เมียยอดรักปล่อยให้ยอดรักตาย เมียทำบาปหรือทำบุญใหญ่กันแน่

ตอบเมื่อ: 05 ต.ค.2008, 10:57 am

เรื่องพระเวสสันดร ผมคิดว่าเป็นทานบารมีครับ ยอมให้ของที่ตนเองรักเพื่อประโยชน์ต่อผู้อื่นเป็นทานบารมีเป็นมหากุศลอยู๋แล้วตามที่พระองค์ตั้งใจไว้ว่าจะบริจาคทุกสิ่งที่พระองค์สามารถให้ได้เพื่อเป็นทานบารมี
ผมคิดว่าเป็นคนละกรณีกัน เพราะชูชกไม่ได้นำไปฆ่าเสียให้ตายนี่ครับหากชูชกจะนำไปฆ่าพระองค์ก็คงสละตนเองเหมือนชาติที่พระองค์สละเลือดเนื่อเพื่อผู้อื่น คัวอย่างที่เสวยชาติเป็นพญาเต่าเรือน หรือชาติที่พระองค์เป็นเนื้อที่สละชีวิตตนเองแทนนางเนื่อที่กำลังตั้งท้องอยู่ นั่นเป็นการเสียสละครับ ผมว่าเป็นคนละกรณึกัน คุณพลศักดิ์อย่านำมาปนกันซิครับ คนจะเข้าใจไขว้เขว เรื่องทานบารมี กับเรื่องอุเบกขา ผมคิดว่าอย่างนั้นนะครับ

ตอบเมื่อ: 05 ต.ค.2008, 7:34 pm

alpha349 พิมพ์ว่า:

เรื่องพระเวสสันดร ผมคิดว่าเป็นทานบารมีครับ ยอมให้ของที่ตนเองรักเพื่อประโยชน์ต่อผู้อื่นเป็นทานบารมีเป็นมหากุศลอยู๋แล้ว

แล้วทำไมคนไทยภาคเหนือจำนวนไม่น้อย ยกลูกสาว และเมียให้คนอื่น เพื่อจะได้
เงิน เป็นบาปล่ะครับ

ชูชกหรือคนที่รับลูกเมียของคนอื่นไป เขาจะเอาไปทำอะไร มันเรื่องของเขา ถ้า
เอาไปขายตัว เป็นโสเภณีก็บาปของเขา ถ้าเอาไปเลี้ยงเป็นเมียแบบยกย่อง ก็เป็น
เรื่องของเขา

ประเด็นสำคัญ คือ ในกรณพระเวสสันดร จิตของท่านคิดเสียสละของที่ตนเองรัก
เพื่อประโยชน์ต่อผู้อื่นเป็นทานบารมี จึงเป็นมหากุศล แต่ชาวบ้านหวังได้เงินมาเพื่อ
ให้ตนเองสบาย โดยไม่สนใจลูกเมีย จึงเป็นบาป

บาป-บุญนั้นอยู่ที่จิตคิดปรุงแต่งอย่างไร และมีเจตนาอย่างไรตอนที่ทำ ถ้าจิตเจตนา
เป็นกุศลก็เป็นบุญ ถ้าจิตเจตนาเป็นอกุศลก็เป็นบาป

ตอบเมื่อ: 05 ต.ค.2008, 11:29 pm

คุณพลศักดิ์ครับ

พระเวสสันดรท่านให้ทานครับไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนครับ แล้วก็ท่านตั้งสัตย์ไว้แล้วด้วยว่าจะให้ทาน ส่วนเรื่องของคนอื่นนั้น ให้เพื่อแลกกับเงินครับ มันคนละเรื่องกันครับ มันเป็นการค้ามนุษย์ครับเอาคนมาขายเพื่อแลกกับเงินครับ กรุณาอย่าเอามาปนกันครับ ท่านเปรียบเทียบแบบนี้ไม่ถูกต้องนะครับ ข้อสำคัญ ทานคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน การค้าคือต่างคนต่างแลกเปลี่ยนครับ หวังว่าท่านคงเข้าใจนะครับ