ทำกรรมกับศาสนาไว้

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 3:08 pm

ครั้นเมื่อแฟนดิฉันบวชเป็นพระ เรายังได้คุยกันฉันท์ชู้สาว ทางโทรศัพท์ มาวันนี้ดิฉันสำนึกแล้ว จะแก้กรรมได้อย่างไรคะ

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 3:15 pm

ผู้ไม่รู้ ย่อมไม่ผิด
ต่อมาเรารู้สึกผิด สำนึกและละอายต่อบาป .... นั่นก็ดีแล้ว

ภายหน้า เมื่อระลึกถึงวันนี้ ก็จะระวังการกระทำอีก

ไม่ได้บาปอะไรมากหรอกคับ
แต่ถ้าคิดมากๆ บาปมันก้จะมากตามความคิด

...........
ส่วนผลของการกระทำก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรในวงกว้างเลย
เป้นแค่รู้สึกผิดชอบกัน 2 คน
ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่

...........

ที่ตอบนี่ ความเชื่อนะคับ
ไม่ใช่หลักการ

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 3:38 pm

สวัสดีครับพี่ๆ...ผมชอบอ่านการ์ตูนมิลินทปัญหาครับ

คิดว่าคนไม่รู้ตัวว่าทำผิดน่าจะบาปกว่านะครับ ลองอ่านดูครับพี่ๆ

อ้างอิงจาก:

ปัญหาที่ ๑๐ ถามถึงการทำบาปแห่งผู้รู้กับผู้ไม่รู้

“ ข้าแต่พระนาคเสน สมมุติว่ามีคน ๒ คน คนหนึ่งรู้จักบาป อีกคนหนึ่งไม่รู้จัก แต่กระทำบาปด้วยกันทั้งสองคน ข้างไหนจะได้บาปมากกว่ากัน ? ”
“ ขอถวายพระพร ข้างไม่รู้จักได้บาปมากกว่า ”
“ ข้าแต่พระนาคเสน ราชบุตรของโยมหรือราชมหาอำมาตย์คนใดรู้ แต่ทำผิดลงไปโยมลงโทษแก่ผู้นั้นเป็นทวีคูณ ”

“ ขอถวายพระพร มหาบพิตรจะเข้าพระทัยความข้อนี้อย่างไร...คือสมมุติว่ามีคน ๒ คน จับก้อนเหล็กแดงเหมือนกัน คนหนึ่งรู้ว่าเป็นก้อนเหล็กแดง อีกคนหนึ่งไม่รู้ คนไหนจะจับแรงกว่ากัน ? ”

“ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า คนไม่รู้จับแรงกว่า ”

“ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือผู้ไม่รู้บาปได้บาปมากกว่า”
“ ชอบแล้ว พระนาคเสน ”

ส่วนเรื่องการแก้กรรมนั้นคงแก้ไม่ได้ครับ ไม่มีใครหนีกรรมพ้น
เพียงแค่สำนึกว่าเราจะไม่ทำต่อไป ก็ดีแล้วครับ กรรมอาจเบาบางลงครับ

สาธุ

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 4:12 pm

บัว พิมพ์ว่า:

ครั้นเมื่อแฟนดิฉันบวชเป็นพระ เรายังได้คุยกันฉันท์ชู้สาว ทางโทรศัพท์ มาวันนี้ดิฉันสำนึกแล้ว จะแก้กรรมได้อย่างไรคะ

ไม่ยากครับ บาปหนักกว่านี้ก็แก้ได้

การสำนึกผิดอย่างเด็ดขาด ทำให้วิบากกรรมในโลก ที่จะส่งผลถึงคุณนั้นจะเบาบางลง
ส่วนในปรโลก วิบากกรรมนั้นจะกลายเป็นเศษกรรมไป

มีพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าอยู่บทหนึ่ง ที่อยู่ในสุตตันต มัชฌิชนิกาย สัจจวิภังคสูตร
สัจจภังคสูตร 22/542-546(ผมอ่านมาจากหนังสือธรรมธาตุ ธรรมชาติของสรรพสิ่ง
ของคณะสังคมผาสุก เพื่อความผาสุกของสังคม หน้า 229) เรื่องการก้าวล่วงบาปกรรม

สมมุติสงฆ์พุทธเถรวาทของเราส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้

จริงๆ เรื่องการก้าวล่วงบาปกรรมนั้น ก็คือการสำนึกบาปอย่างจริงใจนั่นเอง สิ่งนี้เป็นการ
ขจัดมลทินแห่งอกุศลออกไปจากจิต ทำให้กรรมดำกลายเป็นกรรมขาว และวิบาก
ของกรรมดำที่เราเคยทำไปแล้วในอดีต เบาบางลงได้

พระพุทธองค์ทรงตรัสแนะนำให้ก้าวล่วงออกจากกรรมเสีย โดยการกำหนดอธิษฐานจิต ตั้งใจมั่นว่า

“ กรรมนั้นๆเป็นสิ่งไม่สมควร ต่อไปนี้ตลอดไปนิรันดร
เราจะไม่กระทำกรรมนั้นอีกเป็นอันขาด ”

เมื่อเราตั้งใจแน่วแน่ดังนี้แล้ว ใจของเราจะก้าวออกจากกรรมนั้นได้ ถ้าคราวหลังแม้คุณ
ต้องตั้งจะไม่ทำบาปนั้นแล้ว แต่ห้ามใจไม่ได้ไปทำอีก ก็อธิษฐานแก้กรรมแบบเดิม
เพียงแต่ว่าคุณต้องตั้งใจเลิกทำบาปนั้นจริงๆเท่านั้น ไม่ใช่ปากบอกว่าเลิก แต่ใจจริง
ไม่อยากเลิก

ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2008, 7:54 pm

จะเชื่อใครดี มีเหตุผลทั้งหมด แต่ถึงยังไงก็ควรเชื่อ เรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไว้ด้วยก็ดีนะจ๊ะ โมทนาสาธุ

ตอบเมื่อ: 21 ส.ค. 2008, 9:22 pm

สิ่งที่ทำไปแล้วเอาคืนไม่ได้แล้ว พยายามอย่าไปคิดถึงมันอีกจะเป็นการเพิ่มกำลังของบาปอกุศล ใครๆในโลกนี้ก็เคยทำบาปทั้งนั้นไม่ใช่แต่คุณหรอก ทำบุญทำความดีเยอะๆ ผลของบาปมันก็จะจางไปเอง

ตอบเมื่อ: 22 ส.ค. 2008, 8:57 am

ทุกสิ่งทุกอย่าง แก้ไขได้ ค่ะ

ตอบเมื่อ: 22 ส.ค. 2008, 9:17 am

ต้องไปแก้กรรมอะัไรหละครับ ก็นี่มันตื่นขึ้นมันเห็นแล้วว่าสิ่งนั้นไม่ควร
มันก็คือ มีบุญแล้ว

คนที่ทำไปแล้วไม่รู้ไม่เห็นบาบนั้นสิมีกรรม มันต้องแก้ตรงนั้น
ทีนี้ ก็คุณ เห็นแล้ว รุ้แล้วว่ามันไม่ดี แล้วจะต้องไปแก้มันทำไม

คำว่าบาป นี้คือ การที่เราทำอะไรไปแล้วไม่รุ้ตัว เห็นผิดเป็นชอบนั้นแหละ อกุศลมันก็น้อมนำให้ต่ำลง แต่ตอนนี้ รุ้แล้ว ตื่นแล้ว ก็ดีแล้ว

ให้ไปแก้อย่างอื่น ที่เรายังไม่ตื่น ไม่ใช่ไปแก้สิ่งที่รู้แล้ว เห็นแล้ว

ไปแก้นิสัยที่เสียๆ ของเรา เช่น ประมาท ทำอะไรไปตามนิสัยสันดานเดิม แบบนี้ ให้ไปแก้ส่วนนั้น