ใครติดปฏิบัติด้านใด ผมยินดีให้มาพิสูจน์

ตอบเมื่อ: 19 ก.ค.2008, 9:24 pm

เนื่องจาก อยากจะให้สมาชิกที่ปฏิบัติธรรมแล้วเกิดผล หรือ ติดในด้านการปฏิบัติ หรือ มีคำถามในการปฏิบัติ ได้มาโพสคำถาม ซึ่งผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า จะตอบพวกท่านได้ทุกคำถาม ตามหลักเหตุและผลของพระศาสดาหรือไม่

ขอเชิญ ทุกท่าน ครับ

ตอบเมื่อ: 20 ก.ค.2008, 6:58 am

---

ตอบเมื่อ: 20 ก.ค.2008, 7:47 am

ถามคุณขันธ์หน่อยครับว่า ใช่ขันธ์คนเดียวกับบอร์ดพลังจิตมั้ยครับ

ตอบเมื่อ: 20 ก.ค.2008, 11:19 pm

ขันธ์ คนเดียวกันกับบอร์ดพลังจิตครับ คุณ กรัชกาย ผมเคยเห็นคุณที่ลานธรรมนานมาแล้ว

ตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2008, 10:08 am

อันเนี้ยค่ะ ที่กะลังเพียรอยู่ มีอุบายดีๆไรมั่งคะให้ได้ รู้ชัด
เจอถีนมิทธะเข้าอย่างเดียวก็หมดแรงแล้ว ยิ้มเห็นฟัน

นิวรณ์ ๕ ที่ยังไม่เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้น
ด้วย นิวรณ์ ๕ ที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
(ที่จริง แยกทีละอย่าง ในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่โดยย่อนำมารวม เรียก นิวรณ์ ๕ )

ตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2008, 11:58 am

การละนิวรณ์ ไม่ใช่ว่า จะใช้ปัญญาในการละ เพราะปัญญานั้นเปรียบดังอาวุธ
แต่ไม่มีกำลังก็ไม่สามารถต้านทานศัตรูได้

การละนิวรณ์ต้องหมั่นทำสมาธิ ให้มาก คือ ฝึกสมาธิให้บ่อยๆ วันนี้ยังละไม่ได้ก็ต้องรวบรวมกำลังใจ แล้ว ปฏิบัติ
การรู้ชัดว่า นิวรณ์เกิดแล้วเป็นสิ่งดี คือ รู้ตัว แล้วให้เดินหน้าฝืนกิเลส ฝืนนิวรณ์ สำคัญ คือ แพ้ไม่เป็นไร แต่ต้องรู้จักฝืนให้บ่อยๆ เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว ให้จดจำอารมณ์ที่ตั้งมั่น เอาไว้ เมื่อ เกิดนิวรณ์ก็ให้คุมจิตให้อยู่ในความตั้งมั่นที่เราได้เคยปฏิบัติมาแล้ว นั้นแหละ

ตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2008, 2:08 pm

ขอบคุณค่ะ

ตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2008, 3:18 pm

คุณขันธ์ทำไม่ถูก ทำไม่ถูก การปฏฺบัติไม่ใช่การฝืน ผิดมากๆ

แค่ตามดูจิต พอจิตรู้ตัว เขาจะกลับมาที่รู้เรื่อยๆ แค่ตามดู อย่าไปฝืน รู้ รู้ พอรู้มากๆ จิตจักหยุด

หยุดจริงๆ เหอะน่า สำเร็จ พอหยุดก็รู้หยุดอีก หยุดในหยุด นี่คือ ผังของจริง

คุณขันธ์ทำบาปมากในเวปพลังจิต ฝึกเท่าไร ไม่ก้าวหน้าหรอก เพราะใจคุณไม่หยุดแต่จ้องจับผิดคุณพลศักดิ์ ลองคิดดูว่าทำไมจิตไม่หยุดในระยะหลังๆ

ตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2008, 3:27 pm

คุณ สมญา ครับ ผมมาที่นี่ ไม่ได้จะมาจับผิดใคร และไม่ได้จะมาทะเลาะกับใคร เพราะในเว็บพลังจิต ผมสอนลูกศิษย์ผมหลายคน การกระแทกอัตตามันก็ทำให้เดือดดาล แต่ไม่ใช่การทะเลาะ และผมมาที่นี่ จะมาพูดธรรมอย่างเดียว จะไม่มีการแสดงอาการ เช่นเว็บพลังจิตครับ

ตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2008, 4:06 pm

แสบ x 2

ตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2008, 4:16 pm

ยินดี รับคำชี้แนะ ครับ คุณ คามิน

ตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2008, 8:37 pm

ถามคุณขันธ์ครับ

นาม กับ รูป อันไหนเกิดก่อน อันไหนดับก่อนครับ

ผมยังไม่ได้คำตอบแล้วครับ

เศร้า

ตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2008, 10:42 pm

นามกับรูป อะไรเกิดก่อน อะไรดับก่อน

ก็ต้องถามไปว่า เรากำลังสนใจในเรื่องอะไร เช่นถ้าสนใจในรูปกาย หยาบนี้ ต้องรอชาตินี้หมดไปก่อนมันจึงจะดับ
แต่ถ้า สนใจเฉพาะเจาะจงลงไป เฉพาะเรื่องเช่นว่า ได้ยินเสียงใครสักคนด่าเรา เสียงนั้นเป็นรูป ย่อมดับไปก่อน เกิดก่อนดับก่อน
แต่นาม คือ การปรุงหมายมั่นจำได้นั้นเกิดทีหลัง ดับทีหลัง

ก็ ให้พิจารณาเป็นส่วนๆ และ ต้องสงสัย ปัญหาทีเกิดจากการปฏิบัตินะครับปัญหานี้เป็นเชิงอภิธรรม เป็นเชิงท่องจำ ท่านต้องคอยสังเกตุและเห็นจริงก่อน แล้วค่อยถาม ผมก็จะยินดีอธิบายให้ และ ผมถนัดในทางปฏิบัติ จึงไม่ค่อยถนัดในทาง ปัญหาเชิงอภิธรรม แต่ถ้ายกความมาผมจะอธิบายให้ได้ว่าเพราะเหตุใด

ตอบเมื่อ: 22 ก.ค.2008, 5:53 am

นามกับรูป อะไรเกิดก่อน อะไรดับก่อน

ปัญหานี้ไม่ใช่เชิงอภิธรรมครับ เป็นจากการปฏิบัติโดยตรง

คำถามก็ชัดเจนดีมากแล้ว

เอาคำถามใหม่และกัน

ถ้าเกิดตรุณแล้ว ติดอุปกิเลส 16 ต้องแก้ด้วยอะไรครับ

เศร้า

ตอบเมื่อ: 22 ก.ค.2008, 9:10 am

อ้างอิงจาก:

นามกับรูป อะไรเกิดก่อน อะไรดับก่อน

ปัญหานี้ไม่ใช่เชิงอภิธรรมครับ เป็นจากการปฏิบัติโดยตรง

คุณ RARM ครับเวลาผมปฏิบัติ ผมสนใจแค่ว่า อะไรเกิดอะไรดับ ผมไม่ได้สนใจว่า รูป กับนามอะไรเกิดก่อน และคำตอบผมก็ตอบไปแล้วนะครับ

และถามว่า เวลาเรามองการเกิดดับ เรามองด้วยสติ ให้วางไป ไม่ใช่เก็บเอามาคิด ว่าอะไรก่อนอะไรหลัง

ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาท่องจำ

อ้างอิงจาก:

ถ้าเกิดตรุณแล้ว ติดอุปกิเลส 16 ต้องแก้ด้วยอะไรครับ

ส่วนคำถามนี้ก็เป็นปัญหาท่องจำอีก ผมต้องถามคุณก่อนว่า คุณเจออุปกิเลสแล้วหรือ แล้วคุณเจอมันครบ 16 อย่างจริงหรือ
ถ้าคุณเจออะไร คุณเอาตัวนั้นมาถามดีกว่าครับ อย่าให้ผมต้องไปเอาจาก กูเกิล มาบอกเลย มันไม่ได้เกิดประโยชน์ครับ

คำถามที่เกิดจากการปฏิบัติ คือ การที่เราไปประสบพบเจอด้วยการปฏิบัติจริง ไม่ใช่มาจากการอ่าน
เวลานักปฏิบัติ ประสบพบเจอเขาจะไม่สนใจหรอกว่า อุปกิเลสมีกี่ตัว อะไรบ้าง แต่เขารู้แค่เพียงว่า สิ่งนี้ยังไม่ใช่ทาง ไม่ใช่มรรค เขาก็ละเสีย
แต่ทีนี้ อะไรไม่ใช่มรรค ไม่ใช่ทาง ก็ต้องดูว่า อะไรที่เป็นการติดอยู่กับสภาวะธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มองให้มันเกิดดับ นั้นแหละ คือ กิเลส จะเป็นอุปกิเลส หรือ พอ่แม่กิเลสก็ตาม มันต้องเกิดดับ มองให้เห็น แล้วเอามาถาม อย่าไปอ่านตามตำราแล้วเอามาถามครับ

ตอบเมื่อ: 22 ก.ค.2008, 9:35 am

อ้าว ถ้าไม่รู้ว่า อะไรเป็นกิเลส หรืออุปกิเลส จะละได้อย่างไร

และจะเอาอะไรไปละ ละครับท่าน

เศร้า

ตอบเมื่อ: 22 ก.ค.2008, 9:40 am

คุณ RARM ครับเวลาผมปฏิบัติ ผมสนใจแค่ว่า อะไรเกิดอะไรดับ ผมไม่ได้สนใจว่า รูป กับนามอะไรเกิดก่อน และคำตอบผมก็ตอบไปแล้วนะครับ

--

ก็แสดงว่า ไม่สามารถแยกแยะได้ซิว่า ตอนที่จิตเราเห็นเกิดดับ อะไรเกิดก่อน และอะไรดับก่อน

เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องมีเหตุและปัจจัย ไม่ยังงั้น ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้

เศร้า

อ้อและ อาการรู้อยู่ เฉย ๆ เนี่ย ก็ไม่ได้ใช้ปัญญาพิจารณาซิครับ

หรือเป็นเพียงสมถะเท่านั้น พวกหัวตอ น่ะครับ

เศร้า

ตอบเมื่อ: 22 ก.ค.2008, 12:55 pm

อ้างอิงจาก:

อ้าว ถ้าไม่รู้ว่า อะไรเป็นกิเลส หรืออุปกิเลส จะละได้อย่างไร

และจะเอาอะไรไปละ ละครับท่าน

คุณ RARM ครับ ผมมาที่นี่ ไม่ได้จะมาให้ใครลองภูมิด้วยการถามแค่ว่า อุปกิเลสมีอะไรบ้าง และละได้อย่างไร ผมตอบไปแล้วครับว่า ผมเอากูเกิลมาแปะให้ก็ได้

และ การทราบว่า อะไรเป็นกิเลส หรืออะไรเป็นอุปกิเลส คุณจะต้องรู้จัก
คำว่า ทัสนะเกิด อะไรก็ตามที่แตกออกไปจากจิต ที่เป็นความอยากหรือไม่อยาก และเป็นความโง่เขลาที่มองว่า สิ่งนั้นแท้แน่นอนล้วนแล้วแต่เป็น กิเลสทั้งสิ้น
พูดไปตอนนี้คุณก็ยังไม่รู้เรื่องหรอก
ผมถึงบอกว่าถ้าจะถามให้ถามปัญหาจากการปฎิบัติ

อ้างอิงจาก:

ก็แสดงว่า ไม่สามารถแยกแยะได้ซิว่า ตอนที่จิตเราเห็นเกิดดับ อะไรเกิดก่อน และอะไรดับก่อน

เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องมีเหตุและปัจจัย ไม่ยังงั้น ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้

คุณ อย่าเอามาปนกันสิครับ ระหว่างปฏิจสมุบบาท และ คำถามที่ว่ารูปกับนามอะไรเกิดก่อน

และ สายปฏิจสมุบาท นั้นโยงใยมากมาย มีแต่พระ อรหันต์ปฏิสัมภิทา ท่านจึงจะสังเกตุได้ละเอียด แล้ว คุณ เป็น พระอริยะแล้วหรือยังที่จะเอาคำถามแบบนี้มาถามกัน

ผมไม่ว่าหรอกครับ ถ้าจะถามแบบนี้ แต่คุณต้องรู้จักคำว่า ถามเพื่อให้เกิดผลต่อตนเองและผู้อื่น ไม่ใช่ถามในเชิงลองภูมิอันไม่เกิดประโยชน์

อ้างอิงจาก:

อ้อและ อาการรู้อยู่ เฉย ๆ เนี่ย ก็ไม่ได้ใช้ปัญญาพิจารณาซิครับ

หรือเป็นเพียงสมถะเท่านั้น พวกหัวตอ น่ะครับ

อาการรู้อยู่เฉยๆ อะไร ผมไปกล่าวคำนี้เมื่อไรครับ

ผมจะบอกให้ว่า การจะดูว่าคนนั้นคนนี้รุ้จริงหรือไม่ คุณต้องเป็นผู้รู้ระดับหนึ่งก่อน แล้วเอาภูมิรู้ที่ตนมี ที่เห็นว่า ถ้าคุณธรรมต่ำกว่าเรานั้นตอบไม่ได้แน่ นั้นแหละให้ถามข้อนั้น คุณก็จะทราบเองว่า เขารู้ หรือไม่ หรือมีภูมิ มากกว่าเราหรือไม่ ทั้งนี้ ก็แล้วแต่ ผุ้นั้นจะแสดงให้คุณรุ้หรือไม่อีกนั่นแหละ เพราะเขารุ้คุณแล้วว่า คุณมีภูมิเท่าใด

ตอบเมื่อ: 22 ก.ค.2008, 3:31 pm

ตอบเมื่อ: 22 ก.ค.2008, 4:37 pm

คุณสมญาครับ

ผมยังไม่ไปต่อว่าอะไรคุณขันธ์เลยนะครับ ธรรมะที่ผมเผยแพร่มันเป็นระดับโลกุตตระธรรมที่ลึกที่สุด

การจะไม่ให้คนติฉินนินทาต่อว่า และไม่เชื่อคงไม่ได้หรอกครับ