไปถามว่า หนูอยากกินเหรอ ไม่มีตังค์ใช่มั้ย เดี๋ยวฉันซื้อให้นะ แต่เด็กคนนั้นตอบว่า (เป็นคำตอบที่พระองค์นำมาเป็นข้อคิดอยู่เรื่อยๆ) หนูมีตังค์ค่ะ แต่หนูรอให้น้ำลายไหลเสียก่อน (ให้รู้สึกอยากกินมากๆ เสียก่อนจึงค่อยซื้อ)

3. ขันติ ได้แก่ ความอดทน นี่ถือเป็นสุดยอดแห่งคุณธรรมรองจากปัญญาทีเดียวครับ "เว้นจากปัญญาแล้ว ตถาคตยกให้ขันตี เป็นเลิศ"

4. จาคะ ได้แก่ มีน้ำใจ ต่อผู้คนรอบข้าง ช่วยเหลือเขาแล้วเขาจะคอยช่วยเหลือเรา มีพรรคมีพวกความสะดวกมันก็มี

ธรรมะ 4 ประการนี้ ถ้าเราแนะนำให้ใครกระทำ จะคุ้มครองเขาไปตลอดเส้นทางชีวิตเลยครับ อย่างนี้หมดห่วงได้สบายครับ

ธรรมะย่อมรักษา ผู้ประพฤติธรรม"

 
เขม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 เม.ย.2005, 5:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่บอกไปไหน



เอาเธอไปด้วยสิ





 
โอ่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 14 เม.ย.2005, 9:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่แปลกความเห็นที่ 1 กับความเห็นที่ 2 ทำไมไอพี ตรงกัน
 
ธรรมวัฒนะ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 เม.ย.2005, 6:09 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กระผมขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ช่วยคลายความกังวลใจให้ครับ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณเกียรติ ซึ่งได้ให้ข้อปฏิบัติที่กระผมพอจะทำได้ครับ

สำหรับข้อคิดของท่านอื่นๆ ล้วนแต่ดีๆทั้งนั้น แต่สำหรับกระผมซึ่งเพิ่งจะเริ่มต้น

คงยังไปไม่ถึงขั้น การนั่งสมาธิและการ วิปัสนา ครับผม
 
พล
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 เม.ย.2005, 6:33 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณโอ่ครับ ผมกับรัตนาอยู่บ้านเดียวกันครับ ขอบคุณที่สังเกตุ

ในบ้านมีอีก 7 คนครับ
 
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 เม.ย.2005, 6:53 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณความดีใดที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ ขอยกคุณความดีนั้นให้กับครูบาอาจารย์ครับ ซึ่งประกอบด้วย

1. พระบรมครู คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ คำสอนพระองค์ชโลมใจทุกคนผู้มีความทุกข์ พระองค์มีคำสอนที่จะทำให้พ้นจากทุกข์ชั่วคราว ในเบื้องต้นนี้ก่อน พอศรัทธาแล้ว ก็จะมีกำลังใจมาศึกษาคำสอนที่จะทำให้พ้นจากทุกข์อย่างแท้จริง ในเบื้องสูงต่อไป

หรือจะมาศึกษาคำสอนเบื้องสูง เพราะอยากพ้นทุกข์ทั้งปวงเร็วๆ ตั้งแต่ทีแรกเลยก็ได้ครับ



2. ครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นพระภิกษุสงฆ์สาวกของพระบรมครู รวมถึงผู้ครองเรือนที่เป็นชาวพุทธ ที่นำคำสอนของพระบรมครูถ่ายทอดมายังผม และชาวพุทธทั้งหลายอีกทีหนึ่งน่ะครับ



ผมขอเป็นเพียงลำโพง ของเครื่องกระจายเสียง ถ่ายทอดความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และครูบาอาจารย์ไปอีกทอดหนึ่ง ก็พอครับ หากถ่ายทอดได้ดี ก็เป็นเพราะคำสอนนั้นดีอยู่แล้ว มิใช่เป็นเพราะลำโพงดีแต่อย่างใดครับ

แต่หากมีข้อผิดพลาด นั่นเป็นเพราะลำโพงเสียงแตกไม่ดี ทำให้ได้ยินเพี้ยนไปครับ เพราะคำสอนเดิมดีอยู่แล้ว ลำโพงขอน้อมรับไว้ครับ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง