ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ชัช
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
28 มี.ค.2005, 8:49 pm |
  |
สมมุติว่ามีบะหมี่น้ำอยู่ชามหนึ่ง มาวางอยู่ตรงหน้าเรา
ขบวนการเกิดปฏิจจสมุปบาท ควรจะเป็นอย่างไร
ตามข้อต่างๆเหล่านี้ ?
- เพราะนามรูป เป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี
- เพราะสฬายตนะ เป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี
- เพราะผัสสะ เป็นปัจจัย เวทนาจึงมี
- เพราะเวทนา เป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี
- เพราะตัณหา เป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี
- เพราะอุปาทาน เป็นปัจจัย ภพจึงมี
- เพราะภพ เป็นปัจจัย ชาติจึงมี
- เพราะชาติ เป็นปัจจัย ชรามรณะ
จึงมีโสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาสมฺภวนฺติ
-------------
-------------
------------
- เพราะอวิชา เป็นปัจจัย สังขารจึงมี
- เพราะสังขาร เป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี
- เพราะวิญญาณ เป็นปัจจัย นามรูปจึงมี
ขอบคุณครับชัช
|
|
|
|
|
 |
สับสน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
28 มี.ค.2005, 11:54 pm |
  |
แค่ คิด แล้วตอบคำถามนี้ได้หมดหรือ?
แค่เริ่มเห็นบะหมี่ รูปนามเกิดดับกี่ล้านดวง?
เกิดเป็นวงจรกี่ล้านรอบ?
อุทัพพยญาณ หมายถึงอะไร?
ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ หมายถึงอะไร?
จินตมยปัญญา กับ ภาวนามยปัญญา ต่างกันอย่างไร?
อยากตอบได้หxxx็ต้องเจริญสติปัฏฐาน 4 ภาวนาต่อไป
ขอให้เจริญในธรรม |
|
|
|
|
 |
ชัช
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 มี.ค.2005, 12:06 pm |
  |
|
|
 |
ชัช
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 มี.ค.2005, 12:25 pm |
  |
ผมขออนุญาตเอาข้อความ จาก "คุณ แค่นี้นะ" (pantip.com) เผื่อจะได้ภาพที่ชัดขึ้น
------------------
1 อวิชชา ทำให้ประกอบ(สังขาร)สิ่งต่างๆไปในทางกิเลส
คือเริ่มรวมชาม เส้น น้ำ หมู เป็นกลุ่มขึ้นมา
2 รู้ชัด(วิญญาน)ว่าเป็นของกิน
3 อ้อ บะหมี่น้ำ (นามรูป)
4 ภาพเข้าตา กลิ่นโดนจมูก (สฬายตนะ)
5 น่ากิน หอม (ผัสสะ)
6 เกิดความสุข (เวทนา)
7 ต้องแอ้มให้ได้ (ตัณหา)
8 ต้องเป็นของเราคนเดียว (อุปาทาน)
9 ตัวเราของเราเกิด จาก 5 ขันธ์ที่ยึดว่าของเรา (ภพ)
10 เมื่อตัวเราของเรามี ก็ต้องอยู่ในชาตินั้น ๆ ต่อไป (ชาติ)
11 ทุก ๆ ชาติที่มี ต้องมีเจ็บ แก่ ตาย สารพัดทุกข์ (ชรามรณะ)
จบ
จากคุณ : แค่นี้นะ - [ 29 มี.ค. 48 |
|
|
|
|
 |
สับสน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 มี.ค.2005, 12:54 pm |
  |
เก่งจัง
แต่ยังไม่หมด แค่นี้นะ ยังมีอีก
อย่าลืม
ภาวนาไป |
|
|
|
|
 |
สับสน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 มี.ค.2005, 1:24 pm |
  |
ก้นก็สัมผัสเก้าอี้ นิ่มหรือไม่นิ่ม ก็ไปอีกคนละทาง ต่อไปอีกมากมาย อีกกี่วงจร
มือก็จับตะเกียบ ถนัดหรือไม่ถนัด ก็ไปอีกคนละทาง ต่อไปอีกมากมาย อีกกี่วงจร
ลมก็พัดมาตอนนั่งกิน เย็นหรือไม่เย็น ก็ไปอีกคนละทาง ต่อไปอีกมากมาย อีกกี่วงจร
ลิ้นก็ชิมรส อร่อยหรือไม่อร่อยก็ไปคนละทาง ต่อไปอีกมากมาย อีกกี่วงจร
ริมฝีปากก็โดนความร้อน อุ่นหรือร้อน ก็ไปคนละทาง ต่อไปอีกมากมาย อีกกี่วงจร
เหงื่อก็ไหล รำคาญหรือไม่รำคาญ ก็ไปคนละทาง ต่อไปอีกมากมาย อีกกี่วงจร
หูก็ได้ยิน แต่ละเสียง ก็ไปคนละทาง ต่อไปอีกมากมาย อีกกี่วงจร
ใจระแวงคนรอบข้างนิด ๆ ก็ไปคนละทาง ต่อไปอีกมากมาย อีกกี่วงจร
ฯลฯ
อีกนับไม่ถ้วน
คิดให้ตายก็รู้ไม่หมด
ถึงได้บอกว่า มันไม่ได้มี แค่นี้นะ
อย่าประมาท เพียรภาวนาไป
ขอให้เจริญในธรรมโดยทั่วหน้ากัน |
|
|
|
|
 |
ชัช
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
30 มี.ค.2005, 9:07 pm |
  |
ขอบคุณ สับสน
ขอบคุณ มาก มากครับ
ช่วงที่เกิดทุกข์ ในชีวิต ผม
มันทำให้ผมสนใจมูลเหตุ และวงจรของทุกข์ ครับ
ผมมีคำถามอยู่มากมาย ในหัวผม
ในการจัดการกับความหดหู่ที่มาทักทายผมทุกเช้า
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า แนวทางเรื่องปฏิจจสมุปบาท จะสามารถเอามา
ใช้จัดการกับชีวิตที่เหลืออยู่ได้เป็นอย่างดีครับ
ขอขอบคุณทุกท่านด้วยครับ |
|
|
|
|
 |
ชัช
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
30 มี.ค.2005, 9:11 pm |
  |
ขอบคุณ ด้วยใจจริง
ผมอยากจะเป็นผู้คิดเองจริงๆ ครับ
แต่ติดขัดที่ปัญญาอันจำกัดของผมเองครับ
ผมจะขอเกาะปัญญาจากท่านทั้งหลาย
เพื่อเป็นเหตุให้คลายความหดหู่จากทุกข์และ
คลายความยินดีจากสุขอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ทั่งปวง
|
|
|
|
|
 |
สับสน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
30 มี.ค.2005, 10:20 pm |
  |
เราทำความเข้าใจกับปฏิจจสมุปบาทได้
พอเราเข้าใจ มันก็จะวางลงบ้าง สงบขึ้นบ้าง
แต่บางคน ไปปรุงแต่งต่อ ว่า เข้าใจหมดแล้ว
บรรลุแล้วบ้าง
มันก็เลยกลายเป็นโทษ
ไม่มีทางเข้าใจธรรมชาติได้ทั้งหมดหรอก ด้วยการคิด คือ จิตมยปัญญา
ต้องมาจากการปฏิบัติภาวนาเท่านั้น จึงจะมีปัญญาที่เรียกว่า ภาวนามยปัญญา
หากเรายังไม่เข้าใจธรรมชาติ ยังไม่เห็นรูปนามเกิดดับ แล้วจะเห็นไตรลักษณ์ได้ยังไง จะพ้นไปจากรูปนามได้ยังไง จะพ้นจากทุกข์ไปได้ยังไง
เราจะเห็นรูปนามเกิดดับได้ ก็ด้วยอุทัพพยญาณ มาจากภาวนามยปัญญา มาจากสติปัฏฐาน 4 เท่านั้น คิดให้ตายยังไงก็ไม่มีทางเห็นหมด
บางคนมากกว่านี้อีก ก็ไปคิดว่า แค่คิดก็เข้าใจไตรลักษณ์แล้ว คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
มันไม่ได้มีแค่คิดง่าย ๆ อย่างนั้น มันต้องเห็นแบบทราบซึ้งถึงทรวงเลยทีเดียว ถึงจะเข้าใจได้ว่า อนิจจังคืออะไร ทุกขังคืออะไร อนัตตาคืออะไร
ต้องมาจากภาวนามยปัญญาเท่านั้น จากสติปัฏฐาน 4 เช่นเดียวกัน
เจตนาที่เขียนนี้ เพราะต้องการเตือนให้ปฏิบัติ
สติปัฏฐาน 4
ในเว็บนี้ ท่านจันทโชติ ท่านก็แสดงไว้ดีแล้ว
วิธีของท่าน ปลอดภัยที่สุด ดีที่สุดแล้ว ใคร ๆ ก็ปฏิบัติได้ ไม่เนิ่นช้านักหรอก
ติดต่อไปหาท่านก็ได้ ทั้งอีเมล์หรือ MSN
สติปัฏฐาน 4 นี่ เป็นทางเดียว ที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ ว่า
นำไปสู่ มรรค ผล นิพพาน
ขอให้ทำความเข้าใจให้ดี หาครูอาจารย์ที่ดี ที่ท่านเก่ง แก้อารมณ์ให้เราได้ในระหว่างปฏิบัติ
ฝึกจิตนี่ไม่ใช่ง่าย อันตราย ต้องมีครูอาจารย์
อ่านหนังสืออย่างเดียวก็ไม่มีทาง หลงไปได้เรื่อย ๆ อีก อันตรายเหมือนกัน
เพราะปถุชนย่อมยังมีภวตัณหา อยากได้ อยากมี อยากเป็น กันทุกคน หนาบ้างบางบ้าง แต่ก็ย่อมมี จึงทำให้หลง ถ้าไม่ปฏิบัติ หรือ ปฏิบัติไม่ถูกวิธี
ฝึกให้สำเร็จก่อน แล้วค่อยมาอ่าน ต่อให้พระไตรปิฏกทั้งเล่ม ก็จะเข้าใจได้โดยลึกซึ้ง
ด้วยเจตนาดีเช่นเดียวกัน ปรารถนาให้ทุกท่านปฏิบัติได้ดีได้ถูกต้อง บรรลุมรรคผลนิพพานได้ในที่สุด
ขอให้เจริญในธรรมโดยทั่วหน้ากัน |
|
|
|
|
 |
|