Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 หลักฐานในพระไตรปิฎกชี้ว่า พระพุทธเจ้าคือ อวตารของพระเจ้า อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 3:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านข้อความในกระทู้นี้

admin
13 ก.ย.51

***********

ชาวคริสต์ มุสลุม ฮินดู และพวกที่เชื่อในพระเจ้า ให้นิยามของลักษณะของพระเจ้าไว้
หลายอย่าง แต่มีลักษณะหนึ่งที่ตรงกัน คือ (พระเจ้า) มีอยู่ก่อนแล้วและจะมีอยู่ตลอดไป ...

คราวนี้มาดูลักษณะของนิพพานบ้าง

ในขุททกนิกาย อุทาน นิพพานสูตร ข้อ ๑๖๐ หน้า ๒๐๗ บาลีฉบับสยามรัฐ


"ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย! ธรรมชาติ ไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัย
กระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่
ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ทั้งหลาย!
หากว่า ธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว
จักไม่มี แล้วไซร้ การสลัดออกซึ่งธรรมชาติ ที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว
ปรุงแต่งแล้ว จะไม่พึงปรากฏ ในโลกนี้เลย"


วิเคราะห์

1. เราจะเห็นได้ว่า นิพพาน คือ ธรรมชาติ ไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้
แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่ ตรงกับลักษณะของพระเจ้าที่กล่าวถึง โดยชาวคริสต์ มุสลิม
ฮินดู และพวกที่เชื่อในพระเจ้า ที่ให้นิยามของลักษณะของพระเจ้าอย่างหนึ่งที่ตรงกัน คือ พระเจ้า มีอยู่ก่อนแล้วและจะมีอยู่ตลอดไป ...

2. ชาวคริสต์ มุสลิม ฮินดู และพวกที่เชื่อในพระเจ้า ต่างบอกว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์และ
สรรพสัตว์ขึ้นมา แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่พระพุทธเจ้า จึงไม่สามารถ
ตีความเรื่องการสร้างได้ถูกต้อง

โคตมะพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้า ท่านเป็นสัพพัญญู (เป็นลักษณะหนึ่งของพระเจ้า คือ รู้
ทุกเรื่อง) จึงตีความเรื่องการสร้างได้ถูกต้อง พระพุทธองค์ตรัสว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็น
ศูนยตาหรือสุญญตา คือ ความว่าง และเป็นมายา เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ปัจจุบันนัก
วิทยาศาสตร์ควอนตัมรู้แล้วว่า ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลมีควาร์คเป็นองค์ประกอบ และควาร์ค
ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ ไม่ใช่ตัวตน
 


แก้ไขล่าสุดโดย พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เมื่อ 12 ก.ย. 2008, 3:35 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 3:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ต่อนะครับ



"ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย! ธรรมชาติ ไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว
อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่ ดูกรเธอผู้เห็นภัยใน
วัฏสงสาร ทั้งหลาย! หากว่า ธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว อัน
ปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว จักไม่มี แล้วไซร้ การสลัดออก
ซึ่งธรรมชาติ ที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้ว จะไม่
พึงปรากฏ ในโลกนี้เลย"


คราวนี้เรามาดูท่อนหลังที่ผมขีดเส้นใต้บ้าง

ท่อนนี้ชี้ให้เห็นว่า ธรรมชาติมีอยู่ 2 อย่าง

1. ธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุง
แต่งไม่ได้แล้ว
เรียกว่า อสังขตธาตุ

2. ธรรมชาติ ที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้ว
เรียกว่า สังขตธาตุ

ธรรมชาติอันแรกไม่มีจุดเกิด(อสังขตธาตุ) มันมีอยู่แล้ว และซ่อนอยู่ใน
ธรรมชาติอันที่ 2 ที่มีจุดเกิดจากการปรุงแต่ง(สังขตธาตุ) อสังขตธาตุ ซึ่งก็
คือ พระอรหันต์ประเภทอนุปาทิเสสนิพพาน ที่ดับกิเลสพร้อมทั้งเบญจขันธ์

ส่วนพระอรหันต์เมื่อยังมีชีวิตอยู่เรียกว่าได้สอุปาทิเสสนิพพาน คือ พระ
อรหันต์ท่านนั้นดับกิเลสไปแล้ว แต่ท่านยังมีเบญจขันธ์เหลืออยู่ ครั้นท่าน
สิ้นชีวิตลง จึงเรียกว่า พระอรหันต์อนุปาทิเสสนิพพาน(ดับทั้งกิเลสทั้ง
เบญจขันธ์) นี่คือจุดสูงสุดของพุทธสาวก

พระอรหันต์อนุปาทิเสสนิพพาน เราเรียกว่า พระวิสุทธิเทพ พระวิสุทธิเทพ
นี้จริงๆก็คือ อาตมัน ในศาสนาพราหมณ์ ส่วนปรมาตมันหรือพระเจ้าผู้สร้างคือใคร?
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 3:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมขอคัดกระทู้เก่าของผมมาลงนะครับ ลองอ่านดู และคุณจะพบคำตอบว่า
ใครคือพระเจ้า(ปรมาตมัน)


กระทู้เรื่อง วิสุทธิเทพโดยเฉพาะ" เทวาติเทว " (เทพยิ่งกว่าวิสุทธิเทพ)
ศาสนาอื่นเขาเรียกว่า "พระเจ้า" ไม่ใช่หรือครับ


ศาสนาพุทธเป็นเทวนิยมแต่แตกต่างจากเทวนิยมของศาสนาพราหมณ์และ
เทวนิยมของศาสนาคริสต์ เทวนิยมของอิสลาม และศาสนาเทวนิยมอื่นๆ
ตรงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสบอกให้รู้ แสดงให้เห็นถึงการเข้าไปถึงความเป็น
เทพในชั้นนั้นๆด้วยว่าทำอย่างไร

พุทธศาสนาแบ่งเทพออกเป็น 4 ประเภท คือ สมมติเทพ ๑ อุปบัติเทพ ๑
วิสุทธิเทพ ๑ เทวาติเทพ๑ พระพุทธองค์ให้คำจำกัดความของเทพทั้ง 4
ประเภทดังนี้

พระราชาทั้งหลาย พระเทวีทั้งหลาย พระราชกุมารทั้งหลายชื่อว่า " สมมติเทพ "

เทพเหล่าใด เกิดโดยอุบัติ เทพเหล่านั้น ชื่อว่า "อุปบัตติเทพ
พระอรหันต์ที่ดับขันธ์นิพพานแล้ว ชื่อว่า "วิสุทธิเทพ "
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อว่า "เทวาติเทพ "
อรรถกถาจารย์ ได้อรรถถาธิบายไว้ว่าบท " เทวาติเทว " อรรถะนี้หมายถึง
เทพยิ่งกว่าวิสุทธิเทพ

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปิฐวรรคที่ ๑ ๑. ปิฐวิมานที่1
....บาลีว่าตสฺสเทวาติเทวสฺส สาสนํ สพฺพทสฺสิโนหมายถึง พระผู้เป็น
เทพยิ่งกว่าเทพพระองค์นั้น ทรงเห็นทุกอย่างซึ่งคำสอน.


บรรดาวิสุทธิเทพทั้งหลายเมื่อกล่าวกันถึงบทที่ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงเป็นอติเทพ ก็เป็นอันกล่าวถึงความที่ ทรงเป็นเทพยิ่งกว่าวิสุทธิเทพนั่นเอง



คราวนี้ผมขออธิบายคำว่า พระวิสุทธิเทพ บ้าง

พระวิสุทธิเทพ คือ พระอรหันต์เป็นผู้ไม่ตั้งเจตน์จำนง เพื่อเกิดเป็นอะไรๆ
ในภพไหนเมื่อสิ้นภพปัจจุบันของท่านแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นจิตของท่าน ก็
จะไม่ปฏิสนธิและไม่กำเนิดในภพใดอีก ท่านจึงออกจากภพจากชาติ ไม่
กำเนิดเป็นสิ่งที่มีชีวิตใดๆในโลกทั้ง3 (อบายภูมิ4-มนุษยโลก-เทวโลก) อีก.......

กล่าวอีกนัยหนึ่ง วิสุทธิเทพ......ซึ่งคือพระอรหันต์ที่ดับขันธปรินิพพาน
แล้วมิได้อยู่ในภูมิทั้ง9 (อบายภูมิ-มนุษยโลก-เทวโลก -พรหมโลก)ดังนั้น
ทวยเทพและหมู่มนุษย์ ไปค้นหาท่านในภูมิทั้ง 9 ก็จะไม่มีทางหาพบ..........

วิสุทธิเทพไม่มีอัตภาพ พ้นจากความเป็นสัตว์ ท่านจึงมิใช่สิ่งมีชีวิตมีแต่
จิตบริสุทธิ์ล้วนๆอยู่ในสุทธากาศได้ทุกแห่งอย่างอิสระเสรีไม่มีอะไรมี
อำนาจเหนือที่จะทำให้ทุกข์ ดำรงอยู่อย่างสันติสุขตลอดกาลนิรันดร

ถ้าวิสุทธิเทพนั้นจะแสดงตัวตนของท่านให้โลกทั้ง 3 พบเห็น ท่านจะใช้
อรหันต์บารมีของท่าน สมมุติเป็นองค์เทพให้เห็น ส่วนใหญ่จะเป็นพระ
แก้ว และเมืองที่ท่านอยู่ก็จะแสดงสมมุติให้เห็นเป็นเมืองแก้ว

กล่าวโดยสรุป ศาสนาพุทธเถรวาทไม่ใช่ ศาสนาอเทวนิยม แต่เป็นศาสนา
เทวนิยม ศาสนาพุทธเถรวาทได้แสดงเหตุและปัจจัย อันทำให้เกิดความ
เป็นเทพในแต่ละประเภทอย่างชัดเจน ผมหวังว่าทุกท่านคงไม่หลงผิดต่อ
ไปนะครับ

..................................................................................

อ้างอิง :

พระสุตตันตปิฎก : ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส ปารายนวรรค โธตกมาณวก ...


วิสุทธิเทพเป็นไฉน? พระอรหันตขีณาสพสาวกของพระตถาคตและพระปัจเจก-
สัมพุทธเจ้าเรียกว่าวิสุทธิเทพ.

พระผู้มีพระภาค เป็นเทพยิ่งกว่าสมมติเทพกว่า อุปบัติเทพและกว่าวิสุทธิ
เทพทั้งหลาย เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ เป็นสีหะยิ่งกว่าสีหะ เป็นนาคยิ่งกว่า
นาค เป็นเจ้าคณะยิ่งกว่าเจ้าคณะ เป็นมุนียิ่งกว่ามุนี เป็นพระราชายิ่งกว่าพระราชา.

อนึ่ง พระวิสุทธิเทพ หมายถึง เทพที่บริสุทธิ์ ที่หมดแล้ว ซึ่งกิเลสทั้งปวง
นับได้ตั้งแต่พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า

กล่าวอีกนัยหนึ่ง วิสุทธิเทพไม่มีอัตภาพ พ้นจากความเป็นสัตว์ จึงมิใช่สิ่งมี
ชีวิตมีแต่จิตบริสุทธิ์ล้วนๆ อยู่ในสุทธากาศได้ทุกแห่งอย่างอิสระเสรีไม่มี
อะไรมีอำนาจเหนือ ที่จะทำให้ทุกข์ ดำรงอยู่อย่างสันติสุขตลอดกาลนิรันดร

ในพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์และฉบับประมวลธรรมของ
พระธรรมปิฎก

วิสุทธิเทพ แปลว่า เทวดาโดยความบริสุทธิ์ ได้แก่ พระพุทธเจ้าพระ
ปัจจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์........


ผมขอถามทุกท่านว่า วิสุทธิเทพโดยเฉพาะ" เทวาติเทว " (เทพยิ่ง
กว่าวิสุทธิเทพ) ศาสนาอื่นเขาเรียกว่า "พระเจ้า" ไม่ใช่หรือครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 3:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จากหนังสือพระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์


307 เทพเจ้าอมตะมีหรือไม่

ปัญหา ศาสนาบางศาสนาเชื่อว่ามีเทวดาที่มีอมตะเที่ยงแท้ แน่นอน ใน
เรื่องนี้ พระพุทธศาสนามีทัศนะอย่างไร ?

พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พญาสีหมฤคราชออกจากที่
อาศัยในเวลาเย็นแล้วเหยียดกาย แล้วเหลียวแลดูทิศทั้ง ๔ โดยรอบ แล้ว
บันลือสีหนาท ๔ ครั้งแล้วออกเดินไปเพื่อหากิน.... พวกสัตว์ดิรัจฉานทุก
หมู่เหล่าได้ยินเสียงพญาสีหมฤคราชบันลือสีหนาท อยู่ โดยมากย่อมถึง
ความกลัว... พญาสีหมฤคราชมีฤทธิ์ศักดานุภาพยิ่งใหญ่กว่าสัตว์
ดิรัจฉานทั้งหลายเช่นนี้แล


“.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อพระตถาคตอรหัตสัมมา
สัมพุทธเจ้า เสด็จอุบัติขึ้นในโลกพระองค์ทรงแสดงธรรมว่า รูป...
เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ เป็นดังนี้ เหตุเกิดขึ้นแห่งรูป... เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ เป็นดังนี้ ความดับแห่งรูป...
เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ เป็นดังนี้ แม้เทวดาทั้งหลายที่มี
อายุยืน มีวรรณะมากด้วยความสุข ซึ่งดำรงอยู่ได้นานในวิมานสูง ได้สดับ
ธรรมเทศนาของพระตถาคตแล้ว โดยมากต่างก็ถึงความกลัว ความสังเวช
ความสะดุ้ง ว่าผู้เจริญทั้งหลายได้ยินว่าเราทั้งหลายเป็นผู้ไม่เที่ยง แต่เข้า
ใจว่าแน่นอน... ได้ยินว่า ถึงพวกเราก็เป็นผู้ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่แน่นอน
ติดยู่ในกายตน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตมีฤทธิ์ศักดานุภาพยิ่ง
ใหญ่กว่าโลก กับเทวโลกเช่นนี้แล”


สีหสูตร ขันธ. สํ. (๑๕๕, ๑๕๖)
ตบ. ๑๗ : ๑๐๓-๑๑๔ ตท. ๑๗ : ๙๓-๙๔
ตอ. K.S. ๓ : ๗๐-๗๑



ผู้ที่มีฤทธิ์ศักดานุภาพยิ่งใหญ่กว่าโลก กับเทวโลกเช่นนี้
แล ศาสนาอื่นและชาวโลกเขาเรียกว่า "พระเจ้า" ครับ

นี่แหละเป็น คำเฉลยว่า โคตมะพระพุทธเจ้าคือ พระเจ้า หรืออวตารปาง
หนึ่งของพระเจ้าที่มาสอนชาวโลกให้หันกลับมาเป็น(พระบุตร)พระเจ้า หรือ
ก็คือพระอรหันต์ หลักฐานในมหายานชัดกว่านี้อีก วันหลังจะเอามาลง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 3:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สงสัยผมปัญญาน้อยครับ...อ่านแล้ว งงงงงง ไม่เข้าใจ
ขออาจารย์โปรดอดโทษแด่ผม....ด้วยครับ สงสัย

อาจารย์ครับลองพิจารณาถ้อยคำนี้

อ้างอิงจาก:
ครั้นเมื่อมืดอับทึบถึงที่สุด ก็บังเกิดสยัมภูองค์ใหม่ฉายแสงแปลบขึ้นมา คือ ท้าวมหาพรหม ผู้จะส่องความสว่าง และถนอมสกลจักรวาลนับได้แสน ให้คงสืบปวัตยการไปตลอดอีกกัลป์หนึ่ง

และขณะนั้น ท้าวมหาพรหมก็บันดาลสิ่งทั้งปวงให้มีชีวิตขึ้น

"ดูก่อนสรรพชีพ ซึ่งได้พักอยู่ตลอดคืนหนึ่งของพรหมโลก ในความว่างเปล่าจงตื่นเถิด แล้วเข้าประจำตำแหน่งตามอำนาจกำลังที่เราเฉลี่ยแก่ตน รับความบันเทิงไปชั่ววันหนึ่งของพรหมโลก"

ครั้นแล้วชีพและโลกานุโลก ก็ผุดขึ้นจากมหันธการความมืดแห่งความว่างเปล่า ดุจลูกลอยลมโผล่สลอนขึ้นมาในกลางหาว เป็นดาวต่อดาว ชีพต่อชีพ ส่งเสียงแซ่ซ้องยินดีกึกก้องตลบนภากาศว่า

"ข้าแต่ท้าวปรเมษฐ์ พระองค์ตรัสเรียกพวกข้าพเจ้าทั้งหลายให้อุบัติในสกลจักรวาลที่สร้างใหม่ และเริ่มเป็นวันใหม่เพื่อให้พวกข้าพเจ้าได้รับความชื่นบานในพรหมโลก จากส่วนความบันเทิงสุขที่พระองค์มีอยู่รุ่งเรืองฉายมาให้"


สรุปว่าท้าวมหาพรหมคือพระเจ้าในความหมายของอาจารย์ได้ไหมครับ ซึ้ง
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 13 ก.ย. 2008, 12:12 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ"ฌาณ" ครับ



1. คุณต้องเข้าใจก่อนว่า นักบวชของพราหมณ์ไม่ใช่พระพุทธเจ้า เขารู้เพียงบางส่วน
และก็ตีความตามที่เขาเข้าใจเอง ผิดบ้างถูกบ้าง

2. ท้าวมหาพรหม (พระพรหมผู้สร้าง) พระนารายน์ผู้ทำรุงรักษา และพระศิวะผู้
ทำลาย แท้จริงก็คือ พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร(กวนอิม) เพราะพระอวโลกิเตศวร(กวนอิม)เป็นอสังขตธาตุที่ไม่ยอมเข้านิพพาน ท่านเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อหลาย
แสนกัปที่แล้ว แต่ท่านมีความเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงออก
จากพุทธภูมิมาเฝ้าดูแลสรรพสัตว์ เพื่อช่วยส่งสรรพสัตวให้เข้านิพพานก่อน ท่าน
ขอเข้านิพพานเป็นคนสุดท้าย

3. ท้าวปรเมษฐ์ คือ อวตารของพระศิวะ ซึ่งก็คืออวตารปางหนึ่งของพระมหาโพธิ
สัตว์อวโลกิเตศวร(กวนอิม)นั่นเอง

4. สรุปก็คือท้าวมหาพรหมคือพระเจ้าผู้ดูแลใน 3ภพ แต่ยังไม่ใช่ปรมาตมัน ปรมาตมันอยู่ในนิพพาน

5. พระเจ้าผู้ดูแลใน 3ภพ เป็นอสังขตธาตุที่ไม่ยอมเข้านิพพาน ในขณะที่อสังขตธาตุ(พระอรหันต์)ทั่วไปจะเข้านิพพานกัน พระเจ้าผู้ดูแลใน 3ภพ(อสังขต
ธาตุที่ไม่ยอมเข้านิพพาน)ก็คือ พระโพธิสัตว์มหายาน ซึ่งเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่
เอาความเมตตากรุณา ฯลฯ มาไว้ในใจอีก จะได้วนเวียนอยู่ใน 3 ภพได้ต่อไป
เช่น พระกษิติครรถ์โพธิสัตว์ ฯลฯ ของไทยก็เช่น หลวงพ่อสด และหลวงปู่ดู่ ซึ่ง
จะเป็นพระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้าในอนาคต
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 13 ก.ย. 2008, 12:19 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ"ฌาณ" ครับ



ต้องการหลักฐานเรื่องไหนที่ผมบอกไปใน 5 เรื่องผมเอามาบงให้ได้นะครับ
เพราะเรื่องที่ผมเล่าเกินกว่าคนธรรมดาจะรู้ได้ คุรจะแค่รู้ไว้เฉยๆก็ได้นะ
ครับ จะได้ไม่ต้องเวียนหัว
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
raccoon
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 14 ก.ย. 2008
ตอบ: 1

ตอบตอบเมื่อ: 15 ก.ย. 2008, 9:08 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ "พลศักดิ์" ครับ

ชาวคริสต์ มุสลุม ฮินดู และพวกที่เชื่อในพระเจ้า ให้นิยามของลักษณะของพระเจ้าไว้
หลายอย่าง แต่มีลักษณะหนึ่งที่ตรงกัน คือ (พระเจ้า) มีอยู่ก่อนแล้วและจะมีอยู่ตลอดไป...


ก็ในเมื่อสังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน นี่เป็นคำสอนของพระพุทธศาสนา ซึ่งได้ปฏิเสธการมีอยู่ก่อนแล้วและจะมีอยู่ตลอดไป อย่างเห็นได้ชัดตามหลักไตรลักษณ์ ดังนี้แล้ว ย่อมปฏิเสธถึงการมีอยู่ของพระเจ้า (ผู้สร้างในศาสนาอื่น) และเมื่อปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้าแล้ว จะถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นร่างอวตารของพระเจ้าได้อย่างไรกัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 15 ก.ย. 2008, 10:11 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ"raccoon"ครับ




ชาวคริสต์ มุสลุม ฮินดู และพวกที่เชื่อในพระเจ้า ให้นิยามของลักษณะของพระเจ้าไว้
หลายอย่าง แต่มีลักษณะหนึ่งที่ตรงกัน คือ (พระเจ้า) มีอยู่ก่อนแล้วและจะมีอยู่ตลอดไป...


อสังขตธาตุ และ นิพพาน คืออะไรครับ? คือ สิ่ง(ธาตุ)ที่มีอยู่ก่อนแล้วและจะมีอยู่
ตลอดไปไม่ใช่หรือครับ คุณยังไม่เห็นหรือว่า นิพพานนั่นแหละคือ พระเจ้า


ก็ในเมื่อสังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน นี่เป็นคำสอนของพระพุทธศาสนา ซึ่งได้ปฏิเสธการมีอยู่ก่อนแล้วและจะมีอยู่ตลอดไป อย่างเห็นได้ชัดตามหลักไตรลักษณ์ ดังนี้แล้ว ย่อมปฏิเสธถึงการมีอยู่ของพระเจ้า (ผู้สร้างในศาสนาอื่น) และเมื่อปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้าแล้ว จะถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นร่างอวตารของพระเจ้าได้อย่างไรกัน

หลักไตรลักษณ์ใช้ใน 3 ภพ พระพุทธเจ้าไม่เคยปฏิเสทอสังตธาตุ(พระเจ้า)แม้แต่
ครั้งเดียว แต่ต้องการกลับเข้าไปเป็นอสังตธาตุ(พระเจ้า)ใหม่อีกครั้งหนึ่ง จุดมุ่ง
หมายของศาสนาพุทธ คือ นิพพานไม่ใช่หรือครับ

คุณยังมองไม่ออกหรือครับว่า พระพุทธเจ้าก็คืออวตารของพระเจ้า(อสังขตธาตุ) ที่มาชี้ทางให้พวกเรากลับบ้านเก่าของเราได้แล้ว เราทั้งหมดเคยเป็น
อสังขตธาตุ(พระเจ้า)มาก่อน ก่อนจะถูกอวิชชามาลวงให้เราหลงใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยอารมณ์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
kokorado
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 16 ก.ย. 2008, 2:13 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง แล้วมีประโยชน์อะไรต่อผู้ที่รู้ สามารถดับทุกข์ได้หรือไม่ หรือ รู้ไว้เฉยๆ เรื่องใบไม้นอกกำมือ พระพุทธเจ้ายังไม่ตรัสเลยครับ เพราะไม่มีประโยชน์ต่อการดับทุกข์ คุณจะบอกไปให้ได้ประโยชน์อะไร
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 16 ก.ย. 2008, 3:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณkororadoครับ



พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในคัมภีร์มหายานมากมายใน 18 นิกาย

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎก แต่อวิชชาของคุณซ่อนมันเอาไว้ ไม่ให้เห็น
หรือเห็นก็ตีความไม่ได้ เมื่อคุณเข้าถึงความเป็นอริยะบุคคล คุณก็จะรู้ความจริง

แต่ผมทนไม่ได้ ที่ปถุชนและสมมุติสงฆ์ขาวพุทธไมรู้เรื่องอะไรเลย
ไปบอกว่า ศาสนาพุทธไม่มีพระเจ้า และไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า
ทั้งๆที่พระเจ้าอุตส่าห์
อวตารมาสอนธรรมให้กับพวกเรา ไม่ได้อวตารไปสอนธรรมให้คนในศาสนา
ที่เชื่อในเรื่องพระเจ้า......
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 16 ก.ย. 2008, 3:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณkororadoครับ



รู้ดีกว่าไม่รู้ ไม่รู้แล้วไปดูถูกดูหมิ่นศาสนาอื่น และเชิดชูความรู้ผิดๆของตน
มันใช้ไม่ได้ครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 16 ก.ย. 2008, 3:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เศร้า อาจารย์พลศักดิ์ครับผมสงสัยอยู่ข้อหนึ่งครับว่า

อ้างอิงจาก:
พระเจ้าผู้ดูแลใน 3ภพ เป็นอสังขตธาตุที่ไม่ยอมเข้านิพพาน


ผมสงสัยว่าเมื่อเป็นอสังขตธาตุแล้ว ไมไม่เข้านิพพานครับ งงงงง

เศร้า
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 16 ก.ย. 2008, 7:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ฌาณ พิมพ์ว่า:
เศร้า อาจารย์พลศักดิ์ครับผมสงสัยอยู่ข้อหนึ่งครับว่า

อ้างอิงจาก:
พระเจ้าผู้ดูแลใน 3ภพ เป็นอสังขตธาตุที่ไม่ยอมเข้านิพพาน


ผมสงสัยว่าเมื่อเป็นอสังขตธาตุแล้ว ไมไม่เข้านิพพานครับ งงงงง

เศร้า



น้ำที่จุด 0 องศาซซ. มันมี 2 ภาวะ 1. ภาวะที่เป็นน้ำที่จุด 0 และภาวะที่เป็นน้ำแข็ง
ที่จุด 0 พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่จุด 0 ก้อนหนึ่ง แต่พระองค์
ไม่ยอมให้น้ำที่จุด 0 กลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด เหลือไว้ก้อนเล็กก้อนหนึ่ง และให้
ก้อนเล็กนั้นเอาเมตตากรุณามาใส่ ความเมตตากรุณาทำให้น้ำนั้นไม่ถึงจุด 0 สักที
แต่จะกลายเป็นน้ำแข็งทันทีเมื่อเอาความเมตตากรุณาออกไป

น้ำแข็งก้อนเล็กนี้คือ พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม(อวโลกเตศวร)

พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม(อวโลกเตศวร)จึงเป็นพระเจ้าบนโลกมนุษย์ พระศิวะ พระพรหม
พระนารายณ์ พระพิฆเนศ พระปรเมศวร พระลักษณมี พระอุมร ฯลฯ ล้วนเป็นการ
แบ่งภาคออกไปของพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมทั้งสิ้น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 16 ก.ย. 2008, 8:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณฌาณครับ



ผู้ที่เป็นอสังตธาตุแล้ว แต่ไม่ยอมเข้านิพพาน ต้องนำบางอย่างเข้ามาในจิต
พระอรหันต์ของมหายานจะนำความเมตตากรุณา และคำปณิธานเข้ามาในจิต

พระมหากัสสปนำคำปณิธานเข้ามาในจิต ตั้งใจจะให้พระศรีอริยะเมตตรัยมาเผา
ศพของท่าน และจะเข้านิพพานพร้อมกับพระศรีอริยะเมตตรัย

หลวงพ่อสดรับปากพระพุทธเจ้าต้นธาตุ จะลงมาเกิดเรื่อยๆ เพื่อเดินวิชาต้านทาน
พลังของมาร

หลวงปู่ดู่ตั้งปณิธานว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า และท่านนี้แหละที่จะเกิดมาเป็น
พระศรีอริยะเมตตรัย ท่านบรรลุอรหันต์ทุกชาติ และท่านก็นำคำปณิธาน
และความกรุณาจ่อสัตว์โลก มาหล่อเลี้ยงให้ท่านเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆ จนกว่าท่านจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ชาติก่อนหลวงปู่ดู่เกิดเป็นหลวงพ่อโต ก่อนหน้านั้นก็
เป็นหลวงปู่ทวด
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2008, 11:19 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ อ้อ....ลุ่มลึกอย่างนี้เอง....ขอบคุณอาจารย์พลศักดิ์ครับ ยิ้มเห็นฟัน

เดี๊ยวผมต้องอาศัยเวลาทำความเข้าใจซะหน่อยครับ
แบบว่าผมบัวยังไม่พ้นน้ำครับ ซึ้ง
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2008, 3:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณฌาณครับ



รู้ไว้ประดับความรู้เฉยนะครับ อย่าไปคิดมากและลึกซึ้งเกินไป ความรู้ของผม
เป็นความรู้นอกกำมือของพระพุทธเจ้า
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
kokorado
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 18 ก.ย. 2008, 4:12 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ชาวพุทธเค้าดูหมิ่น หรือดูถูกศาสนาอื่นเหรอ เราก็อยู่กันแบบฉันมิตร แต่เราเลือกศาสนา ตามความศรัทธาในคำสอน หรือไม่ก็เลือกจากสภาพแวดล้อม ถ้าเราไปอยู่อิรักเราก็คงไม่ได้นับถือ ศาสนาพุทธ โดยส่วนตัวผมไม่เคยดูหมิ่นศาสนาอื่นเลยนะ เป็นสิทธิของแต่ละบุคคลในการเลือกศาสนา
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 18 ก.ย. 2008, 12:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรียนถามท่านพลศักดิ์

น้ำที่-273องศาเชลเชียล

จะเป็นอย่างไรครับ

เปรียนกับพระเจ้าหรืออะไรก็ได้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
บุญชัย
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 ก.ค. 2008
ตอบ: 568
ที่อยู่ (จังหวัด): สงขลา

ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ย. 2008, 11:28 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

c]แล้วโทษนะท่าน บรรลุธรรมขั้นไหน กรุณาช่วยบอกด้วย
ถึงได้ รู้ไป นอกนั้นโนน ได้......ฌาน หรือ วิปัสนา
ผมเป็นครูสอนสมาธิ อยาก บรรลุเท่าคุณ มั้งจะได้
สอน น้องๆ ให้บรรลุทั้งชั้นเลย
แล้วปิดโรงเรียนเลยเพราะ เป็น อรหันตหมดแล้ว
 

_________________
ทำดีทุกทุกวัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง