Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ศัตรู ของการรู้กายรู้ใจของเรามีสองอย่าง อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ทัพหลวง
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 28 มิ.ย. 2008
ตอบ: 161

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 8:16 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถาม – ได้ยินครูบาอาจารย์สอนว่า
การปฏิบัตินี่ ให้มีสติรู้ลงที่กาย รู้ลงที่ใจอย่างเป็นปัจจุบัน
แล้วทำยังไงเราจะรู้กายรู้ใจได้คะ


รู้อยู่ที่กาย รู้อยู่ที่ใจ ทำยังไงเราจะรู้กายรู้ใจได้ ตัวนี้ตัวสำคัญ
ต้องค่อยๆ เรียน ค่อยๆ ศึกษา
เพราะเราจะรู้สึกว่าเรารู้กายรู้ใจตัวเองอยู่แล้ว
ทั้งที่ในความเป็นจริงในโลกนี้ไม่มีคนรู้กายรู้ใจตัวเองหรอก
มีแต่คนหลง มีแต่คนเผลอ คนที่สามารถรู้กายรู้ใจตัวเองได้ มีนับตัวได้
ส่วนมากก็คือเราจะตื่นขึ้นมาแต่กาย แต่ใจเรานี่จะคิดๆ ฝันๆ ไปทั้งวัน
ใจเราไม่ตื่นนะ ใจเราจะคิด ใจเราจะฝันไปเรื่อยๆ
ต้องค่อยๆ ฝึกจนใจของเราตื่นขึ้นมา ตื่นทั้งกายตื่นทั้งใจนะ
จิตใจที่ตื่นขึ้นมานั้นแหละ คือตัว "พุทโธ" ที่เรียกว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
จิตใจของเราไม่ใช่ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
จิตใจของเราส่วนใหญ่ในโลก เป็นผู้คิด ผู้นึก ผู้ปรุง ผู้แต่ง ไม่ใช่ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
สังเกตให้ดี ใจเรานี้ตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับ เราคิดทั้งวัน เรารู้เรื่องราวที่เราคิด
สังเกตให้ดีนะ พวกเราเวลาเราคิดอะไรไป เรามักจะรู้เรื่องที่เราคิด
เรื่องราวที่เราคิดนี้เรียกว่า สมมติบัญญัติ
แต่ในขณะที่เรารู้เรื่องราวที่เราคิด เราจะลืมกายลืมใจตัวเอง
มีกายก็เหมือนไม่มี เช่น นั่งอยู่ ไม่รู้ว่านั่งอยู่
นั่งฟังหลวงพ่อพูด รู้เรื่องพยักหน้าหงึกๆ หงึกๆ แต่ใจไปที่อื่น

เราไม่รู้กาย ร่างกายเคลื่อนไหว ไม่รู้สึก
เราไม่รู้ใจตัวเอง จิตใจเราเป็นสุขก็ไม่รู้ เป็นทุกข์ก็ไม่รู้ เฉยๆ ก็ไม่รู้
เป็นกุศลก็ไม่รู้ เป็นอกุศลก็ไม่รู้
เราไม่รู้อะไรเลยที่เกี่ยวกับตัวเราเอง
ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกายกับใจ เรารู้แต่เรื่องราวที่เราคิดเอาเอง

การที่รู้เรื่องราวที่เราคิดเอาเองนั่นแหละ เรียกว่า รู้สมมติบัญญัติ
ในขณะที่การรู้กายรู้ใจ เรียกว่า รู้อารมณ์ปรมัตถ์
คือรูปนาม เรียกว่ากายกับใจก็แล้วกันนะ
ให้คอยรู้กายรู้ใจ คนในโลกไม่รู้กายรู้ใจ
มีแต่คนลืมตัว มีแต่คนหลง มีแต่คนเผลอ เผลอคิดทั้งวัน

เวลาเราดู เราก็เผลอดู
เวลาฟัง เราก็เผลอฟัง
เวลาคิด เราก็เผลอไปคิด
ลืมกายลืมใจตัวเองตลอดเวลา

เมื่อเราลืมกายลืมใจตลอดอย่างนี้
เราก็ไม่สามารถเรียนรู้กาย เรียนรู้ใจ ปัญญามันไม่เกิด
ไม่สามารถเข้าใจความเป็นจริงของกายของใจได้ว่ามันไม่ใช่ตัวเราหรอก
เราไปหลงยึดติดอยู่ ความเป็นตัวเราก็เกิดขึ้นมา ทีนี้ทำยังไงเราจะรู้กายรู้ใจได้

ศัตรู ของการรู้กายรู้ใจของเรามีสองอย่าง

ศัตรูหมายเลขหนึ่ง ก็คือ การที่เราหลงไปอยู่กับความคิดของเรา
ถ้าเมื่อไหร่เราสามารถรู้ทันว่าใจเราไหลไปคิดแล้ว
เมื่อนั้นเราจะตื่นขึ้นในฉับพลัน
เพราะฉะนั้น การปฏิบัตินี้ ถ้าเข้าใจสิ่งที่พระพุทธเจ้าบอก เราจะตื่นขึ้นในฉับพลัน
ธรรมะนี่ถ้าใครเข้าถึงแล้วจะอุทานเลยว่า "อัศจรรย์จริงๆ อัศจรรย์"
ดูในพระไตรปิฎก เวลาพระพุทธเจ้าเทศน์จบ
คนจะอุทาน "อัศจรรย์จริงๆ แจ่มแจ้งนักพระเจ้าข้า แจ่มแจ้งนัก"
ไม่ใช่ว่า "สับสนนักพระเจ้าข้า"
แต่จะพูดว่า "แจ่มแจ้งนักพระเจ้าข้า เหมือนเปิดของคว่ำให้หงาย" ของง่ายๆ นะ

ศัตรูหมายเลขสอง คือการเพ่งกายเพ่งใจ
ทำให้ไม่สามารถรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงได้ เพราะมันนิ่งไปหมด
พระพุทธเจ้าเป็นคนจุดไฟขึ้นมา แล้วคนตาดีก็มองเห็นแสงสว่าง มองเห็นสิ่งต่างๆ
เพราะฉะนั้น ธรรมะจริงๆ ไม่ใช่เรื่องยาก
เพียงแต่พวกเราไม่ค่อยได้ยิน ไม่ค่อยได้ฟัง
เราชอบไปคิดเอาเอง ชอบหลงอยู่ในโลกของความคิด
การตื่นขึ้นมาอยู่ในโลกของความเป็นจริง เป็นสิ่งที่ยากที่สุด
ทางลัดที่สุดที่จะตื่นขึ้นมา ก็คือรู้ทันว่าใจเราหนีไปคิดแล้ว

มีครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง ไม่ใช่สายวัดป่า หลวงพ่อเทียน วัดสนามใน
หลวงพ่อเทียนท่านสอนเหมือนกัน ธรรมะมันลงกัน
สายไหนก็เหมือนกัน ถ้าทำถูกต้องก็อันเดียวกัน
หลวงพ่อเทียนท่านสอนว่า "ถ้าเมื่อไหร่รู้ว่าจิตคิด จะได้ต้นทางของการปฏิบัติ"
รู้ว่าจิตคิดนะ ไม่ใช่รู้เรื่องที่จิตคิด สองอันนี้ไม่เหมือนกัน
ในโลกนี้มีแต่คนรู้เรื่องที่จิตคิด แต่ไม่รู้ว่าจิตกำลังแอบไปคิดอยู่
เพราะฉะนั้น หน้าที่ของเราค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ สังเกตตัวเองไป


http://dungtrin.com/mag/?13.pra
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 10:11 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุๆ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ค.2008, 8:55 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออภัยเจ้าของกระทู้ ข้าพเจัาไม่มีเจตนาจะเข้ามาคัดค้านสิ่งที่นำมากล่าว
แต่ข้าพเจัามีเจตนาเพียงเพื่อแสดงความคิดเห็นสั้นๆให้คุณได้นำไปคิดพิจารณาว่า

มารทั้งหลาย หรือ สิ่งที่คุณเรียกว่า ศัตรูการรู้ใจรู้กาย อะไรของคุณนั้น แท้จริงแล้ว ก็คือ ขันธ์ 5 นั่นเอง เพราะในทางพุทธศาสนามีสอนไว้
ถ้าคุณพิจารณาจากจุดนี้ คุณก็จะสามารถขจัดศัตรูที่คุณกล่าวถึงได้
และที่สำคัญ คุณต้องมีสมาธิ คือไม่คิดสิ่งใด ไม่เกิด วิตก วิจาร ปีติ สุข หมายความว่า
ถ้าคุณไม่มี 4 สิ่งที่ได้กล่าวไป แสดงว่า คุณฝึกสมาธิ ได้ผลในระดับหนึ่งแล้ว


อนึ่งท่านทั้งหลายที่ได้อ่าน ข้อแสดงความคิดเห็นข้างต้นแล้ว อย่าเพิ่งเถียง ให้ไปคิดพิจารณา และฝึกปฏิบัติ ให้รู้ให้เห็นด้วยตัวเอง แล้วค่อยมาโต้แย้ง ขอรับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 31 ก.ค.2008, 11:35 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เนื้อความ ตัวต้นกระทู้นี้ประเสริฐแล้ว ชอบแล้ว
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 31 ก.ค.2008, 12:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ศัตรูของเราคือ อวิริยะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
นิรินธน์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2008
ตอบ: 12

ตอบตอบเมื่อ: 31 ก.ค.2008, 1:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่นำบทความดีๆ มาแบ่งปันค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 9:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาบุญ ด้วยกับเจ้าของกระทู้ สาธุ พุทโธ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง