ทัพหลวง
บัวเริ่มพ้นน้ำ

เข้าร่วม: 28 มิ.ย. 2008
ตอบ: 161
|
ตอบเมื่อ:
28 ส.ค. 2008, 6:49 am |
  |
ในบางทีบางครั้ง การที่เราจะอธิบาย ทำให้คนอื่นเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ มันก็เป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกัน จนบางคนบางท่านรู้สึกเหนื่อยอกเหนื่อยใจมิใช่น้อย แม้แต่พระพุทธองค์ เมื่อครั้งสัปดาห์ที่ ๗ ผ่านไปแห่งการตรัสรู้ ณ ภายใต้ต้นอชปาลนิโครธ ได้ทรงพิจารณาถึงธรรมที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ว่า เป็นธรรมที่ลึกซึ้งละเอียดสุขุมคัมภีรภาพ ยากแก่การเข้าใจสำหรับเวไนยสัตว์ เมื่อพิจารณาดังนี้แล้ว พระทัยของพระพุทธองค์จึงมิได้น้อมไปในการเผยแผ่ธรรมที่บรรลุแต่ประการใด แต่ในขณะนั้น…..
ท้าวสหัมบดีพรหมทรงทราบพระดำริและทรงปริวิตกว่าโลกจักฉิบหายเสียแล้ว จึงทูลอาราธนาให้พระองค์แสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ พระพุทธองค์จึงทรงพิจารณาถึงอุปนิสัยที่แตกต่างกันไปของเวไนยสัตว์ และทรงได้เปรียบเทียบกับดอกบัว ๔ เหล่าคือ
๑.อุคฆฏิตัญญู คือ ผู้ที่เข้าใจได้เร็วพลัน เพียงยกข้อธรรมขึ้นแสดงก็รู้แจ้งได้ เปรียบเหมือนกับดอกบัวที่พ้นน้ำแล้ว ถูกแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที
๒.วิปจิตัญญู คือ ผู้รู้และเข้าใจได้ก็ต่อเมื่อท่านอธิบายขยายความจึงจะรู้แจ้ง เปรียบเหมือนกับดอกบัวโผล่เสมอผิวน้ำพร้อมจะบานในวันพรุ่ง
๓.เนยยะ คือ ผู้พอแนะนำพร่ำสอนบ่อย ๆ ค่อยเข้าใจได้ เปรียบเหมือนกับดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ พร้อมที่จะบานในวันต่อ ๆ ไป
๔.ปทปรมะ คือ ผู้ด้อยปัญญา แนะนำไม่ได้ จดจำได้เฉพาะตัวบทธรรมเท่านั้น ไม่สามารถที่จะเข้าใจแยกแยะเห็นแจ้งในธรรมได้ สอนไปก็ให้เป็นอุปนิสัยในภพชาติต่อไป เปรียบเหมือนกับดอกบัวที่มีโรคและยังอยู่ใต้โคลนตม ไม่มีโอกาสที่จะโผล่ขึ้นมาบานได้ ต้องเป็นอาหารของปลาและเต่า
เมื่อทรงพิจารณาดังนี้แล้ว จึงทรงรับอาราธนาจากพระพรหมผู้อ้อนวอนถึง ๓ ครั้ง แล้วจึงทรงทำ “อายุสังขาราธิษฐาน” คือทรงตั้งพระพุทธปณิธานว่า ”จะดำรงพระชนมายุอยู่ตราบเท่าที่จะได้ประกาศพระศาสนาให้แพร่หลายประดิษฐานพระศาสนาไว้อย่างมั่นคง“
จึงถือได้ว่า พวกเราโชคดีเหลือเกินแล้ว…ที่เกิดมาแล้วได้พบพระพุทธศาสนา ได้พบแสงแห่งธรรมของพระพุทธองค์ที่ได้ทรงบำเพ็ญเพียรทุกข์ทรมาน สร้างบารมีมาถึง ๔ อสงไขย แสนมหากัป เพื่อให้เราได้พบทางแห่งความพ้นทุกข์ ได้พบครูบาอาจารย์สงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าที่ ได้ทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ให้เราได้ประพฤติปฏิบัติ ได้ประจักษ์ในสัจธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา ก็ขอให้เราอย่าได้ท้อแท้ สิ้นหวังหมดกำลังใจ ในการประพฤติปฏิบัติธรรม หมดกำลังใจในการเผยแผ่ธรรมให้ผู้อื่นที่ไม่เข้าใจได้เข้าใจ เพราะ เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดที่จะทำ ให้คนอื่นเข้าใจ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นที่จะเข้าใจในสิ่งที่เราทำเราพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำกิจของตัวเองให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
ดังที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญได้กล่าวไว้ว่า “อ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็น เห็นตัวตาย คลายจากทิฏฐิ ดำริชอบ ประกอบกุศล เห็นผลอนันต์” ถ้าเราทำได้อย่างนี้ เราก็จะพบทางอันจะนำพาเราไปถึงจุดหมายปลายทางแห่งแสงสว่างของชีวิตในที่สุด….เส้นทาง
แห่งนี้ เราไม่ได้เดินคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว แต่ยังมีคนอีกมากมายที่เดินเคียงข้างเรา เป็นเพื่อนเรา เป็นกำลังใจให้กับเรา เป็นกัลยาณมิตรที่ดีในยามที่เราท้อแท้….สาธุ
หัวใจสีขาว
http://www.dhammasatta.com/th/?p=191 |
|
|
|