มีสติสมบูรณ์บริบูรณ์ ทำไมเรียกว่าถึงศาสนาครับอาจารย์

ตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 4:08 pm

จากหลวงปู่เทสก์(กระทู้ข้างล่างครับ)

อ้างอิงจาก:

คำสอนของพุทธศาสนาทั้งหมด มาลงอยู่ที่สติตัวเดียว

ตั้งแต่เบื้องต้นก็สอนสติ ที่สุด ก็สอนสติ..

อย่าให้จิตอยู่แต่ในอำนาจของกิเลส

ให้จิตอยู่แต่ในอำนาจของสติ

สติเป็นตัวระมัดระวัง อันนั้นแหละเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยแท้

มีสติสมบูรณ์บริบูรณ์ เรียกว่าถึงศาสนา..

สติที่สมบูรณ์จะไม่ต้องควบคุมและรักษา

แต่มันจะมีสติพอดีกับอารมณ์ที่จะมาปรากฏขึ้นที่จิต

แล้วรู้เท่าทันกัน อันเนื่องมาจากที่เราได้อบรมไว้ดีแล้ว

ไม่มีการส่งส่ายออกนอกไปจากอารมณ์ที่ปรากฎขึ้นที่จิตนั้น

รู้แล้ววางเฉย

บางทีก้ทำให้เกิดความสลดสังเวชในเรื่องนั้นๆ...

ถามว่า

มีสติสมบูรณ์บริบูรณ์ เรียกว่าถึงศาสนา..

สติที่สมบูรณ์จะไม่ต้องควบคุมและรักษา

อธิบายให้ผมหน่อยครับ ไม่เข้าใจอะครับ ขอบคุณท่านอาจารย์ครับ สาธุ

ตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 4:14 pm

เมตตาน้องใหม่ไฟแรงด้วยครับพี่ๆทุกคน
สงสารผมเถอะครับ สาธุ

ตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 4:34 pm

สติวินโย ก็ของพระอรหันต์แล้วครับพี่น้อง

ตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 6:29 pm

อ้างอิงจาก:

มีสติสมบูรณ์บริบูรณ์ เรียกว่าถึงศาสนา..
สติที่สมบูรณ์จะไม่ต้องควบคุมและรักษา

เรียกว่ามีมหาสติ มหาปัญญา ที่เรียกว่า ถึงศาสนาคือ มีสติที่บอกว่าในสภาวะที่เราเป็นอยู่นี้ เป็นเพราะอวิชชาหรือไม่ คือ หลงอยู่ หลงคิด หลงทำกับมันด้วยอำนาจแห่งกิเลสหรือไม่ เมื่อมีสติตื่นขึ้นจากตัวนี้ ก็คือ การไม่หลง
ก็เรียกได้ว่า รู้ ตื่น เบิกบาน ตามความจริง ไม่ใช่ทำไปตามอวิชชา

สติที่สมบูรณ์ จะไม่ต้องคุมและรักษา เพราะเห็นสรรพสิ่งตามความเป็นจริงอยู่ไม่หลง ก็ไม่ต้องคุมอะไร มันก็เห็นตามความเป็นจริง ไม่หลง ไม่หลับไปตามอวิชชา

ตอบเมื่อ: 24 ก.ค.2008, 9:16 pm

ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านครับ

ต้องเป็นพระอรหันต์แล้วเท่านั้นใช่ไหมครับ...สติจึงสมบูรณ์ไม่ต้องคอยรักษา สู้ สู้

ตอบเมื่อ: 25 ก.ค.2008, 9:30 am

พระอรหันต์ จะต้องไปใช้สติทำไม แต่ความจริงเป็นอย่างไรผมก็ไม่รู้นะ เพราะว่า ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ แต่เทียบเคียงว่า ตัวอวิชชา นี้คือ ความไม่รู้
ตัวมหาสติคือ ตัวที่สังเกตุ ให้เห็นตามความเป็นจริงของ สรรพสิ่ง เพื่อที่จะได้ไม่หลง เผลอไปว่า มันเป็นเรื่องเป็นราว ก็ถ้าอวิชชาไม่มีแล้ว มันก็ต้องเห็นตามความเป็นจริงไป ไม่ถูกผลักดัน ให้กิเลสตั้งอยู่ ก็ไม่ต้องใช้สติอะไร เพราะสรรพสิ่ง เกิดแล้วดับไป ก็เท่านั้น