Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ...ข้อคิดพินิจธรรม... อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 10 ก.ย. 2008, 2:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รีบเร่งทำความเพียร ขับไล่สิ่งที่เศร้าหมอง
คือ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ออกไป
ให้มันเบาบางไป ออกจากขันธสันดาน
ดวงจิตบริสุทธิ์ผุดผ่องทำให้คนบริสุทธิ์
ทำให้คนมีสิริ มีโภคทรัพย์
ก็เพราะคน เป็นผู้ทำความดี มีศีล
ศีลที่บริบูรณ์แล้วย่อมเป็นที่มาแห่งโภคทรัพย์


หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู


การพูดถึง “ภาวนา” เราก็อาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องเหลือวิสัยที่จะเข้าใจ
อาจคิดไปว่าหลักของการภาวนานี้มีแต่รูปแบบการนั่ง
มีแต่วัตรปฏิบัติต่างๆ สำหรับผู้ที่ไม่เคยทำอาจจะคิดกลัวไป
แต่สำหรับผู้ที่เคยสัมผัสบ้าง ก็อาจจะพอใจ กระตือรือร้น
เพราะว่า การเจริญภาวนานี้จะได้ผลเป็นกอบเป็นกำขึ้นมาจริงๆ
มันไม่เหมือนกับเราทำนา ทำไร่ ทำสวน
เราทำนา ทำไร่ ทำสวน ต้องรอเป็นครึ่งปี เป็นปี
จึงจะได้ผลของสิ่งที่เราทำ
แต่หลักของภาวนานี้ไม่ ต้องรอ ทำเดี๋ยวนี้ได้เดี๋ยวนี้
และก็คิดว่าเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดของการทำคุณความดี


หลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ
วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ


เมื่อ เราจะฟังธรรมเทศนานั้น ก็เหมือนประหนึ่ง ว่าจะย้อมผ้า
โดยปกติเราก็ต้องเอาผ้าไปฟอก ไปซักให้มันสะอาด
แล้วจึงเอามาย้อมด้วยสีที่เราชอบ
ไม่ใช่เราไปเห็นสีมันสวยเราชอบ ก็จะเอามาย้อมผ้าของเราให้มันสวย
แต่ผ้าที่จะย้อมไม่ได้ฟอกได้ซัก เราก็เอามาย้อมเลย อย่างนั้นมันก็ไม่สวย
เพราะผ้ามันไม่ดี มันไม่สะอาด


หลวงพ่อชา สุภัทฺโท
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี


กะทิ มะพร้าวที่คั้นออกมาแล้ว เอาไปสำรอก
หรือเคี่ยวด้วยความร้อนจนเป็นน้ำมันออกมาได้แล้ว
ย่อมไม่กลับกลายไปเป็นกะทิเหมือนเดิมอีก
แม้จะเอาไปปะปนระคนกับกะทิอย่างไร
ก็ไม่อาจทำให้น้ำมันนั้นกลายเป็นกะทิเหมือนเดิมได้


หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์


ขอให้มองดูบรรดาสัตว์ในน้ำและบนบก
โดยที่สุดแต่สัตว์ที่เหาะไปได้ในท้องอากาศ
จะหาจำพวกใดที่จะพ้นไปจากความเบียดเบียนแก่กันและกัน ไม่มีเลย
ข้อสำคัญก็คือ อาหารนี้แหละเป็นต้นเหตุ ก่อให้เกิดการเบียดเบียนกัน
รองลงมาก็กามสุข ส่วนการแสวงหาอาหารนี้
ในหมู่สัตว์ทั่วโลกไม่ร้ายแรงเหมือนหมู่มนุษย์
เพราะไม่สู้จะมีสัตว์จำพวกที่สะสม
เพียงแต่หาพออิ่มท้องวันหนึ่งๆ เท่านั้นโดยมาก


พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)
วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ


(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 93 ส.ค. 51)

คัดลอกจาก...ผู้จัดการออนไลน์


สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง