Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 บรรทัดฐาน การปฏิบัติสมาธิ ตอนที่ 3 อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2008, 1:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สมาธิ ชั้นที่ 1 ได้แก่

สมาธิ ชั้นพื้นฐาน นั้น ท่านทั้งหลายต้องจดจำ ให้แม่นมั่น และแม่นยำ เพื่อเป็นเครื่องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า

สมาธิ ชั้นพื้นฐาน คือ " การฝึก หรือปฏิบัติ เพื่อควบคุม ความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ มิให้ฟุ้งซ่าน หรือ การฝึก ปฏิบัติ สมาธิ ชั้นพื้นฐาน เพื่อ ควบคุม ความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ มิให้เกิดขึ้น ขณะปฏิบัติ"

แต่ตามธรรมชาติ ของมนุษย์ ล้วน ต้องมีความรู้สึก เมื่อได้สัมผัสทางอายตนะ ไม่ว่าจะเป็นทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ และไม่ว่าจะเป็นการสัมผัส ที่ได้เคยสัมผัสผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม แต่ความจำการสัมผัสนั้นยังอยู่ภายในร่างกาย หรือจะเป็นการสัมผัส ณ. ปัจจุบัน ก็ตามแต่

ความรู้สึก อันเกิดจากการได้รับการสัมผัส ทางอายตนะ ทั้งหลายเหล่านั้น จะก่อให้เกิดเป็นความคิด และอารมณ์ ต่างๆกันไป นี้เป็น ความรู้ พื้นฐานว่า ขณะปฏิบัติ สมาธิ หรือฝึกสมาธิ ย่อมจะเกิดความรู้สึก แต่หากเราระงับหรือบังคับตัวเอง คือ ไม่คิด หรือแก้ไขมิให้ความรู้สึก บางสิ่งบางอย่าง เกิดขึ้น นั้นคือ การควบคุม อันเป็นผล คือความมีสติ สัมปชัญญะ
การที่เราจะสามารถระงับ หรือควบคุม ไม่ให้คิด ไม่ให้มีอารมณ์ ไม่ให้มีความรู้สึก หรือมีความรู้สึก ก็สามารถควบคุมได้นั้น ก็ดังที่เคยได้สอนให้กับท่านทั้งหลายไปแล้วว่า
นั่นก็คือ การ เอาใจจดจ่อ หรือการเอาใจฝักใฝ่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือจะเรียกว่า การกำหนดจิตในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือจะเรียกว่า การเอาใจเข้าไปผูกอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อให้เกิดสมาธิ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะใช้การเอา ใจจดจ่อ หรือการเอาใจฝักใฝ่ หรือการเอาใจเข้าไปผูกอยู่ใน ลมหาย และต้องไม่คิด นอกเหนือไปจากลมหายใจ คิดหรือกำหนดรู้แต่เฉพาะลมหายใจเพียงอย่างเดียว อย่างนี้เป็นต้น
อันนี้ต้องพิจารณาให้ดี เพราะการเขียนอธิบายนั้น อาจจะไม่ค่อยละเอียด เท่าที่ควร แต่ถ้าท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติ หรือฝึกสมาธิ ก็จะรู้ได้ด้วยตัวเอง
เพียงแต่ข้อสำคัญ ต้องจดจำ คำจำกัดความให้แม่นยำ แต่ระลึกรู้อยู่เสมอ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มิตรตัวน้อย
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 12 พ.ค. 2008
ตอบ: 48

ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2008, 2:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

"หากจะพัฒนาพุทธศาสนา ต้องแก้ไขให้มีบรรทัดฐานในการปฏิบัติ สมาธิ เพียงรูปแบบเดียว ตามหลักการของข้าพเจ้าเท่านั้น" (สมาธิ ตอนที่ ๒)

ตัวอย่างข้างบนนี้ ท่านเรียกธรรมปฏิรูป
เอาธรรมที่พระพุทธตรัสไว้ สั่งสอนไว้ดีแล้ว มาเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อความอย่างหนึ่งอย่างใด แล้วกล่าวว่า นี้คือ ธรรมที่ข้าพเจ้ารู้เห็น ได้ประพฤติปฏิบัติมา สามารถนำไปปฏิบัติเข้าถึง ได้ทั้ง โสดาบัน จนถึงอรหันต์ผล เป็นอย่างต่ำ ถ้าอย่างมากละ

เมื่อผู้นำมาเผยแพร่ได้รับความนับถือ มีผู้ยกมือโมทนาสาธุ ก็น่าจะเรียกเจ้าลัทธิและสาวกได้ ถ้ามีสาวกมากขึ้นก็เรียกว่า ศาสดาองค์ใหม่เพราะธรรมที่แสดงนั้นไม่ใช่ธรรมของพระพุทธเจ้าหลักการของพระพุทธเจ้า แต่เป็นธรรมของข้าพเจ้าหลักการของข้าพเจ้า

ธรรมพระพุทธองค์นั้น ไม่ใช่คิดเอาเอง คาดคะเนเอาเอง หรือคิดขึ้นมาใหม่ การเอาธรรมของพระองค์มาสอดแทรกความเห็นของตนเองเข้าไป นี่คือหลักการของข้าพเจ้าเอง อย่างนี้คือ กล่าวตู่และบิดเบือน

“บัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ
เพิกถอนสิ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ดีแล้ว”

การเผยแผ่พระพุทธศาสนานั้นมีทั้งคุณและโทษ
ถูกเป็นคุณอนันต์ ผิดก็มีโทษมหันต์

เจริญธรรม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2008, 7:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ข้อคัดค้าน ของคุณดีมาก
แต่เสียอยู่อย่างหนึ่ง ที่คุณอ่านไม่ละเอียด อีกทั้งยังอ่านแล้วไม่เกิดความเข้าใจในสิ่งที่ข้าพเจ้าอธิบายไป

คุณคิดว่าข้าพเจ้านำเอาสิ่งที่มีอยู่เดิม มาเพิ่มเติม ดัดแปลงแก้ไข โดยที่คุณไม่รู้ข้อเท็จจริงเลยว่า ศาสนาพุทธสมณะโคดม ก็นำเอา หลักศาสนาพราหมณ์ ฮินดูมาดัดแปลงเพิ่มเติมแก้ไข ตามแนวทางความคิด

ข้าพเจ้าจะกล่าวตามตรงเลยนะว่า สิ่งที่ข้าพเจ้า เผยแพร่ไปทั้งหมด ไม่ใช่เป็นการนำของที่มีอยู่เดิมมาดัดแปลงแก้ไข หรือแต่งเติม

แต่หลักการบรรทัดฐานการปฏิบัติ สมาธิ ที่ข้าพเจ้าสอนไปนั้น เกิดจากการทดลอง ฝึก ปฏิบัติ จนได้ผลดีแล้ว รู้แล้ว และสามารถพิสูจน์ตัวข้าพเจ้าได้ว่า จากการที่ข้าพเจ้ามีการฝึกสมาธิ หรือปฏิบัติ สมาธิตามที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปทั้ง 3 ตอน เป็นขั้นตอน การปฏิบัติที่ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติ จนสามารถบรรลุธรรมชั้นโสดาบัน จนถึงอรหันต์ เป็นขั้นต่ำ คำว่า เป็นขั้นต่ำนั้น หมายความว่า บุคคลโดยทั่วไป เพื่อฝึกปฏิบัติ ตามหลักธรรมคำสอนของข้าพเจ้าอย่างครบถ้วนแล้ว ย่อมบรรลุธรรมได้จนถึง อรหันต์ ส่วนขั้นนิพพานนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะถ้าถึงขั้นอรหันต์ ก็จะคาบเกี่ยวกับ นิพพานด้วย
ตัวข้าพเจ้าเอง เนื่องจากมีเรื่องต้องพิจารณา และทดลอง ค้นหา มากมาย การบรรลุธรรมของข้าพเจ้าจึงขึ้นๆลงๆ ระหว่าง อรหันต์ กับนิพพาน
เรื่องของนิพพาน ข้าพเจ้าเคยเขียนให้ได้อ่านกันไปแล้ว จึงไม่เขียนอีก
หากคุณ หรือใครก็ตาม สงสัย ในตัวข้าพเจ้า ก็สามารถมาพิสูจน์ได้ เพราะข้าพเจ้ามีปรากฏการณ์ ทางสรีระร่างกาย เอาง่ายๆตรงๆเลยว่า ข้าพเจ้ามีฉัพพรรณรังสี สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สัตว์บางชนิดสามารถมองเห็นได้

ดังนั้นจึงขอชี้แจง ข้อคัดค้านของท่านผู้ใช้ชื่อว่า"มิตรตัวน้อย"ให้ทำความเข้าใจไว้ว่า
"บรรทัดฐาน การปฏิบัติสมาธิ" ของข้าพเจ้า ไม่ได้นำเอาสิ่งที่มีอยู่เดิม มาดัดแปลงแก้ไชหรือแต่งเติมข้อความ เพื่อให้ดูสละสลวย แต่เกิดจากการทดลองค้นหา และปฏิบัติ จนได้ผลดีแล้ว
อนึ่ง ต้องขอบอกตามตรงว่า หลักการนั่งสมาธินั้น ข้าพเจ้าเคยได้รับการสอนมาจากอาจารย์ซึ่ง เป็นพระสงฆ์ ตามหลักการกำหนดจิต พุทโธ หลักธรรมกาย หลัก ยุบหนอพองหนอ ฯ ข้าพเจ้าปฏิบ้ติ มาทุกรูปแบบ และทุกรูปแบบ ก็มีผลที่แตกต่างจากกัน บ้างก็ดี บ้างก็ไม่ค่อยดี
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้ฝึกสมาธิ ตามการค้นคว้าและวิจัยของข้าพเจ้า ฉะนี้
อนึ่ง การพัฒนาศาสนา นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่น แอบอ้าง หรือโอ้อวด ถ้าข้าพเจ้าไม่แน่จริง ทำไม่ได้จริง หรือไม่มีฉัพพรรณรังสีจริง ก็คงไม่กล้าท้าให้พิสูจน์ดอกนะคุณ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2008, 8:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนึ่ง การที่ข้าพเจ้าเผยแพร่ บรรทัดฐาน การปฏิบัติ สมาธิ ก็เพื่อมิให้เกิดเจ้าลัทธิต่างๆทางศาสนาพุทธ ที่นำเอา การปฏิบัติ สมาธิ ไปดัดแปลง โดยความรู้เท่าไม่ถึงกาล ไม่มีความเข้าใจในหลักการปฏิบัติ สมาธิ ตามพระไตรปิฎก อย่างแท้จริง ต่างคนต่างคิดว่าอย่างนั้นดี อย่างนั้นถูกมั่วกันไปหมด แล้วหลักการปฏิบัติสมาธิ ในศาสนาเดียว มันจะมีหลายรูปแบบได้อย่างไร มันต้องมีรูปแบบเดียว หนึ่งเดียว ที่จะพื้นฐานในการปฏิบัติธรรมในชั้นต่อๆไปตามหลักธรรม หรือวิธีปฏิบัติ ที่ข้าพเจ้าให้ไว้ ใน กระทู้ "บรรทัดฐาน การปฏิบีติสมาธิ ตอนที่ 2"

และ ท่านทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นวิทยากรศาสนา ผู้เกี่ยวข้องทางศาสนา หรือผู้มีอำนาจหน้าที่ทางศาสนา จงรู้เอาไว้อย่างหนึ่งว่า
หลักธรรม และหลักปฏับัติ ที่ข้าพเจ้าได้สอนไปทั้งหมด เป็นหลักธรรม และหลักปฏิบัติ ทาง ศาสนาพุทธ ในที่นี้ข้าพเจ้าจะไม่เอ่ยนามของข้าพเจ้า เพียงให้รู้ว่า นี้หลักปฏิบัติ และหลักธรรม ทางศาสนาพุทธ ขอรับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มิตรตัวน้อย
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 12 พ.ค. 2008
ตอบ: 48

ตอบตอบเมื่อ: 04 มิ.ย.2008, 9:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าพิจารณาตามที่คุณกล่าวมา คำสวดสรรเสริญพระธรรม นี้ก็ผิด

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
พระธรรมนั้นใด เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว
- แสดงว่า ตรัสไว้ไม่ถูกต้อง ตรัสไว้ไม่ชอบ

อะกาลิโก
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล
- ข้อนี้ก็ผิด เพราะต้องปรับปรุงแก้ไข ต้องพัฒนา เมื่อเวลาผ่านไป

====

“คุณคิดว่าข้าพเจ้านำเอาสิ่งที่มีอยู่เดิม มาเพิ่มเติม ดัดแปลงแก้ไข โดยที่คุณไม่รู้ข้อเท็จจริงเลยว่า ศาสนาพุทธสมณะโคดม ก็นำเอา หลักศาสนาพราหมณ์ ฮินดูมาดัดแปลงเพิ่มเติมแก้ไข ตามแนวทางความคิด”

- ข้อนี้ กล่าวตู่
พระพุทธองค์ ทรงบำเพ็ญบารมีฯ มา สี่อสงขัยป์ แสนมหากัป จึงได้ตรัสรู้เป็น พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง


“ตัวข้าพเจ้าเอง เนื่องจากมีเรื่องต้องพิจารณา และทดลอง ค้นหา มากมาย การบรรลุธรรมของข้าพเจ้าจึงขึ้นๆ ลงๆ ระหว่าง อรหันต์ กับนิพพาน”

- ข้อนี้ไม่เห็นด้วย การตรัสรู้หรือการรู้ธรรมนั้น ไม่ใช่การเล่นขายของ มีขึ้นมีลง

“อนึ่ง การพัฒนาศาสนา นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่น แอบอ้าง หรือโอ้อวด ถ้าข้าพเจ้าไม่แน่จริง ทำไม่ได้จริง หรือไม่มีฉัพพรรณรังสีจริง ก็คงไม่กล้าท้าให้พิสูจน์ดอกนะคุณ”

- ข้อนี้ โอ้อวดตรงๆ เลย

“หลักธรรม และหลักปฏับัติ ที่ข้าพเจ้าได้สอนไปทั้งหมด เป็นหลักธรรม และหลักปฏิบัติ ทาง ศาสนาพุทธ ในที่นี้ข้าพเจ้าจะไม่เอ่ยนามของข้าพเจ้า เพียงให้รู้ว่า นี้หลักปฏิบัติ และหลักธรรม ทางศาสนาพุทธ ขอรับ”

- เคยอ่านนิทานเรื่องหนึ่ง สุนัขจิ้งจอกกลัวคนอื่น สัตว์อื่นไม่กลัว เลยไปเอาหนังราชสีมาคลุมตัว แต่ไม่นาน ความจริงก็ปรากฎ

ข้อแนะนำ : คุณควรเปลี่ยนชื่อนะ ด้วยความปรารถนาดี

เจริญธรรม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 05 มิ.ย.2008, 11:47 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มิตรตัวน้อย : ถ้าพิจารณาตามที่คุณกล่าวมา คำสวดสรรเสริญพระธรรม นี้ก็ผิด

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
พระธรรมนั้นใด เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว
- แสดงว่า ตรัสไว้ไม่ถูกต้อง ตรัสไว้ไม่ชอบ

อะกาลิโก
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล
- ข้อนี้ก็ผิด เพราะต้องปรับปรุงแก้ไข ต้องพัฒนา เมื่อเวลาผ่านไป

====

ตอบ..... ข้าพเจ้าอยากจะถามคุณสักนิดว่า คำว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว มันเป็นการตรัสไว้ชอบแล้วในยุคสมัย ในการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันในยุคไหน หัดใช้สมองสติปัญญา คิดถึงหลักความจริงซะบ้าง “คุณคิดว่าข้าพเจ้านำเอาสิ่งที่มีอยู่เดิม มาเพิ่มเติม ดัดแปลงแก้ไข โดยที่คุณไม่รู้ข้อเท็จจริงเลยว่า ศาสนาพุทธสมณะโคดม ก็นำเอา หลักศาสนาพราหมณ์ ฮินดูมาดัดแปลงเพิ่มเติมแก้ไข ตามแนวทางความคิด”

ถาม.....
- ข้อนี้ กล่าวตู่
พระพุทธองค์ ทรงบำเพ็ญบารมีฯ มา สี่อสงขัยป์ แสนมหากัป จึงได้ตรัสรู้เป็น พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง

“ตัวข้าพเจ้าเอง เนื่องจากมีเรื่องต้องพิจารณา และทดลอง ค้นหา มากมาย การบรรลุธรรมของข้าพเจ้าจึงขึ้นๆ ลงๆ ระหว่าง อรหันต์ กับนิพพาน”

- ข้อนี้ไม่เห็นด้วย การตรัสรู้หรือการรู้ธรรมนั้น ไม่ใช่การเล่นขายของ มีขึ้นมีลง

ตอบ...
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ที่คุณกล่าวมา คุณมีความรุ้ ความสามารถในการปฏิบัติ ธรรม ในทางพุทธศาสนากี่มากน้อย แล้วคุณทำความเข้าใจกับ บริบทของภาษาที่ข้าพเจ้าเขียนไว้กี่มากน้อย
การปฏิบัติ ธรรม ก็เหมือนกับการทำงานหรือดำเนินกิจกรรมทั่วๆ ไป หากไม่หมั่นเพียร ขยัน ปฏิบัติ อยู่เป็นนิจ ก็ต้องมีการลืม หรือทำไม่คล่องแคล่ว ถ้าเป็นการทำงานทั่วๆ ไป ก็จะทำงานได้ช้า หรืออาจทำผิดพลาด
การปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน
อ่านแล้วหัดใช้สมองคิดพิจารณาถึงหลักความจริงซะบ้าง

ถาม....
“อนึ่ง การพัฒนาศาสนา นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่น แอบอ้าง หรือโอ้อวด ถ้าข้าพเจ้าไม่แน่จริง ทำไม่ได้จริง หรือไม่มีฉัพพรรณรังสีจริง ก็คงไม่กล้าท้าให้พิสูจน์ดอกนะคุณ”

- ข้อนี้ โอ้อวดตรงๆ เลย

ตอบ...
คำว่าโอ้อวด อาจมีหลายความหมาย ที่ข้าพเจ้าบอกไปนั้น ไม่ใช่การโอ้อวด แต่เป็นเครื่องพิสูจน์ ให้ผู้สงสัย หรือคิดว่า ไม่มีจริงดังที่ข้าพเจ้ากล่าว ก็ให้มาพิสูจน์ได้ การพิสูจน์จะเป็นเครื่องยืนยันได้เลยว่า ข้าพเจ้าบรรลุธรรม หรือสำเร็จธรรม ที่ในทางศาสนาพุทธ เรียกว่า อริยะบุคคล ชั้นไหน รับรองรู้ได้อย่างแน่นอน เขามาพิสูจน์ กันเยอะแยะ นะคุณ

มิตรตัวน้อยเขียน
“หลักธรรม และหลักปฏับัติ ที่ข้าพเจ้าได้สอนไปทั้งหมด เป็นหลักธรรม และหลักปฏิบัติ ทาง ศาสนาพุทธ ในที่นี้ข้าพเจ้าจะไม่เอ่ยนามของข้าพเจ้า เพียงให้รู้ว่า นี้หลักปฏิบัติ และหลักธรรม ทางศาสนาพุทธ ขอรับ”

- เคยอ่านนิทานเรื่องหนึ่ง สุนัขจิ้งจอกกลัวคนอื่น สัตว์อื่นไม่กลัว เลยไปเอาหนังราชสีมาคลุมตัว แต่ไม่นาน ความจริงก็ปรากฏ

ข้อแนะนำ : คุณควรเปลี่ยนชื่อนะ ด้วยความปรารถนาดี

เจริญธรรม

ตอบ....
คุณพิจารณาตัวคุณเองเถอะว่า คุณหรือข้าพเจ้าที่มีพฤติกรรมเยี่ยง สุนัขจิ้งจอก ที่เอาหนังราชสีห์ มาคลุมตัว ไปพิจารณาให้ดี
ถ้าจะเปรียบหนังราชสีห์ เป็นความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมทางศาสนารวมไปถึงการปฏิบัติ แล้วละก้อ ข้าพเจ้าก็คือ ราชสีห์ ของจริง เพราะไม่ว่าจะเป็นหลักธรรม คำสอน หรือวิธีปฏิบ้ติ ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าค้นคว้า วิจัย ศึกษา และสร้างเป็นองค์ความรู้
แล้วคุณดูพฤติกรรมของคุณเถอะว่า คุณเปรียบเหมือน สุนัขจิ้งจอกที่เอาหนังราชสีห์ อันเปรียบเหมือนความรู้ ความเข้าใจในทางศาสนา ที่ไม่ใช่ของคุณ แถมยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ มาคลุมตัวคุณหรือไม่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ส่วนชื่อ ของข้าพเจ้า ความจริงแล้ว ข้าพเจ้าจะใช้ชื่อว่า "ศรีอาริยเมตไตรย" ด้วยซ้ำไป ติดที่ว่า อาจมีปัญหา กับทางทีมงาน และเวบฯ ก็เลยใช้ชื่อว่า "buddha" จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน

และขอให้คุณเจริญด้วยความคิดที่ถูกต้องตามหลักความเป็นจริงตามธรรมชาติ อย่าทำตัวเป็นคนเขลาเบาปัญญา แล้วอวดฉลาด ขอรับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มิตรตัวน้อย
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 12 พ.ค. 2008
ตอบ: 48

ตอบตอบเมื่อ: 05 มิ.ย.2008, 1:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สรุปว่า จะเป็นศาสดาองค์ใหม่ องค์ต่อไปว่างั้นเถอะ
เอ..แปลกนะในพุทธประวัติไม่เคยได้ยินว่า พระพุทธเจ้าหรือพระโพธิสัตว์ท่านลงมาแสดงธรรมแข่งกัน หรือมาจับผิดพระธรรมของอีกองค์ว่าล้าสมัยไม่เท่าทันกาล ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ต้องพัฒนา

ที่ว่าให้เปลี่ยนชื่อนั้น เพราะเห็นว่าคุณนั้น กลัวคนอื่นไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา เลยแอบอ้างใช้ชื่อพระพุทธองค์ เปรียบเหมือนสุนัขจิ้งจอก เอาหนังราชสีมาคลุมตัว เพื่อให้สัตว์อื่นเกรงกลัว เชื่อถือ นับว่าน่าอาย

เปลี่ยนชื่อเถอะ เดี๋ยวขี้กลากขึ้นตัว ที่ว่ามีแสงออกจากตัวนะอาจจะมาจากขี้กลากก็ได้นะครับ

เจริญธรรม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 05 มิ.ย.2008, 4:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มิตรตัวน้อย พิมพ์ว่า:
สรุปว่า จะเป็นศาสดาองค์ใหม่ องค์ต่อไปว่างั้นเถอะ

ตอบ....
ฮ่า ฮ่า คุณ ข้าพเจ้าประกาศตัวและหลักธรรมคำสอนมามากกว่า 5 ปีแล้ว ในเวบฯธรรมจักรนี้ก็มี เพียงแต่ว่า ลืมพาสเวิดล์ เลยไม่เข้าหลายเดือน ก็เท่านั้น


มิตรตัวน้อยเขียน......
เอ..แปลกนะในพุทธประวัติไม่เคยได้ยินว่า พระพุทธเจ้าหรือพระโพธิสัตว์ท่านลงมาแสดงธรรมแข่งกัน หรือมาจับผิดพระธรรมของอีกองค์ว่าล้าสมัยไม่เท่าทันกาล ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ต้องพัฒนา

ตอบ...
ฮ่า ฮ่า ฮ่า หลงติดในหนังสือ ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีจริงเป็นจริง แถมยัง ไม่รู้จักศาสนา ไม่เข้าใจศาสนาอย่างคุณ พยายาม จะเอา หนังราชสีห์มาคลุม อย่างไร มันก็แค่สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง ไม่ได้ใช้สมองสติปัญญาคิดพิจารณา ดันจะเอา หลักพรหมชาติ ดูดวงล่วงหน้า มาเกี่ยวข้อง กับศาสนา ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยิ่งเขียนยิ่งเขลาเบาปัญญาเห็นได้ชัดเลยนะคุณ


มิตรตัวน้อยเขียน......
ที่ว่าให้เปลี่ยนชื่อนั้น เพราะเห็นว่าคุณนั้น กลัวคนอื่นไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา เลยแอบอ้างใช้ชื่อพระพุทธองค์ เปรียบเหมือนสุนัขจิ้งจอก เอาหนังราชสีมาคลุมตัว เพื่อให้สัตว์อื่นเกรงกลัว เชื่อถือ นับว่าน่าอาย

ตอบ...
คุณว่าข้าพเจ้าแอบอ้างใช้ชื่อพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ ลำดับที่ 4 นั้น ชื่อว่าอะไรหรือคุณ ชื่อ buddha หรือ คำว่า buddha หรือถ้าเป็นในภาษาไทย ก็ต้องอ่านว่า "พุทธะ " หมายถึง ผู้รู้แล้ว ผู้ตื่นแล้ว ผู้เบิกบานแล้ว"
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าพเจ้าบอกแล้วว่า ให้คุณพิจารณาตัวคุณเอง ให้ดี ไอ้นิทานที่คุณกล่าวว่า สุนัขจิ้งจอก เอา หนังราชสีห์มาคลุม เพื่อต้องการให้ตัวเองมองดูมีอำนาจ มันก็ตัวคุณนั่นแหละ ไม่รู้จริง ไม่รู้เรื่อง เขียนมาแบบคนเขลาเบาปัญญา ไม่รู้ตัวอีกหรือ ใครควรจะรู้จักอาย ฮ่า ฮ่า ฮ่า

มิตรตัวน้อย.....เขียน
เปลี่ยนชื่อเถอะ เดี๋ยวขี้กลากขึ้นตัว ที่ว่ามีแสงออกจากตัวนะอาจจะมาจากขี้กลากก็ได้นะครับ

เจริญธรรม


ตอบ....

เหรอ ขี้กลาก ทำให้เกิดแสงได้เหรอ คุณเรียนมาจากโรงเรียน หรือสถาบันไหนกัน ละ แล้วนับถือศาสนาอะไรกันละ ทำไมถึงได้ ไม่มีสมองสติปัญญา คิดพิจารณาถึงหลักความจริงบ้างเลยหรือ ทั้งโรงเรียน ทั้งสถาบัน ทั้งศาสนาที่คุณนับถืออยู่ ไม่ได้สอนให้คุณ รู้จักใช้สมองคิดพิจารณา หาเหตุผล คิดพิจารณาถึงหลักความจริงบ้างเลยหรือ
หนังหนา อย่างกับหนังพวกเดินเอาลำตัวขวางกับแผ่นดิน ไม่รู้สึกตัวอีก อ่า ฮ่า ฮ่า
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง