Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พระสิวลี วัดวิสุทธาราม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ปักเป้า
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2007
ตอบ: 6
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 03 ม.ค. 2008, 9:14 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระสิวลี (มหาสาวก)
ภิกษุผู้เป็นเลิศในด้านสักการะ

พระสิวลีนับเป็นสาวกสำคัญรูปหนึ่งของพระพุทธองค์และนับเป็นพระอริยะสำคัญรูปหนึ่งของชาวพุทธศาสนา เพราะท่านมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยเผยแพร่พระพุทธศาสนาในยุคต้นๆ ประวัติของท่านจึงมีการกล่าวถึงในคัมภีร์ทางพุทธศาสนา หากคุณไปวัดสักแห่ง จะพบรูปพระที่มีลักษณะกำลังเดินธุดงค์ คือ อยู่ในท่ากำลังเดิน แบกกลดไว้บนบ่า สะพายย่ามข้างในใส่บริขารและถือไม้เท้า นั่นแหละพระสิวลีพระอริยสาวกสำคัญรูปหนึ่งของพระพุทธเจ้า และ เป็นอริยสาวกรูปหนึ่งที่ถูกเลือกมาเป็นต้นแบบหรือองค์ยึดในการทำพระเครื่องหรือวัตถุมงคลเพราะความเด่นเฉพาะตัวของท่าน กล่าวคือท่านเด่นหรือเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางมีโชคลาภมาก

ลักษณะของพระสิวลีที่เราได้เห็นๆ กันอยู่ในปัจจุบัน เป็นลักษณะการสร้างที่ยึดแบบมาจากโบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าได้เริ่มสร้างกันครั้งแรกในที่ใด หมายถึงในประเทศไทย หรือ ในประเทศอินเดียก่อน เหมือนอย่างพระพุทธรูป แต่สันนิษฐานกันว่าน่าจะเริ่มสร้างจากประเทศอินเดียก่อน และคงจะเป็นพราหมณ์เป็นต้นคิด ซึ่งพระสีวลีเป็นที่เคารพบูชาอย่างสูงของชาวอินเดียแต่โบราณ ตั้งแต่เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่แว่นแคว้นใด เกิดทุพภิกขาภัย คือ เกิดความอดอยาก แห้งแล้ง หากท่านธุดงค์ผ่านไปความอดยากแห้งแล้ง ก็จะอันตรธานไปทันที ข้าวปลาอาหารก็จะอุดมสมบูรณ์ เพราะเหตุนี้ท่านจึงถูยกย่องเป็นผู้เลิศในทางโชคลาภ ฉะนั้นจึงอาจจะเป็นไปได้ว่าเมื่อท่านนิพพานแล้ว และเมื่อมาถึงยุคที่เริ่มสร้างพระพุทธรูป ในคราวที่แว่นแคว้นต่างๆ ในอินเดียเดือดร้อนเรื่องข้าวปลาอาหาร อาจจะมีพราหมณ์ หรือ ผู้นำในชุมชนนั้นๆ ได้ริเริ่มสร้างรูปสักการะของพระสิวลีขึ้นมา เพื่อให้เป็นสัญญาณแห่งความอุดมสมบูรณ์ เมื่อชาวอินเดียโบราณ นิยมทำกันแบบนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชาวไทยเราจะไปรับอย่างมาบ้าง ก็ในเมื่อวัฒนธรรมส่วนใหญ่ของเรารับแบบอย่างมาจากอินเดียแทบทั้งสิ้น

ด้วยเหตุดังกล่าว จึงเป็นไปได้ว่า รูปสักการะของพระสิวลีได้สร้างขึ้นที่ประเทศอินเดียก่อน แต่ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานมายืนยันข้อสันนิษฐานนี้ ฉะนั้นข้อสันนิษฐานนี้อาจจะผิดพลาดก็ได้ แต่จะผิดหรือไม่ก็ช่างเถอะ เพราะการสร้างก่อนหลัง ไม่ใช่สาระสำคัญในเรื่องนี้ เอาเป็นว่าประเทศไทยก็นิยมสร้างรูปสักการะพระสิวลีมาแต่โบราณเช่นกัน และรูปแบบที่สร้างก็ไมแตกต่างจากในปัจจุบันมากนัก

ว่ากันเฉพาะในประเทศไทย จะเริ่มสร้างมาตั้งแต่สมัยใด ใครเป็นเป็นผู้ริเริ่มสร้างก็ไม่ปรากฏหลักฐาน หลักฐานที่ค้นพบมีเพียงว่า ได้มีการสร้างมาช้านนานแล้ว อย่างน้อยก็ก่อนที่จะมีปูนซีเมนต์ใช้ เพราะพบรูปแกะสลักของพระสิวลีที่ทำจากไม้ในหลายๆ ที่และพบรูปปั้นโบราณโดยใช้แก่นไม้เป็นโครงสร้างในหลาย ๆที่ ว่ากันเฉพาะส่วนที่เป็นพระเครื่องก็พบตั้งแต่สมัยทำจากดินเผา ไม้แกะสลัก มาถึงเหรียญอย่างในปัจจุบัน

วัตถุประสงค์การสร้างรูปสักการะพระสิวลีในประเทศไทย ก็คงไม่แตกต่างไปจากประเทศอินเดียแน่นอน คือมีความเชื่อในเรื่องความมีโชคลาภของท่าน

ในปัจจุบันพูดได้ว่าพระสิวลีเป็นต้นแบบของวัตถุมงคงในทางโชคลาภ ไม่ทราบว่าท่านผู้ใดได้ริเริ่มสร้างวัตถุมงคลพระสิวลีขึ้นมา ส่วนจะเริ่มจากประเทศไทย หรือ ประเทศอินเดีย ก็ไม่มีปรากฏหลักฐาน แต่หลักฐานที่พอค้นพบสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในประเทศไทยเป็นแห่งแรก และคงจะสร้างโดยพระภิกษุในพุทธศาสนาอาจจะโดยการร่วมมือของพราหมณ์หรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ต้องสร้างตามคัมภีร์ของพราหมณ์ คือมีการบวงสรวงเทวดา มีการปลุกเสก ลงคาถาอาคม
พบว่าตามวัดต่างๆ ในประเทศไทยได้สร้างวัตถุมงคลพระสิวลีมาแต่โบราณ และพระเครื่องพระสิวลีนั้นก็ได้รับความนิยมมาแต่โบราณเช่นกัน

ประวัติความเป็นมา
พระสีวลี เป็นพระราชโอรสของพระนางสุปปวาสา ผู้เป็นธิดาของพระเจ้ากรุงโกลิยะ ตั้งแต่พระ สีวลีได้ปฏิสนธิถือกำเนิดในครรภ์พระมารดา ได้เกิดมีลาภสักการะแก่พระมารดาเป็นอันมาก เนื่องด้วยบุญของพระสีวลี แต่อยู่ในครรภ์พระมารดาถึง ๗ปี ๗เดือน ๗วัน เนื่องด้วยกรรมที่เคย ทำมา เมื่อเวลาที่พระนางประสูติ พระนางได้เสวยทุกขเวทนาเป็นอย่างมาก จึงขอให้ พระสวามีไปกราบบังคมทูลขอพรจากพระบรมศาสดา พระบรมศาสดาจึงประทานพรให้แก่พระนางว่า ขอพระนางสุปปวาสา พระราชธิดาแห่งพระเจ้ากรุงโกลิยะ จงเป็นหญิงมีความสุข ปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระราชโอรสผู้หาโรคมิได้เถิด ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธานุภาพ ทุกขเวทนาของพระนางก็อันตรธานไป พระนางประสูติพระราชโอรสอย่างง่ายดาย ดุจน้ำไหลออกจากหม้อ พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานพระนามพระราชโอรสของพระนางสุปปวาสาว่า สีวลีกุมาร เมื่อพระนางสุปปสาวามีสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว มีพระประสงค์ที่จะถวายมหาทานติดต่อกันเป็นเวลา ๗ วัน จึงบอกความประสงค์แก่พระสวามีให้ทราบเพื่อกราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ มารับมหาทานอาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวสน์ ตลอดทั้ง ๗ วัน ในวันถวายมหาทานนั้น สีวลีกุมาร มีพระวรกายเข้มแข็งดุจกุมารผู้มีพระชนม์ ๗ พรรษา ได้ช่วยพระบิดาและพระมารดาจัดแจงกิจต่าง ๆ มีการนำธมกรก (ธะมะกะหรก = กระบอกกรองน้ำ) มากรองน้ำดื่ม และได้ถวายพระพุทธเจ้าและเหล่าพระภิกษุสงฆ์ ในขณะที่พระสีวลีช่วยงานพระบิดาและพระมารดาอยู่นั้น พระสารีบุตรได้สังเกต ดูพระสีวลีอยู่ตลอดเวลา และเกิดความรู้สึกพอใจพระสีวลีเป็นอย่างมาก เมื่อถึงวันที่ ๗ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย พระสารีบุตรจึงเข้าไปสนทนากับพระสีวลีและชักชวนให้บวช ส่วนพระสีวลีเป็นผู้มีจิตใจน้อมไปในทางที่จะบวชอยู่แล้วเมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้ไปกราบทูลขออนุญาตจากพระบิดาและพระมารดา พระบิดาและพระมารดา อนุญาต พระสีวลีจึงได้ตามพระสารีบุตรไปยังอาศรมแล้วจึงบวช

บรรลุมรรคผล
เมื่อพระสีวลีบวชแล้วพระสารีบุตรซึ่งเป็นผู้บวชให้จึงให้กรรมฐานเบื้องต้น คือ ตจปัญจกกรรมฐานทั้ง ๕ ได้แก่ เกสา(ผม) โลมา(ขน) นขา(เล็บ) ทันตา(ฟัน) ตโจ (หนัง) ให้พิจารณาของทั้ง ๕ เหล่านี้ว่าเป็นของไม่งามเป็นของสกปรก ไม่ควรเข้าไปยึดติดหลงใหลในสิ่งเหล่านี้ พระสีวลี ได้ฟังพระกรรมฐานนั้นแล้วนำไปพิจารณาในขณะที่กำลังจับมีดโกนเพื่อโกนผมครั้งแรกนั้นท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน โกนผมครั้งที่ ๒ ท่านได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี โกนลงครั้งที่ ๓ ท่านได้บรรลุเป็นพระอนาคามี และเมื่อโกนผมเสร็จ ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์

พระพุทธองค์และหมู่ภิกษุอาศัยบุญพระสีวลี
ในสมัยหนึ่งพระบรมศาสดาได้เสด็จพร้อมพระภิกษุสงฆ์ ๕00 รูป ไปสู่ป่าตะเคียนเพื่อเยี่ยม พระเรวตะซึ่งเป็นน้องชายพระสารีบุตร ในระหว่างทางมีทางแยกสองทางพระอานนท์ได้ทูลแก่ พระบรมศาสดาว่า ทางแยกทางหนึ่งเดินอ้อมไป ๖0 โยชน์ เป็นหมู่บ้านคนพระภิกษุจะไม่ลำบาก แต่ถ้าเดินลัดไปอีก ทางหนึ่งระยะทาง ๓0 โยชน์ จะเต็มไปด้วยอมนุษย์เป็นที่ลำบากแก่พระภิกษุสงฆ์พระบรมศาสดาได้ตรัสถามพระอานนท์ว่าดูกรอานนท์ พระสีวลีมาด้วยรึเปล่า พระอานนท์ทูลตอบว่า มาด้วยพระพุทธเจ้าข้าพระบรมศาสดาจึงตรัสว่าดูก่อนอานนท์ ถ้าอย่างนั้นก็จงไปทางลัด ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลด้วยอาหารบิณฑบาต เพราะเทวดาทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ในป่าระหว่างทาง จะจัดสถานที่พักและอาหารบิณฑบาตไว้ถวายพระสีวลีผู้เป็นที่เคารพนับถือของพวกตน เราทั้งหลายก็จะได้อาศัยบุญของ พระสีวลี นั้นด้วย

ได้รับยกย่องในทางผู้มีลาภมาก
ด้วยอำนาจผลบุญของพระสีวลีที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่ชาติก่อน เป็นปัจจัยส่งผลให้ท่านเจริญด้วยลาภสักการะ โดยมีเทพยดานาค ครุฑ มนุษย์ นำมาถวายอย่างไม่ขาดตกบกพร่องไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ด้วยเหตุนี้พระสีวลีจึงได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านลาภสักการะ เป็นหนึ่งในมหาสาวก ซึ่งได้ช่วยแบ่งเบาภาระพระศาสดาและได้ช่วยงานพระศาสนาเป็นอย่างมาก ท่านดำรงชีพอยู่สมควรแก่กาล ก็ดับขันธ์ปรินิพพาน

กรรมของพระสีวลี
เหตุที่ต้องอยู่ในครรภ์พระมารดานาน ถึง ๗ปี ๗เดือน ๗วัน ก็เพราะ ในอดีตชาติ ท่านได้บังเกิดเป็นกษัตริย์ ได้ยกทับไปตั้งค่ายล้อมเมืองอื่น โดยไม่ให้ประชาชนได้ออกมาจากเมืองถึง ๗ปี๗เดือน๗วันด้วยเหตุนี้เอง เมื่อผลกรรมส่งผลในชาติที่เกิดเป็นพระสีวลีจึงต้องอยู่ในครรภ์ของพระมารดาถึง๗ปี ๗เดือน ๗วัน
คำบูชาพระธาตุพระสิวลี
อะหัง วันทามิ สีวลีธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส
คาถาบูชาพระสิวลี (หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท)
สีวะลี จะ มะหาเถโร ปัจจะยะลาภะปูชิโต มะนุสโสเทวะตาอินโท
พระมายะโม ยักขาวา ปิตัสสะ นิรันตะรัง ปะนะ ลาภะ สักการเรอาเน็นติ
นิจจัง สิวะลิดเถรัสสะลาโภจะ สักกาโร โหติ สีวะลีมะหาเถรันจะปูชะกัสสะ
สะทาวาปิ คาถันจะ สังวัดตะนัสสะลาโภจะ สักกาโรโหติเถรัสสะ อานุภาเวนะ
ลาโภเมโหตุสัพพะทาเอเตนะ สัจจะวัดเชนะ ลาโภเมโหตุ สัพพะทาฯ (๑จบ)
สีวะลี จะ มะหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ
สีวะลี จะ มะหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหังวันทามิ ตัง สะทา
สีวะลี เถรัสสะ เอตังคุณัง สวัสดิลาภัง ภะวันตุ เมฯ(๓จบ)

คำอาราธนาพระสิวลี
สีวะลี จะ มะหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห
ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา
สีวะลี จะ มะหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห
ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา สีวะลีเถระคุณัง เอตัง โสตถิลาภัง ภะวันตุ เมฯ

คำบูชาพระสิวลี
อิมินา สักกาเรนะ สีวลีเถรัง อะภิปูชะยามิ
เมื่อบูชาแล้วกำหนดภาวนาในใจว่า
สีวลี จะ มะหาเถโร อินโท พรัมมาจะ ปูชิตัง สัพพะลาภัง ประสิทธิเม
เถรัสสะ อานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุเมฯ
คำอธิษฐานขอลาภจากพระสิวลี (แต่งโดยหลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ) คำไหว้บูชาขอลาภจากพระฉิมพลี (พระสีวลีเถระ) มีดังนี้
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
สีวะ สีมะหา เถรัง วันทามิหัง สีวะ สีมะหา เถรัง วันทาหัง
สีวะ สีมะหา เถรัง วันทามิหัง มะหาสีวลี เถโร มะหาลาโภ โหติ
มะหาสีวลี เถโร ลาภัง เม เท ถะ
พระคาถาหัวใจพระฉิมพลี
สาธุ สิวลีจะมหาเถโร
นะชาลิติ ปะสิทธิลาภา ปะสันนะจิตตา สะทา โหนติ ปิยัง มะมะ สัพเพชะนา พะหูชะนา สัพเพทิสา สะมาคะตา กาละโภชะนา วิภาละโภชะนา อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ ปิยัง มะมะ
คาถาบูชาพระสิวลี (แบบย่อ)
“สีวลี จะ มหาเถโร ชัยยะสิทโธ มหิทธิโก เถรัสสะ นุภาเวนะ" ซึ้ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ปักเป้า
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2007
ตอบ: 6
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 03 ม.ค. 2008, 9:43 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระอธิการสุเทพ วรเทโว
เจ้าอาวาส วัดวิสุทธาราม (บางสีคต)
๔ หมู่ ๔ ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ๗๔๐๐๐
โทร. ๐๘๙๗๙๒๘๖๑๒, ๐๘๙-๙๖๕๕๗๓๙, ๐๘๑-๕๗๑๐๕๙๒

ขอเชิญกราบไหว้พระสิวลี ความสูง ๙ ศอก ๙ นิ้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลในปี ๒๕๕๑
สาธุ

ทางวัดมีพระเครื่อง และพระบูชาให้เช่า รายได้ที่ได้จากการเช่าพระทางวัดจะนำไปจัดสร้างฐานประดิษฐานองค์พระสิวลี ความสูง ๙ ศอก ๙ นิ้ว ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่แต่ยังไม่แล้วเสร็จ จึงขอเชิญชวนท่านผู้มีจิตศัทธาเลื่อมใสในพุทธศาสนาร่วมกันทำบุญในครั้งนี้ร่วมกัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง