Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
เรื่องสั้น ไว้อ่านเล่นครับ...
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
natdanai
บัวบาน
เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok
ตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 9:38 pm
กาลครั้งหนึ่ง......ณ.เมืองประภัสสร เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ มากมายไปด้วยพืชพันธ์ ธัญญาหาร เป็นสถานที่ที่สงบ ร่มเย็น ประชากรก็อยู่กันอย่างสันติ......ไม่มีความเดือดร้อน.....
ต่อมา...ได้มีการเข้ามาคุกคามจากกองกำลังของมหาอำนาจ เป็นกองกำลังที่ทรงแสนยานุภาพมาก มีแม่ทัพใหญ่ชื่อว่า อวิชา เป็นคนที่หลงในอำนาจ และเปี่ยมไปด้วยตัณหา แต่ก็เป็นผู้ที่เชี่ยวในการรบ มากด้วยอุบาย และเล่ห์กลต่างๆ
ยุทธการในการเข้ายึดดินแดนนั้น แม่ทัพ อวิชา แต่งตั้งให้ สังขารเป็นกุนซือ ให้วิญญาณเป็นทัพหน้า คุมทหารตัณหาซึ่งแบ่งออกเป็น 6 ทัพ ได้แก่
1.จักขุ มีรูปเป็นอาวุธ
2.โสต มีเสียงเป็นอาวุธ
3.คานะ มีกลิ่นเป็นอาวุธ
4.ชิวหา มีรสเป็นอาวุธ
5.กาย มีโผสฐัพพะเป็นอาวุธ
6.มโน มีธรรมารมณ์เป็นอาวุธ
แล้วแต่ละทัพก็บุกเข้าปล้นเมืองพร้อมกัน ทำการโหมตีอย่างหนัก เพียงไม่นานก็สามารถเข้ายึดเมืองได้โดยง่าย เนื่องจากพระราชาแห่งเมืองประภัสสรนี้ ไม่เชี่ยวในการศึกสงคราม อีกทั้งทหารของเมืองประภัสสรก็ไม่เคยผ่านการฝึก จึงเป็นกองทัพที่อ่อนแอ จึงไม่สามารถรับมือกับการบุกโจมตีที่หนักหน่วง
แต่พระราชาก็ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชามเมือง เป็นที่เคารพ นับถือของชาวเมือง เพราะตลอดมาพระราชาปกครองด้วยทศพิศราชธรรม และชาวเมืองก็อยู่ร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา
หลังจากบุกเข้ายึดเมืองได้แล้ว กองทัพทั้ง 6 ก็เข้าปล้นสะดมชาวเมือง และจับชาวเมืองทั้งหมดไว้เป็นเชลย รวมทั้งควบคุมตัวของพระราชาไว้ยึดอำนาจไว้เบ็ดเสร็จ แต่ก็ไม่สามารถสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นพระราชาได้เพราะ แม่ทัพ อวิชา นั้นรู้ดีว่าหากกำจัดพระราชาเสีย ชาวเมืองก็จะโกรธแค้น และทำการแข็งข้อ ซึ่งทำให้ปกครองลำบากและอาจจะถึงขั้นสูญเสียอำนาจการปกครองไปในที่สุด จึงได้กุมตัวพระราชาไว้เป็นตัวประกัน กุมขังและควบคุมอย่างแน่นหนา ยากต่อการที่จะหนีรอดไปได้
ชาวเมืองที่ถูกจับก็จะถูกนำตัวไปเป็นทาส คอยรับใช้พวกทหารตัณหา ของอวิชา และก็ถูกทรมานจากพวกแม่ทัพ นายกอง ของกองทัพทั้ง 6 แต่ชาวเมืองก็ยังอดทนอย่างมีความหวัง เพราะรู้อยู่ว่าพระราชายังไม่ตาย
ผ่านไปหลายปี ชาวเมืองที่เป็นเชลยส่วนมากก็เริ่มทำใจยอมรับสภาพ และสิ้นหวัง ก้มหน้าทำงานรับใช้ไปเพียงเพื่อจะได้ไม่ต้องถูกทรมานจากพวกทหาร ตัณหา
แต่ก็ยังมีข้าราชการบางส่วนที่ยังไม่สิ้นหวัง เพราะรู้ว่าเจ้าชายทั้ง 3 ยังไม่ได้ถูกจับ และยังมีความหวังว่าสักวันจะกลับมากอบกู้อิสรภาพคืนได้อย่างแน่นอน
อันที่จริงแล้วพระราชานั้นมีราชบุตรอยู่ 3 คน ทั้ง 3 คนนั้นต่างก็ไม่ได้อยู่ในเมืองขณะที่ถูกข้าศึกล้อมตี เพราะก่อนหน้านี้พระราชาได้ส่งไปฝึกวิชา และศาสตร์ต่างๆ กับอาจารย์ที่อยู่นอกเมือง
คนโตมีชื่อว่า ปัญญา เป็นคนที่ฉลาด เรียนรู้เร็ว พระราชาจึงส่งไปเรียนพิชัยสงคราม
คนที่สองมีชื่อว่า ศีล เป็นคนที่มีความอดทนสูง และเป็นคนมีระเบียบวินัย พระราชาจึงส่งไปเรียนการฝึกทหาร
คนที่สามมีชื่อว่า สมาธิ เป็นคนที่มีจิตใจมั่นคง แน่วแน่ มีความวิริยะ อุตสาหะ พระราชาจึงส่งไปเรียนด้านการต่อสู้ ศึกษาวิชาอาคม อยู่ยงคงกระพัน
ครั้นเมื่อเจ้าชายทั้ง 3 ได้ข่าวการเสียเมืองให้กับกองทัพ ตัณหา ของแม่ทัพอวิชา เจ้าชายทั้ง 3 ก็เร่งเรียนจนจบวิชาที่อาจารย์สอน แล้วก็เริ่มภารกิจกอบกู้เอกราช
เจ้าชายทั้ง 3 เริ่มซ่องสุมกำลัง สะสมเสบียง และอาวุธ โดยทั้ง 3 นั้นมีความสามัคคีกันดีมากเนื่องจากต่างมีเป้าหมายอันเดียวกันคือ กอบกู้เอกราชและช่วยพระราชาจากการจองจำให้ได้
เจ้าชายทั้ง 3 ปรึกษาและแบ่งหน้าที่กันในการทำงานกัน
โดยเจ้าชายปัญญา รับหน้าที่ศึกษาวิธีการรบของกองทัพ ตัณหา และคิดหาอุบายศึกที่ดีในการต่อรบ และคิดค้นอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ที่จะนำไปต่อรบกับกองทัพ อวิชา เจ้าชายปัญญา เริ่มจากการศึกษาอาวุธของกองทัพอวิชาก่อน ด้วยความเฉลียวฉลาดของเจ้าชายปัญญา ก็ค้นพบได้ว่า กองทัพทั้ง 6 ของอวิชานั้น อาวุธของแต่ละกองทัพนั้นมิได้มีความน่ากลัวเลย ฆ่าทหารให้ตายไม่ได้ แต่ทำให้ทรมานได้ ที่ดูว่าเป็นทัพที่ทรงแสนยานุภาพนั้นก็ด้วยความสามัคคีและความชำนาญในการใช้อาวุธโจมตีเข้าจุดอ่อนของฆ่าศึก และความฉลาดของกุนซือที่ชื่อว่า สังขาร ซึ่งมีความสำคัญกับกองทัพ อวิชา มาก ประกอบกับ แม่ทัพหน้าที่ชื่อว่า วิญญาณนั้น ก็ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวในการศึกคนนึง แต่เจ้าชายปัญญาได้สำเร็จพิชัยสงครามแล้ว จึงมีความเชี่ยวในการศึก และเปี่ยมไปด้วยกลศึกที่จะเอาชนะกองทัพ อวิชาได้
เมื่อเจ้าชายปัญญารู้อย่างนี้แล้วก็เริ่มวางแผนงานกอบกู้เอกราชโดย น้องทั้ง 2 ยกให้เป็นแม่ทัพใหญ่ และเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในกองทัพของตน เจ้าชายปัญญาจึงเริ่มสั่งงานน้องทั้ง 2 โดยให้ เจ้าชายศีล เป็นผู้ฝึกความอดทนและระเบียบวินัยให้กับทหาร ซึ่งก็เป็นงานที่เจ้าชายศีล ถนัดมากและก็สามารถทำได้ดีด้วย ส่วนเจ้าชายสมาธิ ก็รับหน้าที่ฝึกเรื่องของศิลปะการต่อสู้ และคาถาอาคมให้กับทหาร ซึ่งเจ้าชายสมาธิก็ทำได้ดีเช่นกัน เจ้าชายปัญญาเป็นผู้กำหนดแนวทางการฝึก โดยเรียกหลักสูตรการฝึกในครั้งนี้ว่า มรรค ในขณะเดียวกัน เจ้าชายปัญญาก็ได้คิดประดิษฐ์เสื้อเกราะ ที่มีชื่อว่า ไตรลักษณ์ และอาวุธที่ทรงอานุภาพสูง ที่เรียกว่า ญาณ สามารถฆ่าตัณหาได้อย่างง่ายดาย
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้วก็ถึงเวลาที่จะยกทัพไปทวงคืนเอกราช.......เจ้าชายปัญญา แม่ทัพใหญ่สั่งเคลื่อนทัพ......เจ้าชายสมาธิเป็นทัพหน้า คุมทหารมรรคญาณที่ได้รับการฝึกฝนมาดีแล้วสวมเสื้อเกราะไตรลักษณ์และอาวุธครบมือ เจ้าชายศีล คุมเสบียงและทัพหนุน
.....ยุทธการในการรบในครั้งนี้......เจ้าชายปัญญาเลือกชัยภูมิและวางกลศึกไว้ว่าจะต้องไม่ทำการรบแบบปะทะโดยตรง ให้ใช้วิธีรบแบบกองโจร โดยใช้อุบายอันแยบคายหลอกให้ฆ่าศึกหลงกลตกเข้าสู่วงล้อมแล้วก็ให้ทหารหน่วยมรรคญาณ ที่ใส่เสื้อเกราะไตรลักษณ์ ซึ่งสามารถป้องกันอาวุธของกองทัพตัณหาได้เป็นอย่างดี และใช้อาวุธที่เจ้าชายปัญญาประดิษฐ์ขึ้นที่ชื่อว่าญาณ ในการฆ่าทหารตัณหา ของกองทัพอวิชาได้เป็นจำนวนมาก
เมื่อสามารถฆ่าทหารตัณหาของกองทัพตัณหาได้เป็นจำนวนมากแล้ว ถึงตอนนี้กองทัพตัณหา ของอวิชา ก็เหลือกำลังพลน้อยลงไปมาก กองทัพมรรคญาณของเจ้าชายทั้ง 3 ก็โถมกำลังทั้งหมดเข้าทำการรบแตกหัก กับทัพหลวงของอวิชา ศึกคราวนี้เป็นศึกที่เดิมพันกันด้วยชีวิตเลยทีเดียว เพราะหากเจ้าชายทั้ง 3 ทำการนี้ไม่สำเร็จถึงแม้นว่าจะรักษาชีวิตรอดไว้ได้ แต่ก็จะต้องสูญเสียกองทัพที่ทำการฝึกฝนมาเป็นเวลานาน แต่การทำศึกคราวนี้ เจ้าชายทั้ง 3 รู้ดีว่าจะมีข้อผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด เจ้าชายทั้ง 3 จึงทำตามแผนอย่างระมัดระวังมิให้เกิดความประมาทเกิดขึ้น ..... ประกอบกับความฮึกเหิมของทหารมรรคญาณ ที่สวมเสื้อเกราะไตรลักษณ์ ทำให้มั่นใจและไม่เกรงกลัวต่ออาวุธของทหารตัณหา.....จากศึกแห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้จบลงด้วยชัยชนะของกองทัพมรรคญาณ
เจ้าชายทั้ง 3 ร่วมมือกันสามารถประกาศเอกราชให้กับนครประภัสสร และปลดปล่อยพระราชาจากการจองจำของ อวิชาได้สำเร็จ พร้อมจับกุมตัวแม่ทัพอวิชาไว้ได้ เจ้าชายทั้ง 3 มีมติเห็นตรงกันว่า อวิชานี้มีความผิดมากมายนัก ไม่สามารถปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ จึงทำการสั่งประหารเสีย ส่วนกุนซือ สังขาร และขุนพลวิญญาณ ก็ถูกจับกุม แต่ก็มิได้ถูกสั่งประหารแต่อย่างใด เพราะเจ้าชายทั้ง 3 นั้นเห็นว่าทั้ง 2 นั้นเพียงทำตามคำสั่งของนาย แต่ก็ได้ควบคุมตัวไว้ เพื่อมิให้สร้างความวุ่นวายได้อีก
.........แล้วนครประภัสสรก็กลับมามีความสุขสงบอีกครั้ง........
_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 29 ส.ค. 2008, 11:09 pm
สาธุ
แต่งเองเลยปะคับนี่
_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
เมธี
บัวตูม
เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
ตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 1:08 pm
ดีครับ
ฌาณ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
ตอบเมื่อ: 31 ส.ค. 2008, 8:23 am
_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
บัวหิมะ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
ตอบเมื่อ: 31 ส.ค. 2008, 12:03 pm
_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
อิทธิกร
บัวใต้น้ำ
เข้าร่วม: 28 ส.ค. 2008
ตอบ: 137
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี
ตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2008, 3:29 pm
ดีคับ
_________________
ชีวิตที่รู้
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th