Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ธรรม กับ ธรรมชาติ เป็นความหมายเดียวกันหรือ? อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 25 เม.ย.2008, 11:50 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคยได้ยินมาว่า ธรรมะ คือธรรมชาติ และเคยเชื่ออย่างนั้น
แต่ปัจจุบันนี้พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน กระผมมีความเห็นอยู่อย่างนี้ครับ

ธรรมนั้นเป็นส่วนหนึ่ง คือสิ่งที่เป็นอยู่ มีอยู่แล้ว และเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง ตามเหตุ ปัจจัย

ชาติ เป็นอีกส่วนหนึ่ง คือ การเสื่อม ชำรุดทรุดโทรมและการแตกสลายไปในที่สุด

ดังนั้นธรรมชาติในความเห็นของกระผม จึงไม่ใช่ธรรม

ไม่ทราบว่าสหายธรรมทั้งหลายมีความเห็นอย่างไรกันบ้าง?
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
นวโยคี
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 04 พ.ค. 2007
ตอบ: 20
ที่อยู่ (จังหวัด): bkk

ตอบตอบเมื่อ: 25 เม.ย.2008, 2:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บางทีก็ตอบลำบากครับ

อย่างฝนไม่ตก พระเจ้าอยู่หัวท่านก็ทำฝนหลวง เอาเทคนิคทางวิทยาศาสตร์เข้าจัดการ

ก็ทำให้ฝนตกลงมา แบบนี้เรียกว่า การฝืนธรรมชาติ หรือ เรียกว่า หลักการธรรมชาติ ตื่นเต้น

ธรรมชาติฝืนกันได้ แล้วธรรมะสามารถฝืนได้หรือเปล่า ขำ คิดแล้วก็น่าฉงน

ลูกศิษย์พระสารีบุตรจะสิ้นอายุขัยใน 7 วัน พระสารีบุตรให้กลับบ้านไปลาพ่อแม่

ระหว่างทางได้ช่วยชีวิตปลาให้รอดตาย ก็ปรากฎว่าตนเองเลยรอดตายเช่นกัน

แบบนี้เรียกว่า ฝืนกรรมได้ หรือว่า เป็นไปตามกรรมที่ทำ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 25 เม.ย.2008, 3:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มนุษย์เรียนรู้ธรรมชาติ เมื่อเรียนรู้แล้ว ก็ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เรียนรู้นั้น
ให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เพื่อให้บังเกิดผลตามที่ตนต้องการ เช่น ฝนหลวง พระองค์เรียนรู้ธรรมชาติว่าสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี ...ก็จึงผลิตสาร...นำขึ้นไปโปรยในอากาศ ให้พอเหมาะพอดีสอดคล้องกันกับธรรมชาตินั้น ก็จึงเกิดผลขึ้นมา

กระบวนการธรรมชาติหน้าที่ของเราคือต้องรู้ ส่วนการปฏิบัติเราทำตามข้อกำหนดหรือรายละเอียดที่วางขึ้นตามความรู้นั้น

มนุษย์เรียนรู้ว่า น้ำจะแข็งตัวจะต้องถึงจุดความเย็นเท่านั้นเท่านี้องศา เครื่องทำน้ำแข็งจึงเกิดขึ้นจากการเรียนรู้นั้น น้ำแข็งจะละลาย จะต้องถึงจุดความร้อนเท่านี้องศา ฯลฯ

วกเข้าหาธรรมะซึ่งก็คือธรรมชาตินั่นแหละ มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
รวมอยู่ในธรรมชาติ แต่พิเศษที่มีสมองมีจิตใจ พระพุทธเจ้ารู้ เมื่อรู้แล้วจึงวางหลักสำหรับปฏิบัติซึ่งก็ได้แก่มรรค หรืออุบายสำหรับปฏิบัติขึ้นมาสำหรับปฏิบัติเพื่อให้มนุษย์พ้นจากความทุกข์

แต่ผู้ที่ปฏิบัติแล้วไม่ได้ผล หรือได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจ น่าจะปฏิบัติฝืนธรรมหรือฝืนธรรมชาติ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ชินภพ พิมพะกร
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 ธ.ค. 2006
ตอบ: 67

ตอบตอบเมื่อ: 25 เม.ย.2008, 6:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การพิจารณาความหมายของคำ หากติดตามหลักบัญญัติ และนำเอากระบวนการสมาส มาจับองค์รวมทำให้เกิดความเข้าใจในความหมายที่แตกต่าง ธรรมชาติเป็นคำคำเดียวครับ มิได้เกิดจากการประสมคำโดยการสมาสใด ๆ ธรรมชาติมีความหมายในตัวตามที่เล่าเรียนกันมา หรือตามที่เข้าใจดั่งที่คุณกรัชกายได้กรุณาให้ความรู้

แล้วหากเราพิจารณาอย่างนี้ล่ะครับ ธรรมคือส่วนหนึ่งที่มีอยู่ เป็นอยู่ เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตามเหตุปัจจัย ซึ่งมีเกิดมีดับ เมื่อมีรวมตัวก็ต้องมีแตกสลาย สูงสุดคืนสู่สามัญ

ชาติ คือ การเสื่อม ชำรุดทรุดโทรม และแตกสลายในที่สุด ดังนี้ก็น่าจะเป็นความสอดคล้องกัน
องค์รวมคือความมีอยู่ เคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย มีเกิดมีดับ มีเติบโต มีเสื่อม มีรุ่งเรือง มีทรุดโทรม ซึ่งแม้แต่พระพุทธศาสนาเอง พระพุทธเจ้าท่านยังทรงตรัสว่าหนีไม่พ้นกฎนั้น ดั่งนี้แล้ว ธรรม คือ ธรรมชาติ

เห็นอย่างไร รบกวนแนะนำ จักเป็นพระคุณครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 26 เม.ย.2008, 1:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

natdanai พิมพ์ว่า:
เคยได้ยินมาว่า ธรรมะ คือธรรมชาติ และเคยเชื่ออย่างนั้น
แต่ปัจจุบันนี้พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน กระผมมีความเห็นอยู่อย่างนี้ครับ

ธรรมนั้นเป็นส่วนหนึ่ง คือสิ่งที่เป็นอยู่ มีอยู่แล้ว และเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง ตามเหตุ ปัจจัย

ชาติ เป็นอีกส่วนหนึ่ง คือ การเสื่อม ชำรุดทรุดโทรมและการแตกสลายไปในที่สุด

ดังนั้นธรรมชาติในความเห็นของกระผม จึงไม่ใช่ธรรม

ไม่ทราบว่าสหายธรรมทั้งหลายมีความเห็นอย่างไรกันบ้าง?


ตอบ...
ถ้าจะตอบคำถามของคุณแบบตรงไปตรงมา
ธรรมะ
กับ ธรรมชาติ ย่อมเป็นคนละความหมายกัน
แต่ถ้าจะอธิบายอย่างละเอียด เอาแบบให้เกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว
ธรรมะ มาจาก ธรรมชาติ ขอรับ
เพราะ ธรรมะ คือคำสอน ในทางศาสนา
ส่วนคำว่า ธรรมชาติ หมายถึง ปรากฏการณ์ หรือ พฤติกรรม หรือการดำเนินชีวิต ของสรรพสิ่งทั้งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต หรือจะเรียกว่า ระบบนิเวศน์ของสิ่งที่ชีวิต และไม่มีชีวิต อันหมายรวมถึง สภาพลมฟ้าอากาศ สภาพภูมิประเทศ ฯลฯ อีกด้วย
ดังนั้น
ธรรมะ คือ คำสอน ในทางศาสนา ธรรมะ ก็คือ ปรากฏการณ์ หรือพฤติกรรม หรือการดำเนินชีวิต ของสรรพสิส่งทั้งที่มีชีวต และไม่ชีวิต จะเรียกว่า ธรรมะ คือ ระบบนิเวศน์ของสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิต อันหมายรวมถึง สภาพลมฟ้าอากาศ สภาพภูมิประเทศ ด้วยเช่นกัน

เพราะธรรมะคือ คำสอนในทางศาสนาล้วนนำมาจาก ธรรมชาติแห่งสรรพสิ่ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง