Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ทางเลือกระหว่าง พุทธภูมิ และ สาวกภูมิ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ค.2008, 1:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วิสัชนา โดยท่าน สันตินันท์
(พระปราโมทย์ ปาโมชฺโช ในปัจจุบัน)

จาก http://www.bangkokmap.com/pm/content/view/228/41/



พวกเราหลายท่านมีจิตใจฝักใฝ่ไปในทางจะเป็นพระโพธิสัตว์บ้าง หรือยังลังเลว่าตนกำลังเดินไปสู่พุทธภูมิ หรือสาวกภูมิ กันแน่บ้าง
(เช่นจะไปสู่พุทธภูมิก็กลัวภัยในสังสารวัฏ เบื่อหน่ายที่ต้องเดินทางไกลบ้าง
ครั้นจะดำเนินไปสู่สาวกภูมิ ก็สงสารสัตว์โลกบ้าง เสียดายว่ามีความรู้น้อยไปบ้าง เสียดายความอหังการ์ในอันที่จะเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง)


เป็นการยากที่เราจะทราบว่า เราบำเพ็ญบารมีมาในเส้นทางใด และที่ว่าเป็นพระโพธิสัตว์นั้น ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วหรือยัง ในเมื่อเราไม่มีญาณที่จะระลึกรู้ได้ ก็จำเป็นต้องสังเกตจิตตนเองเอาครับ


จากประสบการณ์ของผม คนที่ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า เพราะความอยากใหญ่ก็ดี เพราะปรารถนาในความรอบรู้ก็ดี หรือด้วยเหตุอื่น นอกเหนือจากมหากรุณาของจิตต่อสรรพสัตว์ก็ดี มักจะเดินแนวพุทธภูมิไม่ตลอดรอดฝั่ง


ความอยากใหญ่ อยากรู้ ฯลฯ มันมีรากฐานอยู่บนโลภะและตัณหา ซึ่งเป็นของร้อน
ส่วนมหากรุณามีรากฐานอยู่บนกุศลจิต ซึ่งเป็นความชุ่มเย็นที่หล่อเลี้ยงจิต คุณภาพของจิตจึงแตกต่างกันมาก

ความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าด้วยแรงขับของอกุศลนั้น เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ที่เผ็ดร้อนแล้ว ก็มักจะท้อถอย ดังนั้น ถ้าสำรวจจิตตนเองพบว่าปรารถนาพุทธภูมิด้วยแรงขับของอกุศล ก็เลิกคิดเถอะครับ เพราะจะเสียเวลาโดยใช่เหตุ ไม่เลิกวันนี้ ก็ต้องไปเลิกในวันหนึ่งข้างหน้าอยู่ดี


เราคงได้ยินบ่อยๆ ว่า พระโพธิสัตว์ไม่กลัวนรก อันนั้นท่านไม่กลัวเพราะมหากรุณาครับ ไม่ใช่ว่าไม่กลัวเพราะกิเลสหนาปัญญาหยาบ เหมือนเมื่อหลายปีก่อน แถวๆ ปิ่นเกล้า รถรับส่งนักเรียนเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ มีตำรวจคนหนึ่งพยายามช่วยเด็กจนตัวเองถูกไฟลวกยับเยิน และหยุดช่วย เมื่อคิดว่าช่วยเด็กออกมาหมดแล้ว โดยไม่ทราบว่า มีเด็กติดค้างอีก 2 คน ตำรวจนี้ให้สัมภาษณ์ด้วยความเสียใจว่า นึกว่าช่วยเด็กออกมาหมดแล้ว ถ้าทราบ ก็จะต้องพยายามช่วยต่อไปอีก เพราะ "สงสารเด็ก" มหากรุณาชนิดนี้แหละครับ ที่ทำให้กล้าฝ่าไฟนรกได้


ลองวัดใจตนเองดูเถิดครับว่า ปรารถนาพุทธภูมิเพราะอะไรแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะมหากรุณาแล้วละก็ อย่าไปคิดถึงพุทธภูมิเลยครับ จะเนิ่นช้า แล้วก็ไปไม่รอดในภายหลัง


อีกประการหนึ่ง หากยังไม่แน่ใจว่า เราเป็นพระโพธิสัตว์หรือไม่ ก็ไม่ควรลังเลใจที่จะเร่งปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ เพราะถ้าเป็นพระโพธิสัตว์จริง ก็จะได้มีบารมีเต็มเปี่ยมเร็วๆ ถ้าไม่เป็นพระโพธิสัตว์ จิตก็จะได้เข้าถึงวิมุตติหลุดพ้นเร็วๆ


เร่งปฏิบัติเข้า มีแต่ได้กับได้ครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ค.2008, 1:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“ คนที่ปฏิบัติเพื่อเป็นอรหันต์ กับคนปฏิบัติเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ อันไหนจะดีกว่ากัน อันไหนสูงกว่ากัน “



หลวงปู่ ชา สุภัทโท ท่านเคยอธิบายไว้ดังนี้ครับ

(ท่าน อ.ชยสาโร ถ่ายทอดมาอีกทีหนึ่ง)

จาก http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/003544.htm


พุทธศาสนาเป็นเรื่องของการรับผิดชอบ ไม่ใช่รับแต่ชอบไม่รับผิด ต้องรับทั้งสองอย่าง

เราต้องพยายามปรับปรุงแก้ไขตัวเองไปเรื่อยๆ จนกว่าจะอ่อนน้อมถ่อมตนแล้วก็ทำความดี
แต่ว่าทำความดี เพื่อความดี ทำความดีเพราะรักความดี แต่ไม่ได้ทำเพื่อจะเป็นคนดี
ก็ถ้าเราเป็น คนดี แล้วจะเป็นทุกข์

หลายปีที่แล้วมา หลวงพ่อชา ลงไปเยี่ยมวัดชิตเฮิร์สท์ที่อังกฤษ มีอุบาสกคนหนึ่งที่เคยศึกษาธรรมะฝ่ายมหายานมาถามหลวงพ่อชา เรื่องการปฏิบัติว่า
“ คนที่ปฏิบัติเพื่อเป็นอรหันต์ กับคนปฏิบัติเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ อันไหนจะดีกว่ากัน อันไหนสูงกว่ากัน “
หลวงพ่อชาตอบว่า “ อย่าเป็นอะไรเลย พระอรหันต์ก็อย่าเป็นเลย พระโพธิสัตว์ก็อย่าเป็นเลย แม้พระพุทธเจ้าก็อย่าเป็นเลย เป็นอะไรแล้วก็ต้องเป็นทุกข์ทันที “

คืออย่าเป็นคนดี อย่าไปถึงระดับนั้น
เป็นคน อย่าเป็นคนดี ถ้าเป็นคนดีแล้วต้องรำคาญคนไม่ดี ทุกวันนี้คนที่ไม่ดีมากกว่าคนดีเยอะ ไปที่ไหนก็กลุ้มใจ มีแต่ความไม่พอใจ เหมือนกับคนที่สูบบุหรี่เลิกแล้วดูคนอื่นสูบ ก็ไปเทศน์ให้เขาฟัง นี่เรียกว่าติดดี ท่านไม่ให้ติด แม้จะเป็นความดีท่านก็ไม่ให้เราติด เพราะว่าความติดเป็นทุกข์ สร้างความทุกข์ใจ

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตามรอย
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 16 เม.ย. 2008
ตอบ: 109
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงใหม่

ตอบตอบเมื่อ: 04 พ.ค.2008, 11:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตรงประเด็น

สาธุสะ
ขอขอบพระคุณในบทความที่เปี่ยมด้วยความหวังดี
เท่าที่อ่านมาเข้าตัวเองหมดเลย ที่ว่าเคยสูบบุหรี่
แล้วเลิกไปเทศน์คนอื่นฟังยิ่งตรงใหญ่เลย
ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนดี
(ตลอดมาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดี ยิ้มเห็นฟัน )

อานาปานสตินี่เจริญยากจริงๆ ใครมีวิธีช่วย
แนะนำทีครับ

เจริญธรรม
 

_________________
อย่าประมาทลืมตน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง