Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
...โรคร้ายที่มากับโลกร้อน...
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 11 มิ.ย.2008, 2:47 pm
หลักฐานที่นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ และองค์กรที่เฝ้าติดตามภูมิอากาศโลก
ได้เปิดเผยอย่างชัดเจนว่า อุณหภูมิของโลกกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม (ประมาณปี 1750)
โลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยไม่ถึง 14 องศาเซลเซียส
แต่ในปัจจุบันอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นมาใกล้ระดับ 15 องศาเซลเซียสแล้ว
เฉพาะในช่วงเวลาประมาณ 150 ปีมานี้
อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 0.7 องศาเซลเซียส
หลายคนอาจจะมองว่าสิ่งนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ใครจะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยสำหรับโลกใบนี้
เพราะภาวะโลกที่ร้อนขึ้นในทุกวันนี้
เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กำลังวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
และถ้ายังไม่ได้รับการเอาใจใส่และเยียวยาอย่างจริงจัง
ภาวะโลกร้อนก็อาจจะส่งผลกระทบรุนแรงเกินกว่าที่เราจะคาดเดาได้
โลกร้อนไม่ได้นำพามาแต่ความร้อนเท่านั้น
แต่ยังนำภัยอันตรายมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม
รวมทั้งส่งผลกระทบไปยังปัญหาเศรษฐกิจและสังคมอีกด้วย
นอกจากนั้น ภาวะโลกร้อนก็ยังนำมาซึ่งอันตรายจากโรคร้ายได้อีกด้วย!!!
นพ.วัชระ พุ่มประดิษฐ์ อายุรแพทย์ สาขาโรคติดเชื้อ บอกว่า
ในภาวะโลกร้อน และอุณหภูมิที่เพิ่มมากขึ้นหลายองศาเซลเซียสนั้น
จะทำให้ภูมิภาคที่มีอากาศเย็นเริ่มร้อนขึ้น และโรคภัยต่างๆ
ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับประเทศในแถบร้อนก็จะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย
ส่วนประเทศในแถบร้อนที่ปกติอุณหภูมิก็สูงอยู่แล้วนั้น
ก็ยิ่งเสี่ยงต่อโรคภัยต่างๆ เพิ่มมากขึ้นไปอีก
โรคที่จะมาในภาวะโลกร้อนนั้น แบ่งออกได้ 3 โรคใหญ่ๆ
1. ฮีตสโตรก (Heat Stroke)
ภาวะเป็นลมเนื่องจากความร้อนสูงเกินไป
นับเป็นด่านแรกของภัยสุขภาพยุคโลกร้อน
ซึ่งโรคนี้คนในประเทศร้อนมักจะไม่ค่อยเกิดอาการมากนัก
เนื่องมาจากการชินกับความร้อน
แต่ในอนาคตข้างหน้าเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นไปอีกประมาณ 7-10 องศาเซลเซียส
คนในประเทศร้อนก็อาจจะเกิดอาการนี้ได้บ่อยๆ เช่นกัน
อาการที่ว่านี้ จะเกิดจากการที่ร่างกายนั้นได้รับความร้อนมากจนเกินไป
ไม่ว่าจะเป็นจากการออกกำลังกาย
หรือการเล่นกีฬาในภาวะอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน
จนอุณหภูมิในร่างกายสูงเกินขีดที่จะทนทานได้
ยิ่งโลกร้อนคนในประเทศหนาว อย่างในยุโรป
ก็จะมีภาวะฮีตสโตรกเกิดขึ้นได้เช่นกัน
เนื่องจากภาวะที่อากาศร้อนเกินไปจนทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ
เสียเกลือแร่ในร่างกายได้ ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน
ซึ่งเหล่านี้อาจจะทำให้คนตายได้
เช่น คนที่ติดอยู่ในลิฟต์ ถ้าเป็นคนที่ไม่แข็งแรง
หรือมีอายุมากหน่อยติดลิฟต์สักครึ่งชั่วโมง
แล้วร่างกายปรับตัวไม่ทันก็อาจจะเสียชีวิตได้เลย
2. อาการภูมิแพ้
อาการเช่นนี้ นพ.วัชระ บอกว่า
เกิดมากจากภาวะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มสูงมาก
จนทำให้เกิดกรีนเฮาส์เอฟเฟกต์ บรรยากาศร้อนขึ้น
ซึ่งเมื่อคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นมากๆ ก็จะไปกระตุ้นให้สาหร่าย
พืช หรือวัชพืชบางอย่าง ที่ปกติไม่ขึ้นอยู่ในที่สูง
หรือในอากาศหนาวๆ ขยายตัวได้มากขึ้นในที่ที่อากาศหนาว
ซึ่งเมื่อพวกวัชพืชพวกนี้เพิ่มมากขึ้น ก็อาจจะก่อสารให้เกิดภูมิแพ้ได้มากขึ้น
เนื่องมาจากการสร้างละอองเกสรที่ลอยมาในอากาศ
ก็ทำให้เกิดภูมิแพ้ได้มากขึ้น
รวมทั้งเรื่องของมลภาวะก็อาจจะช่วยกระตุ้นให้คนที่เป็นโรคหอบหืด
เกิดอาการได้มากขึ้นและบ่อยขึ้น
หรือคนที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบจากการสูบบุหรี่ก็จะมีปัญหามากขึ้นด้วย
3. โรคที่มากับแมลง
เนื่องจากแมลง เช่น ยุง แมลงวันนั้นปกติจะชอบอากาศอบอุ่น
ค่อนข้างร้อน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค เช่น โรคไข้เลือดออก มาลาเรีย
ได้มากในประเทศร้อน แต่ในภูมิภาคที่มีอากาศหนาวอย่างยุโรปนั้น
มักจะไม่ค่อยต้องมากังวลเรื่องไข้เลือดออก หรือมาลาเรีย
เนื่องจากแมลงมักจะอาศัยอยู่ในอากาศเย็นไม่ค่อยได้
แต่เมื่อโลกร้อนขึ้นบริเวณที่แมลงเหล่านี้
สามารถขยายพันธุ์ไปได้ก็จะเพิ่มมากขึ้น
มีการเจอโรคแบบนี้ในที่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน
คือ ในที่ที่มีอากาศหนาวๆ อย่างเช่น
ที่เคยเจอกันก็คือในประเทศโคลัมเบีย
ที่เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 7,000 กว่าฟุตก็เจอได้
ซึ่งแต่เดิมไม่เคยเจอ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของโลก
หรืออินโดนีเซียในบริเวณที่อยู่บนภูเขาสูง อากาศเย็น
แต่เดิมไม่เคยเจอโรคมาลาเรีย แต่ตอนนี้ก็เริ่มเจอได้มากขึ้นแล้ว
ซึ่งก็จะยิ่งทำให้บ้านเรามีโอกาสเกิดขึ้นมากได้เช่นกัน
เพราะเป็นโซนที่อากาศร้อนอยู่แล้ว
มีการยอมรับจากเวทีการประเมินสถานการณ์การระบาดของโรคติดต่อ
ในภาวะโลกร้อนระดับนานาชาติว่า
หนึ่งในโรคที่มีแนวโน้มเพิ่งสูงขึ้นในยุคโลกร้อนที่ต้องจับตามอง
คือ ไข้เลือดออก เพราะนอกจากจะเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยแล้ว
ในขณะนี้ยุงลายซึ่งเป็นพาหะนำโรค
ได้ขยายเวลาออกหากินจากช่วงกลางวันเป็นเลย 5 ทุ่มด้วย
ซึ่งทำให้ยากต่อการป้องกัน หรือวินิจฉัยโรค
เนื่องจากแยกแยะได้ลำบากว่ายุงนั้นเป็นยุงลาย
หรือยุงรำคาญที่หากินช่วงค่ำไปถึงดึก
ยิ่งไปกว่านั้นยุงลายตัวผู้ในยุคโลกร้อนยังถูกตรวจพบว่า
มีเชื้อไวรัสที่ก่อโรคไข้เลือดออก ทั้งที่ไม่ได้ดูดเลือดเป็นอาหารแบบตัวเมีย
ซ้ำบางตัวยังมีเชื้อไวรัสนี้ถึง 2 สายพันธุ์ ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ข้อแนะนำในการดูแลตัวเอง
เพื่อให้ห่างไกลจากโรคที่มาในภาวะโรคร้อน
นพ.วัชระ บอกว่า สิ่งสำคัญที่สุดก็คือให้ดูแลสุขภาพไปตามปกติ
นั่นก็คือ การทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอเท่านั้นเอง
ส่วนใครที่มีโรคประจำตัว เช่น ภูมิแพ้
ก็พยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีมลภาวะสูง แต่นั่นก็เป็นไปได้ยาก
เพราะการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่นั้นหลีกเลี่ยงจากมลภาวะค่อนข้างลำบาก
นพ. วัชระ กล่าวทิ้งท้ายว่า อันตรายจากภาวะโลกร้อน
บางครั้งก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราจะหลีกเลี่ยง
สิ่งที่ทำได้ก็คือการดูแลตัวเองให้แข็งแรงเท่านั้นเอง
อีกด้านหนึ่งที่เราทำได้ก็คือการช่วยกันลดภาวะโลกร้อน
สุขนิสัยส่วนตัวที่ทำให้ปัญหามากขึ้นก็ต้องช่วยกันลดลง
เช่น ลดการใช้พลังงานลง ลดการใช้กระดาษลง
คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าโลกใบนี้มันใหญ่
ใช้กระดาษน้อยลงแผ่นเดียวจะช่วยอะไรได้ไหม
แต่จริงๆ แล้วภาวะโลกร้อนแบบนี้มันเกิดขึ้น
ก็เพราะแต่ละคนทำลายโลกอย่างละนิดอย่างละหน่อยทั้งนั้นเลย
ในที่สุดมันก็รวมกันเป็นพลังทำให้เกิดการทำลายโลกได้มากขนาดนี้
แต่ถ้าเราช่วยกันคนละนิดคนละหน่อยก็ช่วยโลกนี้ให้ดีขึ้นได้
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
คัดลอกจาก...
http://hilight.kapook.com/view/25104
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นานาสาระ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th