Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ปวดหัวทำงัยถึงจะหาย อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เชียงใหม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ย. 2006, 3:39 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หนูอยากจะถามแม่ชีว่า ถ้าหนูไม่ได้เลี้ยงดูพ่อ-แม่ หนูจะเป็นกรรมหนักไหมคะ (แต่หนูอยู่ที่บ้านหนูมีการปฎิบัติอยู่ที่บ้านนุ่งขาวห่มขาวอยู่ที่บ้าน ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิอยู่ที่บ้านแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมในเวรใ ห้บิดา-มารดาได้ไหมคะ) หนูมีอาการปวดหัวมากๆ เลยแทบจะอาเจียนทุกครั้งต้องอยู่ในที่มีเสียงพระสวดไม่งั้นอาการก็จะไม่หาย หนูก็ไม่เข้าใจอาการนี้จะเป็นมาตลอด หนูเป็นมาเป็นเวลา 6 ปี แล้วที่หนูรักษาไม่หาย ไปหาหมอหมอก็เอายาให้กินแต่มันก็ไม่หายเป็นเวลา 6 ปีแล้ว
 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ย. 2006, 3:12 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กราบสวัสดี คุณเชียงใหม่

บิดามารดาเป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ คุณเป็นบุตรสมควรอย่างยิ่งที่ต้องมีความกตัญญูกตเวทิตาสนองพระคุณท่านเมื่อยามท่านยังมีชีวิตอยู่ เลี้ยงดูท่านเมื่อท่านชรา ควรดูแลปรนนิบัติเมื่อยามท่านเจ็บป่วย กรรมแน่นอนหากคุณนิ่งดูดายทั้งๆที่ทราบดีอยู่แก่ใจ นุ่งขาวห่มขาวปฏิบัติธรรม หากจิตใจไม่สงบบริสุทธิ์ การแผ่เมตตาก็ไร้ความหมาย แผ่เมตตาต้องแผ่จากจิตจากใจที่ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข ไม่ใช่ท่องอย่างเดียว

อาการปวดหัวนี่ หากไม่เคยนำตัวเข้าไปสู่พิธีกรรมการครอบครู ครอบเศียร ครอบขัน หรือลงกระหม่อม ฯ ก็ไม่น่าจะเกิดอาการปวดเป็นเวลานานหลายปีเช่นนี้ได้ หากมีหูฟังแบบดีเจก็ให้ฟังเสียงสวดมนต์ หรือเสียงเทศน์โดยใช้หูฟัง มีสติระลึกรู้อยู่ตรงหูที่ได้ยินเสียง จะสามารถแก้ไขอาการดังกล่าวได้ หากยังไม่หายให้ฟังบ่อยๆ อาการดังกล่าวจะหายไปเอง ที่มาตอบกระทู้นี่ในฐานะกัลยาณมิตร แต่ไม่ได้เป็นแม่ชีนะคะ

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา
ผีเสื้อ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ปิงปอง ม.ราม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ย. 2006, 8:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองทำบุญด้วยยาแก้ปวดหัวดูอาจะช่วย ผมคิดอาจจะเป็นเพราะกรรมเก่ามาทวงเอา ทำเสมอๆเลยก็ดีเป็นการสร้างกุศลให้กับตัวเองด้วย
 
พระจันทร์ยิ้ม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ย. 2006, 12:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การกระทำใดๆย่อมขึ้นอยู่กับเจตนาที่แท้จริง

อาการปวดหัวย่อมมีสาเหตุ หากมิใช่เกิดจากทางกายผิดปกติโดยตรง ย่อมเกิดจากทางจิตใจ ความคิด จึงทำให้กายผิดปกติดังที่เป็น

ควรรักษาทั้งทางกาย ทางแพทย์ปัจจุบัน ทานยาตามอาการที่แพทย์สั่ง และรักษาทางใจ หมั่นปฏิบัติธรรม พิจารณาธรรมที่เกิดขึ้น ว่าเป็นทุกขเวทนา มีเกิด ก็ย่อมมีดับไปเอง เพื่อให้ใจผ่อนคลาย มิเป็นทุกข์ร้อนกับอาการปวดหัวมากขึ้นไปอีก

คำแนะนำจากประสบการณ์ส่วนตัว
เมื่อปวดหัวให้ทำสมาธิให้นิ่งสักพักและจับอาการปวดหัวให้ได้ว่าอยู่บริเวณใด ลักษณะเป็นอย่างไร วนเวียนไปมาอย่างไร เป็นต้น รับรู้อาการนั้น จนชัดเจน จากนั้นให้ลองนึกด้วยการโน้มจิต ให้อาการดังกล่าวเป็นเปรียบเสมือนน้ำเสียที่อยู่ในหัวเรา แล้วค่อยๆโน้มจิต( นึก ) ดันให้มันระบายไหลลงมาจากหัว ไหลลงผ่านท้ายทอย ผ่านต้นคอด้านหลัง ผ่านแกนกระดูกสันหลัง เรื่อยลงมาถึงก้นกบ ให้พยายามจับความรู้สึกที่ก้นกบสักพัก แล้วจึงดันให้ไหลวนกลับขึ้นไปผ่านท้องน้อย ผ่านสะดือ ผ่านหน้าอก ผ่านคอ ผ่านคาง ผ่านลิ้น ผ่านเพดานลิ้น ผ่านจมูก ผ่านกลางหน้าผาก และกลับไปที่กลางกระหม่อม แล้วให้จับความรู้สึกที่กลางกระหม่อมสักพัก จึงดันให้ความปวดนั้นไหลลงมาอีกตามขั้นต้น เมื่อทำจนคล่องจะเหมือนกับความปวดหรือน้ำเสียนั้นมันวิ่งไหลลงและขึ้นเป็นวงอย่างต่อเนื่อง ช่วงแรกให้ทำเช่นนี้สักประมาณ 10 นาที จึงหยุด แล้วให้โน้มจิตมาจับที่ลมหายใจเข้าออก ให้นึกถึงอาการปวดหัวหรือน้ำเสียให้ระบายออกไปกับลมหายใจออก และตอนหายใจเข้า ให้นึกว่าได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ น้ำที่บริสุทธิ์ บุญบารมีและสิ่งดีๆทั้งหลายทั้งปวงที่เราได้เคยกระทำไว้ ให้ไหลเข้ามาสู่ร่างกายของเรา เพื่อขจัดสิ่งไม่ดี อาการปวดหัว ให้หายออกไป

ขออภัยที่เขียนมายาวหน่อย วิธีนี้เป็นหลักการของการเดินลมปราณภายในร่างกายในเบื้องต้นที่ผมปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับสมดุลในร่างกาย ซึ่งอาจจะพอนำมาประยุกต์ให้ลองปฏิบัติดูเผื่อว่าจะพอช่วยบรรเทาได้บ้างอีกทางหนึ่ง

ขอเป็นกำลังใจให้เป็นปกติสุขในเร็ววัน
 
พระจันทร์ยิ้ม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ย. 2006, 12:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เพิ่มเติม

หากจะลองปฏิบัติตามที่แนะนำ ขอให้ปฏิบัติด้วยใจผ่อนคลาย ไม่ต้องเคร่งเครียด ไม่เร่งรีบ รับรู้ได้เท่าไรก็เท่านั้น ค่อยเป็นค่อยไป หายก็ช่าง ไม่หายก็ช่าง ไม่หวังใดๆ ผู้แนะนำก็มิได้หวังสิ่งใดๆจากคำแนะนำนี้เช่นกัน ขอให้ผ่อนคลาย ปล่อยวางจากสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นทั้งหมดทั้งปวง ไม่ว่าบาป ไม่ว่าบุญ ไม่ว่าความเลว หรือความดีใดๆ
 
แมวขาวมณี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2006, 10:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบุญกุศลของข้าพเจ้าจงสำเร็จแก่คุณ ...เชียงใหม่..

ขอให้คุณเชียงใหม่มีความสุข ปราศจากทุกข์ทั้งปวงเทอญ

สาธุ
 

_________________
พฤษภกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง