Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ปักขบัณเฑาะก์ (กะเทย)...ที่จิตใจเปลี่ยนตามวงโคจรดวงจันทร์ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 30 พ.ค.2008, 9:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ข้อความ ในคัมภีร์ระดับหลัง(หลังพระสูตร-พระวินัย)ต้องพิจารณาให้ดี

ในระดับ พระวินัยกล่าวถึงการห้ามบัณเฑาะก์บวชเอาไว้

แต่ ในระดับ อรรถกถา แยกละเอียดยิบ ว่ามีบัณเฑาะก์บางประเภทสามารถบวชพระได้???

อรรถกถาพระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๑ ข้อ ๑๒๕ ตัดความมาดังนี้

มีวิจฉัยว่า บัณเฑาะก์มี ๕ ชนิด คือ

อาสิตตบัณเฑาะก์ ๑
อุสุยยบัณเฑาะก์ ๑
โอปักกมิยบัณเฑาะก์ ๑
ปักขบัณเฑาะก์ ๑
นปุงสกบัณเฑาะก์ ๑

ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น บัณเฑาะก์ใดเอาปากอมองคชาตของชายเหล่าอื่น ถูกน้ำอสุจิรดเอาแล้ว ความเร่าร้อนจึงสงบไป บัณเฑาะก์นี้ ชื่อ อาสิตตบัณเฑาะก์

ฝ่ายบัณเฑาะก์ใดเห็นอัชฌาจารของชนเหล่าอื่น เมื่อความริษยาเกิดขึ้นแล้ว ความเร่าร้อนจึงสงบไป บัณเฑาะก์นี้ ชื่ออุสุยยบัณเฑาะก์

บัณเฑาะก์ใดมีอวัยวะดังพืชทั้งหลาย ถูกนำไปปราศแล้วคือ ถูกเขาตอนเสียแล้ว ด้วยความพยายาม บัณเฑาะก์นี้ ชื่อโอปักกมิยบัณเฑาะก์

ส่วนบางคนข้างแรมเป็นบัณเฑาะก์ ด้วยอานุภาพแห่งอกุศลวิบาก แต่ข้างขึ้น ความเร่าร้อนของเขาย่อมสงบไป นี้ชื่อว่า ปักขบัณเฑาะก์

ส่วนบัณเฑาะก์ใด เกิดไม่มีเพศ ไม่มีภาวรูป ในปฏิสนธิทีเดียว คือไม่ปรากฏว่าชายหรือหญิงมาแต่กำเนิด บัณเฑาะก์นี้ ชื่อนปุงสกบัณเฑาะก์

ในอรรถกถาชื่อกุรุนทีแก้ว่า ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น อาสิตตบัณเฑาะก์ และอุสุยยบัณเฑาะก์ ไม่ห้ามบรรพชา, ๓ ชนิดนอกนี้ห้าม

แม้ในบัณเฑาะก์ ๓ ชนิดนั้น สำหรับปักขบัณเฑาะก์ ห้ามบรรพชาแก่เขาเฉพาะปักข์ที่เป็นบัณเฑาะก์เท่านั้น.

ก็ในบัณเฑาะก์ ๓ ชนิดนี้ บัณเฑาะก์ใดทรงห้ามบรรพชา พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายเอาบัณเฑาะก์นั้นฯ


.................................................


พึงสังเกตุว่า
อรรกถาจารย์ ไม่ห้าม อาสิตตบัณเฑาะก์ และ อุสุยยบัณเฑาะก์ บรรพชา???


และ ที่สำคัญ คือ
ขอเสนอ ให้พิจารณาบัณเฑาะก์ประเภท ปักขบัณเฑาะก์...
ที่อรรถกถาจารย์ ระบุว่า ข้างแรมเป็นบัณเฑาะก์ แต่พอข้างขึ้นความเร่าร้อนทางเพศแบบบัณเฑาะก์จะสงบไป....
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จริง พอถึงข้างแรมก็จะกลับไปเป็นบัณเฑาะก์อีกหรือไม่...???
แถมในอรรกถายังระบุว่า ห้ามบวชเฉพาะในปักข์ที่เป็นบัณเฑาะก์ คือ ให้บวชตอนข้างขึ้นได้
ปัญหาต่อมาคือ พอบวชไปแล้ว ถึงเวลาที่เป็นข้างแรมจะต้องสึกไหม...รอข้างขึ้นก่อน ค่อยบวชใหม่

กลายเป็นว่า มีบัณเฑาะก์บางประเภท ที่สภาพจิตแปรเปลี่ยนตามข้างขึ้น-ข้างแรม???

บัณเฑาะก์นั้น แบ่งหลักๆเป็น
1.มี ร่างกายปกติ แต่ จิตใจเบี่ยงเบน(เช่นชนิดที่ 1 2 ตามอรรถกถา)
กับ
2.มี ร่างการผิดปกติ และ จิตใจเบี่ยงเบนตาม (เช่นชนิดที่ 3 และ 5 ตามอรรถกถา)

ส่วนบัณเฑาะก์ชนิดเปลี่ยนตามดวงจันทร์
ผมยังไม่เคย ได้ยินการรายงานทางการแพทย์เลยครับ(ใครเคยพบรายงาน หรือ เคสจริง โปรดบอกด้วยครับ)

ถ้ามีจริงๆ น่าจะพบในโลกนี้จริงๆบ้างสิน่ะครับ
ยิ่งในปัจจุบัน เรื่องแบบนี้ สังคมยอมรับ ถือเป็นเรื่องปกติ และ เปิดเผยกันได้ มากกว่าสมัยยุคอรรถกถามากๆ
รับรอง ....ถ้ามีบัณเฑาะก์ชนิดเปลี่ยนตามดวงจันทร์จริง ป่านนี้ นักวิทยาศาสตร์คงวิจัยกันอุตลุตแล้ว ว่า การโคจรของดวงจันทร์มีผลต่อจิตใจบัณเฑาะก์ได้อย่างไร



ปล...

อนึ่ง.... ผมถือว่า ผู้เบี่ยงเบนทางเพศ เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย เช่นเดียวกับกับผม...มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับ ชายจริงหญิงแท้

และ ส่วนตัวเชื่อว่า ผู้เบี่ยงเบนทางเพศ ก็สามารถได้รับผลของการปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกับคนทั่วๆไป เพียงแต่ไม่สมควรเข้ามาบวชพระเท่านั้น เพราะเคยเกิดปัญหาในครั้งพุทธกาลจนต้องมีพุทธบัญญัติวินัยไว้เช่นนั้น

ผมมีรุ่นพี่ที่ผมนับถือท่านหนึ่ง ที่ท่านเบี่ยงเบนทางเพศ ท่านศึกษาปฏิบัติธรรม และ เป็นผู้ชักชวนผู้อื่นเข้าหาทางบุญด้วยน่ะครับ. ถึงแม้นท่านจะไม่ได้บวชเป็นพระ แต่ก็เห็นท่านสงบ และ มีความสุขดี
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 30 พ.ค.2008, 11:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณตรงประเด็นก็เข้าใจถามนะครับ ว่า

อ้างอิงจาก:
รับรอง ....ถ้ามีบัณเฑาะก์ชนิดเปลี่ยนตามดวงจันทร์จริง ป่านนี้ นักวิทยาศาสตร์คงวิจัยกันอุตลุตแล้ว ว่า การโคจรของดวงจันทร์มีผลต่อจิตใจบัณเฑาะก์ได้อย่างไร


แล้วใครที่ไหน เขาจะมาบอก และยอมให้นักวิทยาศาสตร์เอาไปวิจัยล่ะครับ
เรื่องเวลาข้างแรม แล้วเป็น กระเทยนี้ มันเป็นเรื่องน่าอายนะ ใครที่ไหนจะมาบอก เหอ เหอ

คำว่า บัณเฑาะก์ แปลว่า กะเทย กรณีที่คุณตรงประเด็นถาม นั่นคือ เมื่อข้างแรม ถ้าเขากลายเป็น บัณเฑาะก์แล้ว ไม่ได้ หมายความว่า หน้าอกเขาจะโตแบบผู้หญิง เปลี่ยนไปเป็นมนุษย์แปลกประหลาด จนต้องจับไปวิจัยซะหน่อยนี้ครับ นั่นคือ ภายนอกปกติก็เหมือนคนทั่วไปนั้นล่ะ ผมก็ยังไม่เคยได้ยิน นักวิทยาศาสตร์ จับกระเทย หรือเกย์ไปวิจัยนี้ครับ เพียงแต่สภาพจิตใจเขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนคนธรรมดา ปกติ ทั่วไป

นั้นคือ ปัจจุบันก็คงมีล่ะ แต่ใครที่ไหนจะออกมาประกาศว่า ข้าพเจ้าเมื่อถึงข้างแรมแล้ว จักกลายเป็นบัณเฑาะก์ ณ บัดนี้ ล่ะครับ

ส่วนเรื่องนี้

อ้างอิงจาก:
พึงสังเกตุว่า
อรรกถาจารย์ ไม่ห้าม อาสิตตบัณเฑาะก์ และ อุสุยยบัณเฑาะก์


เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้อ่ะ คุณตรงประเด็นลองหาโอกาสไปถามพระที่ท่านภูมิธรรมสูง ๆ ที่ท่านปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบดูล่ะกัน


ยังมีอีกหลาย ๆ เรื่อง นอกจากเรื่องนี้ เช่น โอปปาติกะ พวกเกิดแบบไม่ต้องมี พ่อ มีแม่ แบบนี้สมัยพุทธกาลมี สมัยนี้ถ้าจะมีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วใครเขาจะยอมให้นักวิทยาศาสตร์จับไปวิจัยครับ ว่าทำไมเขาเกิดโดยไม่ต้องมี พ่อ มีแม่


วิทยาศาสตร์ ไม่มีทางตาม พระพุทธศาสนา ทันหรอกครับ เชื่อผมเถอะ แลบลิ้น แลบลิ้น
 

_________________
สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว

จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2008, 3:18 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พิศดารจิงๆ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2008, 4:53 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
ยังมีอีกหลาย ๆ เรื่อง นอกจากเรื่องนี้ เช่น โอปปาติกะ พวกเกิดแบบไม่ต้องมี พ่อ มีแม่ แบบนี้สมัยพุทธกาลมี สมัยนี้ถ้าจะมีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วใครเขาจะยอมให้นักวิทยาศาสตร์จับไปวิจัยครับ ว่าทำไมเขาเกิดโดยไม่ต้องมี พ่อ มีแม่


วิทยาศาสตร์ ไม่มีทางตาม พระพุทธศาสนา ทันหรอกครับ เชื่อผมเถอะ



สาธุ สาธุครับ เด็กบ้านยางสีสุราช


------------------------------------------------------------------------------------

คุณหมอตรงประเด็นครับ ที่ลานธรรมเสวนา เราเถียงกันจนเว็ปล่ม (จะเกี่ยวกันไหมเนี่ย ยิ้มเห็นฟัน )


ถ้าอรรถกถา แต่งมาผิด ๆ แล้วคุณจะเชื่อใครดีละครับ

หรือ จะเชื่อท่านพุทธทาส บุคคลที่คุณหมอตรงประเด็นยกให้เป็นพระอรหันต์

ที่พยายามนำวิทยาศาสตร์มาอธิบายพุทธศาสตร์ หลีกเลี่ยงการอธิบายเรื่อง โอปปาติกะ ผีสางเทวดา นรกสวรรค์ โดยสรุปว่า เป็นเพียงความรู้สึกของคนเรา(แล้วกล่าวตู่พระพุทธองค์ว่า เอออวยกับศาสนาพราหมณ์)


http://www.buddhadasa.com/index_subj.html
เทวดามีจริงหรือ ? โดยท่านพุทธทาส

อ้างอิงจาก:
ทั้งนี้ ก็เพราะว่า ในประเทศอินเดีย สมัยนั้น มีความเชื่อเรื่องเทวดา
เรื่อง นรก เรื่องสวรรค์ นี้อยู่โดยสมบูรณ์แล้ว
มีรายละเอียดชัดเจน เหมือนที่กล่าวนี้ ทุกอย่างมาแล้ว
ตั้งแต่ก่อนพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น

พอพระพุทธเจ้า มีขึ้นในโลก เรื่องเหล่านี้ มันมีอยู่แล้ว
จะไปเสียเวลาหักล้าง ก็ไม่ไหว พิสูจน์ให้คนโง่ เห็นไม่ได้

เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้า ท่านจึงพลอยตรัส เอออวย
ไปตามคำที่พูดๆ กัน
อยู่
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2008, 5:07 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมขอนำคำอธิบายเพิ่มเติมในเรื่อง บัณเฑาะก์ จาก คู่มือการศึกษา พระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉทที่ ๕ ตอนที่ ๒ วิถีมุตตสังคหวิภาค โดย อาจารย์บุญมี เมธางกูร และ อาจารย์บุษกร เมธางกูร

http://www.abhidhamonline.org/aphi/p5/030.htm

ปณฺฑก -- บัณเฑาะก์ หรือวิปริตทางเพศ

ผู้ที่ปฏิสนธิมาโดยเครื่องหมายแห่งบุรุษ และสตรีขาดตกบกพร่องหรือผู้ที่มีอาการวิปริตทางเพศบางประการ ชื่อว่า บัณเฑาะก์

บัณเฑาะก์มี ๕ จำพวก

๑. อาสิตฺตกปณฺฑก ได้แก่ บัณเฑาะก์ที่ดูดกินซึ่งอสุจิ บุคคลใดมีความกำหนัดกระวนกระวายแล้วเอาปากคาบองคชาตของบุรุษอื่นดูดกินซึ่งน้ำอสุจิแล้วจึงระงับดับความกระวนกระวาย หรือบุคคลบางพวกที่ตอนแรกยังไม่เกิดความกำหนัด ครั้นเมื่อได้ดูดกินซึ่งน้ำอสุจิแล้วเกิดความกำหนัดยินดี บุคคลทั้งสองพวกนี้ชื่อว่า อาสิตตกบัณเฑาะก์

๒. อุสฺสูยปณฺฑก พวกบัณเฑาะก์ที่แอบดูการร่วมเพศ บุคคลผู้ใดได้โอกาสแอบดูบุรุษ และสตรีร่วมเพศกันอยู่ ก็บังเกิดความริษยาในขณะเดียวกัน ความกำหนัดยินดีที่ตนมีอยู่ก็ระงับดับลง คล้ายกับว่าตนได้เสพด้วยฉะนั้น บุคคลพวกนี้ชื่อว่า อุสสูยบัณเฑาะก์

๓. โอปกฺกมิกปณฺฑก บัณเฑาะก์พวกที่ถูกตอน บุคคลบางพวกที่ต้องถูกตอนไม่ให้มีความกำหนัดยินดีเกิดขึ้น เช่น พวกขันที ที่ต้องมีหน้าที่อยู่ใกล้ชิดกับนางสนมกำนัลของพระเจ้าแผ่นดิน เป็นบุคคลที่ได้ชื่อว่า โอปักกมิกบัณเฑาะก์ พวกบัณเฑาะก์ประเภทนี้มิได้เป็นมาโดยกำเนิด จึงถือว่าปฏิสนธิด้วยอเหตุกปฏิสนธิมิได้ อาจเป็นอเหตุกปฏิสนธิ , ทวิเหตุกปฏิสนธิหรือติเหตุกปฏิสนธิก็ได้

๔. ปกฺขปณฺฑก บัณเฑาะก์ที่เกิดกำหนัดแห่งปักษ์ บุคคลบางพวกมีความกำหนัดในกาฬปักษ์ คือ กาลข้างแรม ครั้นถึงชุณหปักษ์ คือ ข้างขึ้น ความกำหนัดกระวนกระวายก็หายไป หรือมีความกำหนัดในชุณหปักษ์ ครั้นถึงกาฬปักษ์ความกำหนัดกระวนกระวายก็หายไป บุคคลพวกนี้ชื่อว่า ปักขบัณเฑาะก์

๕. นปํสกปณฺฑก บัณเฑาะก์ผู้ไม่ปรากฏเพศ บุคคลผู้ใดที่เกิดในกามภูมิอวัยวะเพศหญิง และเพศชายไม่ปรากฏทั้งสองเพศ มีแต่ช่องสำหรับถ่ายปัสสาวะเท่านั้น บุคคลชนิดนี้ชื่อว่า นปุงสกบัณเฑาะก์

บัณเฑาะก์ทั้ง ๕ จำพวกนี้ เมื่อแสดงโดยตรงแล้วมุ่งหมายเอา นปุงสกบัณเฑาะก์ ดังวจนัตถะว่า ปฑติลิงฺคเวกลฺลภาวํ คจฺฉตีติ ปณฺฑโก ผู้ที่มีเครื่องหมายแห่งบุรุษ และสตรีเพศขาดตกบกพร่อง ผู้นั้นชื่อว่า บัณเฑาะก์

ส่วนบัณเฑาะก์อีก ๔ จำพวก เป็นการแสดงโดยปริยาย

อุภโตพยญฺชนก บุคคล ๒ เพศ

บุคคลใดอาศัยกรรมทำให้อวัยวะเพศทั้ง ๒ เกิดขึ้นได้ บุคคลนั้นชื่อว่า อุภโตพยัญชนกะ ดังวจนัตถะว่า อุภโต ปวตฺตํ พยญฺชนํ อตฺตีติ = อุภโตพยญชนโก อวัยวะเพศทั้ง ๒ ชนิดเกิดขึ้นได้ เพราะอาศัยกรรมมีแก่บุคคลใด ฉะนั้นบุคคลนั้นชื่อว่า อุภโตพยัญชนกะ หมายความว่า ด้วยอำนาจแห่งอกุศลกรรมอันเกี่ยวกับกาเมสุมิจฉาจาร เข้าเบียดเบียนกุศลกรรมที่ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ และทำให้อำนาจแห่งกุศลกรรมนั้นลดกำลังลง จึงปรากฏมีอวัยวะเพศได้ ๒ เพศในบุคคลเดียวกัน แต่อวัยวะเพศทั้งสอง ๒ นั้นหาได้ปรากฏในเวลาเดียวพร้อมกันไม่ เวลาใดปุริสภาวรูปปรากฏขึ้น เวลานั้นอิตถีภาวรูปย่อมไม่ปรากฏ และถ้าเวลาใดอิตถีภาวรูปปรากฏขึ้น เวลานั้นปุริสภาวรูปก็ไม่ปรากฏขึ้น ดังพระบาลีในอินทริยมาแสดงว่า “ ยสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ ตสฺสปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ “ แปลว่า อิตถินทรีย์กำลังเกิดขึ้นแก่บุคคลใด ปุริสินทรีย์ก็กำลังปรากฏขึ้นแก่บุคคลนั้นใช่ไหม “โน” แก้ว่า “ไม่ใช่” เป็นการยืนยันว่ามิใช่เกิดขึ้นพร้อมกัน

อุภโตพยัญชนกบุคคล มี ๒ จำพวก

๑. อิตถีอุภโตพยัญชนกบุคคล ได้แก่ บุคคลที่มีทรวดทรงสัณฐานลักษณะอาการตลอดจนอวัยวะเพศเป็นหญิงอย่างธรรมดา แต่ต่อมาเมื่อเวลาใดบังเกิดความกำหนัดพอใจในหญิงอื่น จิตใจที่เคยเป็นหญิงอยู่ก่อนก็จะหายไปผันแปรสภาพจิตใจเป็นชายขึ้นมาแทนที่ และในเวลาเดียวกันอวัยวะเพศชายก็ปรากฏขึ้นแทนอวัยวะเพศหญิง สามารถร่วมสมสู่กับหญิงอื่นได้

๒. ปุริสอุภโตพยัญชนกบุคคล ได้แก่ บุคคลที่มีรูปร่างสัณฐานลักษณะอาการเป็นชายทั้งอวัยวะเพศก็เป็นชาย แต่เมื่อเวลาใดเกิดความกำหนัดพอใจในชายอื่น เวลานั้นจิตใจ และอวัยวะเพศที่เคยเป็นชายอยู่ก่อนก็หายไปผันแปรสภาพจิตใจ และอวัยวะเพศเป็นหญิงขึ้นมาแทนที่ มีความสามารถร่วมสมสู่กับชายอื่นได้
ความแตกต่างกันระหว่างอุภโตพยัญชนกบุคคลทั้ง ๒ นี้ ก็คือ
อิตถีอุภโตพยัญชนกบุคคลนั้น ตนเองมีครรภ์กับบุรุษอื่นได้ ทั้งทำให้หญิงอื่นมีครรภ์กับตนก็ได้


--------------------------------------------------------------------------
คุณหมอตรงประเด็นครับ เห็นรายละเอียดของกระเทยที่คัมภีร์เถรวาทอธิบายไว้ไหมครับ ?

พิศดารมาก ๆ ทางวิทยาศาสตร์ยังอธิบายไม่ละเอียดขนาดนี้เลย


สำหรับเหตุที่คนต้องเกิดมามีความผิดปกติทางเพศแบบนี้ เพราะเป็นวิบากของกรรมที่เคยทำผิดเกี่ยวกับเรื่องเพศไว้ในอดีตชาติครับ ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์อาจจะเดาว่าเป็นความผิดปกติของยีน, ฮอร์โมน, ฯลฯ

แต่ในทางพุทธศาสตร์อธิบายได้ดังนี้

http://www.abhidhamonline.org/Ajan/book.htm

คนเป็นกระเทยได้อย่างไร ? โดยท่านอาจารย์บุญมี เมธางกูร
http://www.abhidhamonline.org/Ajan/BM/krateu.doc
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2008, 5:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ข้อความ ในคัมภีร์ระดับหลัง(หลังพระสูตร-พระวินัย)ต้องพิจารณา


คุณตรงประเด็นครับ อรรถกถาจารย์ทุกท่านล้วนเป็นผู้ทรงคุณ อธิบายพระพุทธพจน์ให้พุทธบริษัทเมื่อครั้งพุทธกาล

แต่ คำสอนของเกจิอาจารย์สมัยหลังอย่างท่านพุทธทาส ต่างหาก ที่ต้องพิจารณาให้ดี

http://www.buddhadasa.com/index_subj.html


อย่าเชื่อเพียงเพราะว่าเข้ากับทฤษฏีที่คุณหมอเรียนมา

อย่าเชื่อเพราะดูน่าเชื่อถือ

อย่าเชื่อเพราะมีการอ้างว่า กระดูกท่านเป็นพระธาตุ (ที่คุณหมออ้างในลานธรรมบ่อย ยกย่องท่านเป็นพระอรหันต์)


คุณหมอตรงประเด็นครับ ที่ลานธรรมคุณกล่าวย่ำยี พระอภิธรรม อรรถกถา มาอย่างเสียหาย ที่ลานธรรมจักรแห่งนี้ คุณก็ตามมาเผยแพร่ทิฏฐิของคุณอีกหรือครับ ?
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2008, 7:44 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เฉลิมศักดิ์1 พิมพ์ว่า:


คุณหมอตรงประเด็นครับ ที่ลานธรรมคุณกล่าวย่ำยี พระอภิธรรม อรรถกถา มาอย่างเสียหาย ที่ลานธรรมจักรแห่งนี้ คุณก็ตามมาเผยแพร่ทิฏฐิของคุณอีกหรือครับ ?




"การไม่เชื่อง่ายๆในทุกตัวอักษรของคัมภีร์ที่รองจากพระสูตร-พระวินัย" ถือ เป็นการย่ำยีคัมภีร์ไปตั้งแต่เมื่อใดกัน?



คุณเฉลิมศักดิ์ ไม่เบื่อการทะเลาะบ้างหรือ? ยิ้ม

เอาเหตุผลมาวางให้ ผู้อื่นเลือกพิจารณากันดีกว่า....

จุดเริ่มต้นของปัญหาในในลานธรรมเสวนา เกิดจากคุณมุ่งกล่าวโทษโจมตี กระทบกระเทียบพระสุปฏิปันโนที่ไม่ใช่แนวทางของสำนักของคุณ(ไม่จำกัดเฉพาะท่านพุทธทาส แม้นแต่พระป่าก็โดนด้วย) ต่างหาก....
จนเพื่อนสมาชิก เขารวมตัวกันสวดๆคุณหลายรอบแล้ว
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2008, 11:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โดยส่วนตัวแล้ว ผมเคยอ่านหนังสือ สมาธิ ของหลวงพ่อพุทธทาส
ผมศรัทธาในคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาสครับ
 

_________________
สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
ลมหนาวกำลังมาเยือนแล้ว

จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๑
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2008, 3:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พวกแรกผมก็ตกใจพอสมควรว่าทำไมให้บวช
ถ้าไปลักหลับ เบียดเบียนพระรูปอื่น จะไม่วุ่นวายหรือ
ทำไมให้บวชได้

แต่พอทำความเข้าใจใหม่ทั้งหมดแล้วก็เลยตั้งขอสั่งเกตุอย่างนี้ครับ


1. ประเภทบกพร่องทางความคิด อารมณ์ อนุญาตให้บวชได้ คือ
    อาสิตตบัณเฑาะก์ ๑
    อุสุยยบัณเฑาะก์ ๑


คนประเภทนี้ - ยังสามารถฝึกจิตใจให้ก้าวพ้นไปได้ ด้วยตน ของตน
พูดง่ายๆว่า ยังพอมีหวังจะให้กำจัดความกำหนัดแบบนี้ไปได้ จนเป็นสมณะเพศ

ถ้าเอาหลักคิดแบบเดียวกับองคุลีมารมาคิด
ว่าทำไมคนเลวขนาดนั้นยังบวชได้ ทำไมกระเทยดีๆบวชไม่ได้
กระเทยผิดเหรอ ทำไมไม่ให้บวช

แต่คิดให้ดี ผมว่าผมพอเข้าใจได้ว่า
ถ้าตั้งใจจะดำเนินทางสายโลกุตร คนประเภทนี้ก็ทำได้
เพราะบกพร่องเพียงพฤติกรรม ความคิด รสนิยม ซึ่งถือว่ายังแก้ไขได้ ด้วยศีล ด้วยธรรม
ถ้าเอาจริง .. พระพุทธศาสนาก็ให้โอกาส เหมือนที่ให้โอกาสเทวทัต และองคุลีมาร



แต่คนประเภที่ 2
2. ประเภทบกพร่องทางกาย และ/หรือ ความคิด

คล้ายๆว่า พิการเกินกว่าจะดำเนินทางสายโลกุตร
เพราะความคลุ้งคลั่ง ความกำหนัด หรือความไม่สงบของเขา เกิดจาก External Factor
ไม่สามารถจะควบคุมได้ ไม่สามารถระงับได้ตนเอง หรือด้วยธรรมมะ

เหมือนสัตว์ที่ไม่สามารถจะบรรลุธรรมได้ เพราะขาดความสามารถบางอย่างในการรับรู้
ครั้นจะระงับความดุร้ายหรือพฤติกรรมบางอย่างของตนด้วยปัญญาตัวเอง ก็ไม่ได้
นึกจะบ้า .. ก็บ้าไปตามเหตุและปัจจัย
บวชไปก็ไร้ประโยชน์ ครั้นจะแก้ไขความบกพร่องดังกล่าว ก็เกินกว่าจะเยียวยา

ยกตัวอย่างเช่น ขันที ... ผมว่าในเมื่อร่างกายสร้างให้มีไข่
แต่เมื่อตัดไปย่อมเสียสมดุลย์ เกิดความไม่ปกติพอสมควร
แต่จะไม่ปกติด้วยรายละเอียดอะไร คงเป็นเรื่องรายละเอียด
แต่คงต้องมี effect ถึงขนาดที่พระพุทธเจ้ายอมรับไม่ได้
ไม่สามารถทำหน้าที่ หรือบรรลุหน้าที่ในการเป็นพระได้
จึงห้ามบวช.

เรื่องขันที..น่าคิดอีกว่า เคยมีพระบางพวก อดกำหนัดไม่ได้ แต่อยากบรรลุธรรม
ก็เลยตัดของตัวเองออกเสีย เพื่อจะได้หมดกังวล ... พระพุทธเจ้าห้ามเด็ดขาด
ฉะนั้น คนบางคนอาจจะแอบบตัด ก่อนมาบวช ด้วยเหตุว่าอยากระงับความกำหนัดให้ได้ง่ายๆ
ซึ่งถ้าพระองค์ไม่ห้ามเอาไว้ เดี๋ยวคนพวกใหม่มาบวชก็แอบตัดตัวปัญหา
ซึ่งความจริง อัณฑะ หรือฮอโมนเป็นปัจจัยของความกำหนด แต่ไม่ใช่เหตุ
เปรียบเทียบกับไฟ ... ฮอโมนหรือความต้องการตามธรรมชาติเป้นเหมือนลม ... แต่เชื้อต้นเหตุของไฟ คือฟืน
ต่อให้กำจัดลมไปแล้ว ... ถ้าไม่ดับฟืนกิเลสตันหา .. ไฟทุกข์ก็ยังลุกไหม้อยู่
การแก้ไขปัญญหาด้วยวิธีที่ผิดแบบนี้ พระพุทธเจ้าไม่สนับสนุนอยู่แล้วดังอ้างอิงในอริสัจ 4
ที่ให้ถึงสภาวะนิโรธด้วยการใช้วิธีมรรคในการทำลายเหตุแห่งทุกข์สมุทัย ทุกข์จึงดับ



--------------

สมัยนี้
ผมคิดว่า .. ถ้าเขามาขอบวช บวชตามประเพณี
ก็ไม่น่าจะเคร่งครัดมาก 3 วัน 7 วัน ปั้นผ้าเหลืองตากพอเป็นกสึกแล้ว
เพราะต่อให้อยากเคร่งครัด เราคงสิ้นปัญญาที่จะพิสูจน์ทราบคุณสมบัติพวกนี้

ซึ่งการบวชในสมัยพระพุทธเจ้า .. เอหิภิกขุ ... คงไม่ใช่ใครจะบวชง่ายๆ
และคนที่บวชล้วนแล้วแต่ตั้งเป้าหมาย นิพพานทั้งนั้น
ท่านจึงบรรญัติไว้ให้เฉพาะคนที่มี possibilities+capabilities จะไปถึงเท่านั้น

--------------------
ส่วนเรื่องความเท่าเทียมกันของมนุษย์
ผมเห็นด้วยร้อยเปร์เซ็นต์ พระพุทธศาสนาก็เช่นกัน

เท่าที่ประวัติศาสร์จารึก... พุทธเป็น.. กลุ่มความคิดแรก....ที่คิดและทำเรื่องเสรีภาพ
เพราะใครเป็นพุทธก็พ้นจากวรรณะทันที เพราะเราไม่เชื่อเรื่องวรรณะ
นั่นคือข้อพิสูจน์จุดยืนที่ชัดเจนมาตั้งนานแล้ว

แต่การต้องการบวช ... มันคือการเป้นสมมุติสงฆ์ ...
คุณคาดหมายว่าคุณต้องการหลุดพ้น ..คุณถึงบวช
ถ้าคุณจะหลุดพ้น ... ต้องไม่ขาดคุณสมบัติ

ถ้าขาดคุณสมบัติ ทำไปก็เท่านั้น ..
สู้เอาธรรมมะไปน้อมนำใช้ตามที่ตัวเองมี capabilities ทำได้ดีกว่า
แบบนี้จะเหมาะกว่า
เหมือนที่ไม่อนุญาตให้พญานาคบวช ..

แต่ถ้าอนุโลมตามสมัย
แต่ถ้าอยากจะบวชตามประเพณี บวชให้ศาสนาเลี้ยง บวชเอาสิทธิพิเศษ
หรือกล่าวโดยรวมว่า บวชเพื่อจุดประสงค์นอกจากต้องการหลุดพ้น
ผู้บวชพึงระลึกดีชั่วเอาเอง ว่าจะตอบอุปปัฌาจารย์ว่ายังไง เวลาเขาถามตอนบวช


อย่างน้อยๆ ถึงต่อให้ไม่รู้ใจ (ฉันเป็นกระเทยแบบไหนกันแน่?)
แต่เขาก็ต้องมีพฤติกรรมที่เขารู้ตัวเองอยู่แล้วล่ะ .. เช่นมองชายล่ำๆเกิดพิศวาสขึ้นมาเป็นต้น

เขารู้พฤติกรรมตัวเขาอยู่แล้ว ..
คนมีความตั้งใจดี ย่อมต้องถามว่า ผมเป็นแบบนี้ๆ ผมบวชได้ไหมครับ อุปัชชฌา?
แต่ปัญญาทุกวันนี้คือคนบวชก็ไม่สำนึก ...
.......จะมาโทษอุปปัชฌาจารย์ หรือระบบของศาสนาว่า ทำไม่ไม่สามารถล่วงรู้ความผืดปรกติของเขาได้ ...
แล้วใครจะรู้ล่ะคับ .. ถ้าคนบวชหมกเม็ด ...
เราคงไม่ถลกกางเกงหาหลักฐาน หรือควักสมองออกมา ส่งไปเพาะเชื้อใช่ไหมคับ?


------------------
และผมเห็นว่า การเถึยงกันเรื่อง
"กระเทย .... รูปแบบกระเทย และนิยามกระเทย....เปรียบเทียบข้อเท็จริงระหว่างสมัยพุทธกาล ... และสมัยพุทธศตวรรษที่ 25 ... ใครจริง ใครลวง?!! .. "

ยังไงก็ไม่จบหรอก ...
คนสมัยพุทธกาลเขาจะรู้ไหมว่า ปี 2550 มีโยนีเทียมที่เหมือนของจริงจนแทบจะแยกไม่ออก
มีทั้งขน มีทั้งกลีบ มีทั้งติ่ง แถมมีระบบประสาทรับรสความเสียวด้วย!!!
คนสมัยนั้นคงคิดไม่ถึง

เช่นกัน ... เมื่อคิดกลับไปในยุคคนั้น ...
ทำไมจะมีกระเทยประหลาดๆที่ของขึ้นตามพระขันทร์ไม่ได้
บางทีเถีงกันไปเถียงกันมา ... ที่แท้กระเทยดันเป็นโรคจิต มีปมในใจตัวเองไปผูกไว้กับดวงจันทร์
พอวันไหนมีพระจันทร์ เธอก็อาการออก

ไอ้เราเถียงกันแทบตาย ว่าพระจันทร์ไปทำอะไรกับคนได้ ... ที่แท้คนบ้าไปตามพระจันทร์
อังเอิญว่าเคยไปขอบวช เขาเลยระบุไว้ในข้อห้าม

--------------------
ผมก็คิดไปเรื่อยเปื่อยนะ อย่าเอาเป็นเอาตายกะผมมาก
ขอบคุณคับ






ิ่
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2008, 9:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เด็กบ้านยางสีสุราช พิมพ์ว่า:
โดยส่วนตัวแล้ว ผมเคยอ่านหนังสือ สมาธิ ของหลวงพ่อพุทธทาส
ผมศรัทธาในคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาสครับ





สาธุ ครับ สาธุ

ท่าที ที่เปิดกว้าง รับฟังทัศนคติหลากหลายแง่มุม มีประโยชน์ต่อการศึกษาและปฏิบัติธรรมครับ

ผมเองไม่ใช่ลูกศิษย์ของท่านพุทธทาส และ ไม่ได้เห็นด้วยในทุกประเด็นที่ท่านพุทธทาสกล่าวเอาไว้.... แต่ ก็ศึกษาหาประโยชน์จากสิ่งที่ท่านทิ้งไว้ให้แก่ชาวโลก

คนเรา สามารถมองหาประโยชน์และเรียนรู้จากผู้อื่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับท่านผู้อื่นทุกๆกรณีน่ะครับ

ท่านพุทธทาส ที่ยูเนสโก ให้เกียรติขนาดนั้น... ครูบาอาจารย์พระกรรมฐาน ท่านอื่นๆ เช่น หลวงปู่ชา สุภัทโท, หลวงปู่ บุดดา ถาวโร, ๆลๆ ท่านก็ให้เกี่ยรติกับท่านพุทธทาสเช่นกันครับ


จงมองแต่แง่ดี มคุณจริง

คือ อมตะวาจาที่ท่านพุทธทาส กล่าวทิ้งไว้ ให้คนรุ่นหลังพิจารณากันครับ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 01 มิ.ย.2008, 7:56 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตรงประเด็น พิมพ์ว่า:


จุดเริ่มต้นของปัญหาในในลานธรรมเสวนา เกิดจากคุณ(เฉลิมศักดิ์)มุ่งกล่าวโทษโจมตี กระทบกระเทียบพระสุปฏิปันโนที่ไม่ใช่แนวทางของสำนักของคุณ(เฉลิมศักดิ์)(ไม่จำกัดเฉพาะท่านพุทธทาส แม้นแต่พระป่าก็โดนด้วย) ต่างหาก....
จนเพื่อนสมาชิก เขารวมตัวกันสวดๆคุณหลายรอบแล้ว






ผมขออนุญาต นำหลักฐานที่คุณ เฉลิมศักดิ์ เคยกล่าวโทษโจมตีพระสุปฏิปันโน(พระป่า)มาลงน่ะครับ

(เฉลิมศักดิ์ @ 04 พ.ค. 51 - 04:32)

http://larndham.net/index.php?showtopic=31536&st=25

อ้างอิงจาก:
ฝากหน่อยนะครับ ระวังโดนอาจารย์หลอกนะครับ

สอนว่าอย่าศึกษาพระไตรปิฏก อรรถกถา คัมภีร์

ลงมือปฏิบัติ (สมาธิ) เลยดีกว่า

ทั้งที่อาจารย์เองก็แยกไม่ออกระหว่าง สมาธิ-วิปัสสนา

เคยสนทนากับพระป่าหลายท่าน ที่เปลี่ยนแนวมาเป็นแบบ วิปัสสนายานิกะ ท่านบอกว่าเหมือนโดนอาจารย์หลอก



จนโดนสมาชิกรวมตัวกันสวดๆมาหลายครั้งแล้ว

และมีกระทู้นี้ ระบายความรู้สึกของสมาชิกท่านอื่นๆ ที่มีต่อพฤติกรรมแบบนั้นของคุณเฉลิมศักดิ์

http://larndham.net/index.php?showtopic=31762&st=0




นี่เป็นอีกความเห็น ต่อพฤติกรรมของคุณเฉลิมศักดิ์

ท่านเล่าความรู้สึกในใจ กรณีที่คุณเฉลิมศักดิ์พยายามกล่าวโทษพระสุปฏิปันโน ให้ฟังดังนี้




อ้างอิงจาก:
....คุณเฉลิมศักดิ์ยังดื้อแพ่งไม่ยอมลดราการกล่าวโทษพระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ(ตามความเข้าใจของผม ผมรู้สึกว่าคุณเฉลิมศักดิ์พยายามจะเผยแพร่แนวทางของเขาและกล่าวเสียดสีครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆไปในเวลาเดียวกันโดยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ท่านพุทธทาส ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่เป็นวาจาทุจริตที่น่าติเตียน)

ๆลๆ

แค่เสนอความเห็นนะครับ
เพราะเห็นคุณตรงประเด็นต้องมานั่งเถียงกับคุณเฉลิมศักดิ์ที่พูดจาวกไปวนไป แถมยังกวนประสาทอีก แล้วก็รู้สึกเหนื่อยแทนครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 01 มิ.ย.2008, 8:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แล้วใคร จะเป็นผู้พิสูจน์ ว่าบุคคลใด เป็นบัณเฑาะก์ ตามหลักเกณฑ์ใด ขอรับ

และจะต้องใช้เวลาพิสูจน์ นานเท่าใดจึงจะรู้ได้ หรือต้องฟังคำจากพยาน ที่เราไม่อาจรู้ได้ว่า จริงหรือไม่ ตามคำบอกเล่า

นี้เขาเรียกว่า มีบทบัญญัติได้ แต่ประพฤติ ปฏิบัติ ไม่ได้ เฮ้อ......
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 01 มิ.ย.2008, 8:57 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคยดูรายการสารคดีทางช่อง ๙ จะมีตอนหนึ่งที่กล่าวถึงคนที่มีสองเพศ ในตอนเด็กแพทย์ผ่าตัดเครื่องเพศชายออกให้กลายเป็นหญิง แต่เมื่อโตขึ้นจิตใจกลายเป็นผู้ชาย แพทย์ต้องผ่าตัดใหม่ให้เป็นชายอีก
---------------------------------------------------


ทำให้นึกถึงเรื่องราวของพระภิกษุท่านหนึ่ง ที่อกุศลกรรมทำให้ท่านต้องเปลี่ยนจากชายกลายเป็นหญิงทันที ภายหลังแต่งงานมีลูก ภายหลังได้ขอขมาพระอรหันต์ ด้วยความสำนึกผิด จึงกลับมาเป็นชายได้อีก และบวชเป็นพระภิกษุบรรลุธรรมอันวิเศษ



อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท จิตตวรรคที่ ๓
หน้าต่างที่ ๙ / ๙.


๙. เรื่องพระโสไรยเถระ [๓๒]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดายังพระธรรมเทศนานี้ว่า “น ตํ มาตา ปิตา กยิรา” เป็นต้น ซึ่งตั้งขึ้นในโสไรยนคร ให้จบลงในพระนคร
สาวัตถี.

เศรษฐีบุตรกลับเพศเป็นหญิงแล้วหลบหนี

http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=13&p=9


คุณหมอตรงประเด็นครับ ในทางวิชาการแพทย์ของคุณหมอคงจะ งึด.....(ภาษาอีสานแปลว่า งง../ amazing)


แต่ในทางพุทธศาสตร์ โดยเฉพาะพระอภิธรรม อันเป็นวิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องชีวิตจิตใจ อธิบายได้ครับ


http://www.abhidhamonline.org/Ajan/book.htm

คนเป็นกระเทยได้อย่างไร ? โดยท่านอาจารย์บุญมี เมธางกูร
http://www.abhidhamonline.org/Ajan/BM/krateu.doc
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง