ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
สมบูรณ์
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 25 พ.ค. 2008
ตอบ: 8
ที่อยู่ (จังหวัด): ขอนแก่น
|
ตอบเมื่อ:
15 ส.ค. 2008, 7:12 pm |
  |
ธรรม..หมายถึงสภาพที่ทรงไว้ คือ สิ่งที่เป็นจริงตามธรรมชาติ มันเป็นเช่นนั้นเอง ธรรม กับธรรมชาติจึงแยกกันไม่ออกนักในความหมาย
ทว่า....ในการศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับธรรม ถ้าอย่างผิวเผิน เหมือนง่าย ไม่เห็นจะมีอะไรพิสดาร สลับซับซ้อนนัก แต่จริงๆแล้ว ไม่ง่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะ...อวิชชา หรือความไม่รู้ก็ดี อุปาทาน ความยึดติดก็ดี ทิฏฐิ ความเห็น-ความเชื่อก้ดี มันอาจทำให้คนเรานั้นเห็นต่างในความเป็นจริงแห่งสภาวะทั้งหลายในธรรมนั้นๆ
ข้อเท็จจริงคือ คนเรานั้นมีฐานความรู้ความคิดที่แตกต่างกัน คนเรามีม่านอวิชชาบดบังที่หนาบางแตกต่างกัน ดังนั้น ปัญญา ความรู้แจ้งเห็นจริง และและปฏิปทา การปฏิบัติ หรือระดับความบรรลุในธรรม ย่อมไม่เหมือนกัน ถึงแม้จะมีการศึกษาในธรรมข้อเดียวกันก็ตาม เช่น ในการวินิจฉัยตามพระพุทธวจนะว่าด้วยเรื่องโลกหน้าว่า คนเราเมื่อตายแล้ววิญญาณไปไหน?? ดับสูญ หรือว่า ไปเกิดภพใหม่? เป้นต้น คำตอบในคำปุจฉานี้ดูเหมือนยากนักที่จะมีความเห็นตรงกัน
เรื่องของบารมี เรื่องของวิบากกรรมทั้งหลายก็เช่นกัน ตามกฏแห่งกรรมย่อมยืนยันว่า สัตว์โลกทั้งหลาย (ต้อง หรือย่อม) เป็นไปตามกรรม ตรงนี้เป็นจริงแค่ไหน นำมาอธิบายได้อย่างไรว่า มันติดตัวข้ามภพข้ามชาติ แน่ล่ะ แต่ละสำนัก ย่อมมีความคิดเห็น ความเชื่อเป้นของตนเอง ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว
คำว่าอิธัปปัจยตา...กฏแห่งการเวียนว่ายของจิตวิญญาณ ..มันเป็นควาเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ วนไปวนมาที่บอกว่า เพราะอะไรคนเราจึงเกิด เพราะอะไรคนเราจึงตาย อ่านๆไปดูเหมือนไม่ยากในความหมาย แต่ มันก็ยังเป็นความกังขาที่จะบอกว่า สิ่งนี้ สิ่งนั้นเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นทฤษฎีนะ ไม่ใช่สมมติฐานเท่านั้น มันก็คือความสงสัยอยู่นั่นเอง นี่ไง คือ สิ่งท้าทายในการเรียนรู้ธรรมที่ไม่รู้จักจบสิ้น เพราะเรายังไม่มีบารมีมากพอที่จะปฏิบัติจนบรรลุถึงจุดหนึ่งที่พิสูจน์ความสงสัยเหล่านี้ได้เหมือนพระอริยสงฆ์
แต่ อย่างไรก็ตาม การไม่รู้หรือไม่มั่นใจในความรู้ความเห็นของตัวเรา หากเราไม่ประมาท มีความพากเพียรขวนขวายหาธรรมที่แท้ หาคำตอบด้วยสติที่ถูกทาง ผมเชื่อว่า สักวันคงเจอคำตอบที่ชัดเจน ไม่สงสัย
แต่ทั้งนี้ ผมจะยังไม่ด่วนเชื่อคำสรุปของสำนักไหนๆโดยไม่จำเป็น หรือเพราะสำนักนั้นมีความน่าเชื่อถือเท่านั้น
สิ่งหนึ่งที่ผมกำลังสร้างตามรอยธรรม...ก็คือ การสร้างทานบารมี เพราะมันทำได้ง่ายที่สุด วันนี้ผมจึงตัดสินใจสร้างมหาวิหารสักหลังหนึ่ง โดยที่ผมเองมีปัจจัยไม่ถึงล้าน ในขณะทีผมตั้งปณิธานไว้ว่าจะสร้างมหาวิหารดังกล่าวสัก 10 ล้าน ผมจะทำยังไง ยังไม่รู้อนาคตสว่าจะสร้างสำเร็จหรือไม่
ผมหวังว่า การสร้างบารมีจนถึงระดับหนึ่ง ทั้งให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา บารมีที่สร้างนั้นแลจะดลบันดาลให้เกิดความรู้ที่เรียกว่า วิชชา และก่อให้เกิดปัญญา รู้แจ้งในคำตอบที่สงสัยทั้งหลายในธรรม
ผมได้แต่ตั้งจิตอธิษฐาน...ขอให้เพื่อนสหธัมมิกที่มีความคิดและเจตนาเหมือนๆกับผม มาช่วยผมสร้างมหาวิหาร หรือสร้างทานบารมี
หากท่านผู้อ่านท่านใด สนใจร่วมสร้างมหาวิหารเพื่อเสริมบารมีกับกระผม ๆ คงจะปลาบปลื้มยินดีครับ
tossatape_1@hotmail.com |
|
_________________ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว |
|
  |
 |
คณิจศนันท์
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2007
ตอบ: 15
ที่อยู่ (จังหวัด): คลองเตย กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
16 ส.ค. 2008, 1:40 pm |
  |
ข้าพเจ้า นางสาวคณิจศนันท์ สถาพรชาญชัย และเพื่อนร่วมคณะ มีความต้องการที่จะเรียนเชิญกัลยาณมิตรผู้ที่มีใจรักในบุญ และชอบทำกิจกรรมบุญ มาร่วมกันจัดงานตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 500 รูป ณ พื้นที่เขตคลองเตย ซึ่งตามกำหนดตั้งใจว่าจะจัดงานขึ้นในวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2551 ณ บริเวณคลองเตย จึงใคร่ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจที่จะมาร่วมจัดกิจกรรมตักบาตรติดต่อมาที่ คณิจศนันท์ (นุช) 086-3412336 boonsawoey@yahoo.com |
|
_________________ ทำทุกวันให้เป็นวันที่มีความสุข |
|
   |
 |
|