Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
คุณของสมาธิ
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สมาธิ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ทัพหลวง
บัวเริ่มพ้นน้ำ
เข้าร่วม: 28 มิ.ย. 2008
ตอบ: 161
ตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 12:17 pm
สมถ แปลว่า ความสงบ คือวิธีทำใจให้สงบ เป็นการปฏิบัติฝึกฝนอบรมจิตจนเกิดความสงบ จนจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ถึงขั้น ฌาน ระดับต่าง ๆ จุดมุ่งหมายของสมถก็คือสมาธิซึ่งหมายเอาสมาธิขั้นสูง ที่จะทำให้เกิด ฌาน ญาณ ปัญญา หลักของสมถก็คือกำหนดใจไว้กับสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวทำจิตใจให้แน่วแน่จนน้อมดิ่งลงไปในสิ่งนั้นสิ่งเดียว ความแน่วแน่ หรือความตั้งมั่นของจิตนี้เรียกว่า สมาธิ เมื่อสมาธิแนบสนิทเต็มที่แล้วก็จะเกิดภาวะจิตที่เรียกว่า ฌาน ซึ่งแบ่งเป็นระดับต่าง ๆ เช่น รูปฌาน ๔ อรูปฌาน ๔ หรือสมาบัติ ๘ นั่นเอง ภาวะจิตในฌานนี้เป็นภาวะที่สุขสงบ ผ่องใส ไม่มีความเศร้าหมองขุ่นมัว เป็นความหมายที่ตรงตามหลักวิชชา ทั้งผ่านอภิธรรม ทั้งฝ่ายพระสูตร เพราะไม่ว่าจะเจริญสมถจนได้ฌานสมาบัติ หรือ อภิญญา เป็นผลสำเร็จสูงสุดพิเศษเพียงใดก็ตาม เนื้อแท้ของสมถก็คือสมาธินั้นเอง
สมาธิ แปลว่า ความตั้งใจมั่นแห่งจิต คือสภาวะแน่วแน่ที่จิตสงบหนึ่ง จับอยู่อารมณ์เดียวที่ถูกต้อง สมาธิจิต เป็นสภาวะจิตที่มีอารมณ์เป็นหนึ่ง คือการที่จิตกำหนดแน่วแน่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ส่ายไปในอารมณ์ต่าง ๆ คือทำจิตให้สงบจากกาม และอกุศลธรรมทั้งหลาย จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิจนบรรลุถึงเอกัคคตา สมาธิแบ่งเป็น ๓ ระดับคือ
๑. ขณิกสมาธิ คือสมาธิชั่วขณะ ซึ่งคนสามัญทั่วไปสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่การงานในชีวิตประจำวันให้ได้ผลดี และจะใช้เป็นจุดตั้งต้นในการเจริญวิปัสสนาได้
๒. อุปจารสมาธิ สมาธิเฉียด ๆ หรือจวนจะแน่วแน่ เป็นสมาธิขั้นระงับนิวรณ์ได้ ก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะแห่ง ฌาน หรือสมาธิในบุพภาคแห่งอัปปนาสมาธิ
๓. อัปปนาสมาธิ คือสมาธิแนบแน่นสนิท เป็นสมาธิระดับสูงสุด ภาวะนี้มีในฌานขั้นต่าง ๆ และปฏิบัติต่อ ๆ ไปจะทำให้เกิดญาณขึ้นมาได้ ซึ่งเกิดจากผลสำเร็จในการเจริญสมาธิ ภาวะจิตที่มีสมาธิถึงขั้นอัปปนาสมาธิแล้ว เรียกว่า ฌาน ฌานยิ่งขั้นสูงขึ้นไปเท่าใด องค์ธรรมต่างๆ ที่เป็นคุณสมบัติของจิตก็ยิ่งลดน้อยลง ฌานโดยทั่วไปแบ่งเป็น ๒ ระดับใหญ่ ๆ และแบ่งย้อยออกไปอีกระดับละ ๔ จึงรวมเป็น ๘ อย่าง เรียกว่า ฌาน ๘ หรือสมาบัติ ๘ ฌานมีกล่าวไว้ในมัชฌิมนิกายว่า
รูปฌาน ๔ ได้แก่ปฐมฌานมีองค์ประกอบ ๕ คือ วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา ทุติยฌาน มีองค์ประกอบ ๓ คือ ปิติ สุข และเอกัคคตา ตติยฌาน มีองค์ประกอบ ๒ คือ สุข และเอกัคคตา จตุตถฌาน มีองค์ประกอบ ๒ คืออุเบกขา เอกัคคตา อรูปฌาน ๔ ได้แก่ อากาสานัญจายตนะ กำหนดอากาศเป็นอนันต์ วิญญาณัญจายตนะ กำหนดวิญญาณเป็นอนันต์ อาจิญจัญญายตนะ กำหนดภาวะที่ไม่มีสิ่งใด ๆ เนวสัญญานาสัญญายตนะ กำหนดรู้สัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่
มนุษย์ปุถุชนเพียรพยายามบำเพ็ญสมาธิจะสำเร็จอย่างสูงสุดเพียงสมถ และสมถนี้ย่อมนำไปสู่ภาวจิตที่เป็นสมาธิได้สูงสุดคือเนวสัญญานาสัญญายตนะ เท่านั้น ส่วนพระอนาคามีหรือพระอรหันต์ ผู้บรรลุผลสำเร็จครบทั้งสมถและวิปัสสนา สามารถเข้าถึงภาวะสมาธิที่ประณีตสูงสุดอีกขั้นหนึ่ง คือนิโรธสมาบัติ อันเป็นภาวะที่สัญญาและเวทนาหยุดการปฏิบัติหน้าที่ และมีปัญญาแจ่มชัดในจิตที่บริสุทธิ์ ถึงที่สุด เมื่อผู้ปฏิบัติได้สมาธิขั้นสูงสุดแล้ว ก็เกิดญาณ คือความหยั่งรู้ชอบ เป็นสัมมาสมาธินั่นเอง จิตเป็นสมาธิแล้วย่อมมีกำลัง มีภาวะอันเหมาะสมที่จะเกิดปัญญา เกิดญาณ ในเรื่องของสมาธินี้พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ในอังคุตตรนิกายปัญจกนิบาตว่า
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเจริญสมาธิมีคุณอันไม่มีประมาณ เป็นผู้มีปัญญารักษาตัว มีสติเฉพาะหน้าอยู่เถิด เมื่อเธอเจริญสมาธิอันไม่มีประมาณ เป็นผู้มีปัญญารักษาตัว มีสติเฉพาะหน้าอยู่ ญาณ ๕ ประการย่อมบังเกิดขึ้นแก่บุคคลผู้ปฏิบัตินั้น ญาณที่หนึ่ง ย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนดังนี้ว่า สมาธินี้ให้เกิดสุขในปัจจุบันด้วย มีสุขเป็นวิบากต่อไปด้วย ญาณที่สอง ย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนดังนี้ว่า สมาธินี้เป็นธรรมอันประเสริฐปราศจากอามิสทั้งหลายทั้งปวง ญาณที่สาม เกิดขึ้นเฉพาะตนดังนี้ว่า สมาธินี้อันคนเลวเสพไม่ได้ ญาณที่สี่ ย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนดังนี้ว่าสมาธินี้ละเอียด ประณีต ได้ด้วยความสงบระงับ บรรลุได้ด้วยการเป็นธรรมเอกผุดขึ้น มิใช่บรรลุได้ด้วยการข่มธรรมที่เป็นข้าศึก หรือห้ามกิเลสด้วยจิต อันเป็นสังขารเครื่องปรุงแต่ง ญาณที่ห้า ย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนดังนี้ว่า เรามีสติเข้าถึงสมาธิ มีสติออกจากสมาธินี้ ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเจริญสมาธิมีคุณอันไม่มีประมาณ เป็นผู้มีปัญญา รักษาตัว มีสติเฉพาะหน้าอยู่ ญาณ ๕ ประการเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้น เฉพาะตนอย่างนี้แล
ในเรื่องของสมาธิจึงพอสรุปใจความว่า การฝึกฝนอบรมสมาธิ การเจริญสมาธิการเจริญภาวนา เป็นการฝึกฝนอบรม การเจริญสมาธิจึงมีลักษณะ ๔ อย่างดังนี้คือ
๑. สมาธิภาวนาที่เจริญ ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อทิฏฐิธรรมสุขวิหาร หมายถึงการอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน
๒. สมาธิภาวนาที่เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อการได้ ญาณทัสสนะ
๓. สมาธิภาวนาที่เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสติและสัมปชัญญะ
๔. สมาธิภาวนาที่เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นไปแห่งกิเลสอาสวะทั้งหลายทั้งปวง
ม.มู.๑๒/๑๐๒/๗๒.
องฺ.ปญจก.๒๒/๒๗/๒๖-๒๗.
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=7877
ปกรณัม
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 52
ที่อยู่ (จังหวัด): ขอนแก่น
ตอบเมื่อ: 17 ก.ค.2008, 11:36 pm
ขอบคุณครับ
_________________
คนที่ไม่ทำงานไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่!
บัวหิมะ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
ตอบเมื่อ: 10 ส.ค. 2008, 5:55 pm
อนุโมทนา เจ้าค่ะ
_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ฌาณ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
ตอบเมื่อ: 20 ก.ย. 2008, 11:55 pm
_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สมาธิ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th