| ผู้ตั้ง | 
ข้อความ | 
siwattra 
บัวใต้ดิน 
 
  
  
เข้าร่วม: 21 มิ.ย. 2008 
ตอบ: 22 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
15 ส.ค. 2008, 8:40 am | 
   | 
 
 
 
  คือวันก่อนตักบาตร(กับพระพุทธรูป)เป็นวันพระแล้วอาหารถวาย อธิษฐานให้พระพุทธรูปเป็นตัวแทนแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้ามารับอาหารที่ถวาย หลังจากธูปดับก็เอามากินเองแต่รสชาดอาหารไม่เหมือนทุกครั้ง(ครั้งก่อนๆไม่ได้เอ่ยว่าสัมมาสัมพุทธเจ้า)กลิ่นหอมคล้ายดอกไม้(ลองไปกินที่ไม่ถวายแต่รสชาดและกลิ่นต่างกันทั้งที่ข้าวหม้อเดียวกัน)พอตกกลางคีนตอนล้มตัวลงนอนก็รู้สึกเบาจากนั้นก็เห็นร่างตัวเองนอนอยู่บนเตียงเป็นอยู่สักประมาณเกือบชั่วโมงก็รู้สึกว่าตัวหนักอีกครั้ง(ยืนยันค่ะว่าไม่ได้หลับและฝัน)งงกับตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนอนก็ไม่ได้คิดอะไรก็แค่นึกถึงข้าวที่ถวายเมื่อเช้าแล้วอิ่มใจแค่นั้น เพราะอะไรพอจะทราบไหมค่ะ ขอความเห็นหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ   | 
 
        
          |   | 
         
 _________________ มองตัวเองก่อนโทษคนอื่น | 
 
 
 | 
   | 
  | 
ขันธ์ 
บัวบานเต็มที่ 
 
 
  
เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008 
ตอบ: 520 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
15 ส.ค. 2008, 9:23 am | 
   | 
 
 
 
มันผ่านไปแล้ว  รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ 
 
ลองดูอาการไปอีกสักระยะ 
 
 
เปรียบดัง กระต่ายตื่นตูม เมื่อได้ยินลูกมะพร้าวตกทีแรกก็ตระหนก
 
วิ่งโร่ว่ามันเป็นอะไร
 
 
ทั้งนี้เพราะ เราไม่รอดู เหตุการณ์ต่อไปอย่างใจเย็น 
 
หรือหันกลับไปทบทวนว่า มันมีร่องรอยมาอย่างไร
 
 
ลองเพิกเฉยมันไปก่อน แล้วเมื่อเกิดเหตุการณฺ์เช่นนี้อีก ผมจะอธิบายให้ฟังเองว่า มันคืออะไร | 
 
        
          |   | 
         
 _________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
 
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ | 
 
 
 | 
   | 
  | 
กรัชกาย 
บัวแก้ว 
 
  
  
เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006 
ตอบ: 2348 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
15 ส.ค. 2008, 10:17 am | 
   | 
 
 
 
| อ้างอิงจาก: | 
 
 
คือวันก่อนตักบาตร       (กับพระพุทธรูป)        เป็นวันพระแล้วอาหาร
 
ถวาย อธิษฐานให้พระพุทธรูปเป็นตัวแทนแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้ามารับ
 
อาหารที่ถวาย       หลังจากธูปดับก็เอามากินเองแต่รสชาดอาหารไม่
 
เหมือนทุกครั้ง        (ครั้งก่อนๆไม่ได้เอ่ยว่าสัมมาสัมพุทธเจ้า)      กลิ่น
 
หอมคล้ายดอกไม้   (ลองไปกินที่ไม่ถวายแต่รสชาดและกลิ่นต่างกันทั้งที่
 
ข้าวหม้อเดียวกัน)   พอตกกลางคืนตอนล้มตัวลงนอน   ก็รู้สึกเบาจากนั้น
 
ก็เห็นร่างตัวเองนอนอยู่บนเตียง   เป็นอยู่สักประมาณเกือบชั่วโมงก็รู้สึกว่า
 
ตัวหนักอีกครั้ง       (ยืนยันค่ะว่าไม่ได้หลับและฝัน)  งงกับตัวเองว่า
 
เกิดอะไรขึ้น
 
 
ตอนนอนก็ไม่ได้คิดอะไร   ก็แค่นึกถึงข้าวที่ถวายเมื่อเช้าแล้วอิ่มใจแค่
 
นั้น        | 
 
 
 
 
 
ตอนนอนก็ไม่ได้คิดอะไร  ก็แค่นึกถึงข้าวที่ถวายเมื่อเช้าแล้วอิ่มใจแค่นั้น  
 
 
ที่ว่าไม่ได้คิดอะไร  คุณ siwattra   คงไม่นับรวมความคิดเรื่องที่เอาข้าวไป
 
 
ถวายพระพุทธรูปแล้วอิ่มใจด้วยกระมังครับ
 
 
 
ก็แค่นึกถึงข้าวที่ถวายเมื่อเช้าแล้วอิ่มใจแค่นั้น   <=  คุณคิดแล้ว
 
 
ครับ    นั่นล่ะที่ทำให้คุณเห็น-เป็นอย่างที่บอก       
 
 
ธรรมดาครับเมื่อจิตเกิดศรัทธาเกิดปีติ   จะเกิดปรากฏการณ์เช่นนั้น
 
 
ไม่มีอะไรน่าตกอกตกใจ       
 
 
วิธีที่ถูกต้อง  คือ เพียงเรารับรู้สิ่งนั้นๆตามที่เห็นตามที่เป็น....จบ   
 
 
ไม่พึงคิดติดตามภาพนิมิตนั่นไป ซึ่งไม่แน่นอน  มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
 
 
ตามความคิดในขณะนั้น      
 
 
เราทำความรู้สึกตัว่ให้อยู่กับปัจจุบัซึ่งกำลังนอนหรือกำลังนั่งอยู่พอ
 
 
ความคิดประมาณนี้แม้หลับก็เป็นสุข  เพราะไม่ใช่เลวร้ายอะไร
 
 
 
 
(มีอุทาหรณ์พอเทียบเคียงของคุณได้พิจารณาดูครับ)
 
 
 
คือว่า มีปัญหาเวลานั่งสมาธิค่ะ เนื่องจากว่า เมื่อตอนเด็กๆ 
 
 
(อายุประมาณ 11-12 ขวบ) 
 
 
ลองหัดนั่งสมาธิตามที่เรียนมาจากห้องจริยธรรม  (ในสมัยนั้น)  
 
 
เป็นการนั่ง แบบ อานาปานสติ คือ กำหนดลมหายใจเข้าออก 
 
 
มีครั้งหนึ่งก่อนนอน จำได้ว่า นั่งสมาธิได้สงบมาก   มีความ
 
 
รู้สึกว่า ตัวเอง ลอยขึ้นไปอยู่บนเพดานห้อง  มองลงมาเห็นกายตัวเองนั่ง
 
 
นิ่งอยู่ เหมือนกายกับจิตแยกออกจากกันเป็นคนละคนกัน 
 
 
ด้วยความรู้สึกวูบนั้น จิตเหมือนรีบกลับเข้าร่าง 
 
 
ตอนนั้นกลัวมาก, ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น และไม่กล้านั่งสมาธิอีก | 
 
        
          |   | 
         
 _________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา | 
 
 
 | 
   | 
  | 
สี บุญมา 
บัวพ้นดิน 
 
 
  
เข้าร่วม: 02 ม.ค.  2008 
ตอบ: 83 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
15 ส.ค. 2008, 5:30 pm | 
   | 
 
 
 
ให้ข้าวกับรุปปั้น แล้วก็อธิฐานว่าให้กับพระพุทธองค์
 
ท่าน...เดี่ยวก่อน ทำไมไม่ไส่บาตรพระเป็นๆ ล่ะ
 
พระท่านจะได้กินอิ่ม มีแรงปฏิบัติธรรมสืยทอดพระศาสนา
 
แล้วอธิฐานว่าได้ทำบุญเพื่อสืบทอดพระศาสนาของ
 
พระพุทธเจ้า....
 
อย่างนี้ ท่านจะอิ่มบุญมากกว่านี้
 
 
อาการที่ท่านเจอ เป็นเพื่อกิเลศหลอกให้ท่านพึงพอใจในการทำแบบนั้น
 
ไม่ดีเลย(ขอโทษนะ ขอด่ากิเลศในตัวท่านหน่อย ให้ข้าวหมากินยังจะดีกว่านี้เลย)
 
 
สาธุ | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
   | 
  | 
siwattra 
บัวใต้ดิน 
 
  
  
เข้าร่วม: 21 มิ.ย. 2008 
ตอบ: 22 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
15 ส.ค. 2008, 9:55 pm | 
   | 
 
 
 
คุณ สี บุญมาค่ะ คือดิฉันไม่ได้อยู่เมืองไทยและก็ไกลกับวัดที่นี่มากก็เลยต้องทำกับพระพุทธรูป ต้องขอโทษหากทำให้คุณไม่พอใจ ขอโทษนะค่ะ
 
และขอบคุณทุกความคิดเห็น
 
 
คุณกรัชกายค่ะดิฉันเป็นคนที่เจอกับผีบ่อยมาก(เมื่อตอนช่วงอายุ17-25ปี)เห็นเกือบทุกวัน และตั้งแต่เด็กคิดแต่เรื่องบวชพอพูดก็โดนตบปากทุกครั้งจนได้บวชชีครั้งหนึ่ง7วันเจอพระอินเดียรูปหนึ่งบอกท่านว่าต้องการบวชไม่สึกแต่พ่อไม่เห็นด้วยจะบาปไหม(ตอนนั้นยังไม่มีครอบครัว)ท่านว่าไม่ต้องรีบเรื่องบวชตลอดชีวิตได้บวชแน่แต่ไม่ใช่ตอนนี้
 
อีกอย่างตอนเด็กก็เคยนั่งสมาธิ(ตอนนั้นอยู่ป.2)นั่งอยู่ในห้องเรียนธรรมมะแต่กลับเห็นเพื่อนที่อยู่ถัดไปอีก4ห้องนั่งพูดถึงดิฉันอยู่พอออกจากสมาธิหมด ชม.เรียนพอดีก็ไปที่ห้องเพื่อนถามเขาว่าพูดถึงเราอย่างนี้หรือเปล่าพวกเขางงว่าเรารู้ได้ไง แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเพราะยังเด็ก และตอนนี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้นิพพานหรืออะไรเพียงทำวันนี้มห้ดีที่สุด(ปัจจุบันถือศีล๕)อยู่ทุกวันค่ะ อยากถามว่า กรรมบถ10คืออะไรค่ะ ขอบคุณค่ะ | 
 
        
          |   | 
         
 _________________ มองตัวเองก่อนโทษคนอื่น | 
 
 
 | 
   | 
  | 
natdanai 
บัวบาน 
 
 
  
เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008 
ตอบ: 387 
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
15 ส.ค. 2008, 10:54 pm | 
   | 
 
 
 
| สี บุญมา พิมพ์ว่า: | 
 
ให้ข้าวกับรุปปั้น แล้วก็อธิฐานว่าให้กับพระพุทธองค์
 
ท่าน...เดี่ยวก่อน ทำไมไม่ไส่บาตรพระเป็นๆ ล่ะ
 
พระท่านจะได้กินอิ่ม มีแรงปฏิบัติธรรมสืยทอดพระศาสนา
 
แล้วอธิฐานว่าได้ทำบุญเพื่อสืบทอดพระศาสนาของ
 
พระพุทธเจ้า....
 
อย่างนี้ ท่านจะอิ่มบุญมากกว่านี้
 
 
อาการที่ท่านเจอ เป็นเพื่อกิเลศหลอกให้ท่านพึงพอใจในการทำแบบนั้น
 
ไม่ดีเลย(ขอโทษนะ ขอด่ากิเลศในตัวท่านหน่อย ให้ข้าวหมากินยังจะดีกว่านี้เลย)
 
 
สาธุ | 
 
 
 
 
บางทีพระเป็นๆอาจไม่สามารถสร้างศรัทธาได้เท่ากับรูปปั้นก็ได้ครับ เพราะรูปปั้นนั้น(พระพุทธรูป)ถือได้ว่าเป็นวัตถุที่เป็นมงคล....แต่วัตถุที่มีชีวิตอาจไม่สามารถสร้างศรัทธาได้ครับ....(ขอโทษนะครับ กระผมขอด่าจิตสังขารของท่านบ้างได้ป่าวคับ.....ถึงได้ก็ไม่ด่าหรอกครับ...      )         | 
 
        
          |   | 
         
 _________________ ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง | 
 
 
 | 
     | 
  | 
คณิจศนันท์ 
บัวใต้ดิน 
 
 
  
เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2007 
ตอบ: 15 
ที่อยู่ (จังหวัด): คลองเตย กรุงเทพฯ 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
16 ส.ค. 2008, 1:43 pm | 
   | 
 
 
 
ข้าพเจ้า นางสาวคณิจศนันท์  สถาพรชาญชัย และเพื่อนร่วมคณะ มีความต้องการที่จะเรียนเชิญกัลยาณมิตรผู้ที่มีใจรักในบุญ  และชอบทำกิจกรรมบุญ  มาร่วมกันจัดงานตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์  จำนวน 500 รูป ณ พื้นที่เขตคลองเตย  ซึ่งตามกำหนดตั้งใจว่าจะจัดงานขึ้นในวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2551 ณ บริเวณคลองเตย  จึงใคร่ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจที่จะมาร่วมจัดกิจกรรมตักบาตรติดต่อมาที่  คณิจศนันท์  (นุช)  086-3412336 boonsawoey@yahoo.com | 
 
        
          |   | 
         
 _________________ ทำทุกวันให้เป็นวันที่มีความสุข | 
 
 
 | 
    | 
  | 
กรัชกาย 
บัวแก้ว 
 
  
  
เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006 
ตอบ: 2348 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
16 ส.ค. 2008, 1:47 pm | 
   | 
 
 
 
| อ้างอิงจาก: | 
 
 
ตอนนี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้นิพพาน  หรืออะไรเพียงทำวันนี้ให้ดีที่สุด      (ปัจจุบันถือศีล๕)อยู่ทุกวันค่ะ อยากถามว่า    กรรมบถ10   คืออะไรค่ะ    | 
 
 
 
 
 
สาธุครับ     ถูกต้องแล้ว ทำวันนี้ให้ดีที่สุด    พรุ่งนี้เป็นผลจากการกระทำ
 
 
ของวันนี้  ฯลฯ จะเป็นเหตุเป็นผลกันและกันเรื่อยๆไป   มีเหตุย่อมมีผลๆ
 
 
เหตุผลของธรรมชาติจะตรงกันเสมอครับ
 
 
ส่วนคำว่า   นิพพาน  ให้ถือเอาสาระว่า เรามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่าง
 
 
ไม่มีความทุกข์เลย นั่นคือนิพพานเต็มขั้น   หรือมีก็ลดน้อยลงๆ  ก็นิพพาน
 
 
ตามขั้นลดหลั่นกันลงไปๆ     มองอย่างนี้ดีกว่าครับ
 
  
 
 
คงหมายถึง กุศลกรรมบถ 10 นะครับ
 
 
กุศลกรรมบถ 10  
 
 
จัดเป็นกายกรรม  3 อย่าง
 
 
1. ปาณาติปาตา   เวรมณี   
 
2. อทินนาทานา  เวรมณี
 
3. กาเมสุ  มิจฉาจารา  เวรมณี
 
 
 
จัดเป็นวจีกรรม  4  อย่าง
 
 
4. มุสาวาทา   เวรมณี
 
5. ปิสุณาย  วาจาย  เวรมณี
 
6. ผรุสาย  วาจาย  เวรมณี
 
7. สัมผัปปลาปา เวรมณี
 
 
 
จัดเป็นมโนกรรม  3  อย่าง
 
 
8. อนภิชฌา  
 
9. อพยาบาท 
 
10. สัมมาทิฏฐิ | 
 
        
          |   | 
         
 _________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา | 
 
 
 | 
   | 
  | 
| 
 |