Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ของสงฆ์ ของอาถรรพ์.!!! (ควรอ่านไว้เพื่อความไม่ประมาท)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
weewan
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 26 ส.ค. 2008
ตอบ: 25
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
ตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 9:50 am
ของสงฆ์ ของอาถรรพ์.!!!
โดย พญายม
นานมาแล้วสมัยยังเด็ก เคยอ่านหนังสือธรรมะของหลวงพ่อฤษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ท่านบอกว่า พระ-เณรสมัยนี้ตกนรกประมาณ 90 % อ่านครั้งแรกก็งง ไม่เข้าใจว่าทำไมพระเณรจึงตกนรกกันมากมายนัก ยังคิดแย้งท่านในใจว่า ถ้าพระเณรไม่ได้ขึ้นสวรรค์ แล้วใครจะได้ขึ้นสวรรค์ล่ะ ?
ต่อมาเมื่อมีโอกาสได้บวชเรียน จึงค่อยๆ เข้าใจในสิ่งที่ท่านเคยบอกไว้ ยิ่งต่อมาได้เห็นตัวอย่างพระเณรที่คอร์รัปชั่น นำของสงฆ์หรือนำเงินที่โยมถวายไปใช้ผิดประเภท จึงมาร่วมยืนยันให้หลวงพ่อฤษีลิงดำอีกหนึ่งเสียงว่า ที่ท่านกล่าวไว้เป็นเรื่องจริง
พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า สามัญฺญํ ทุปฺปรามตฺถํ นิรยายูปกฑฺฒติ แปลว่า ชีวิตความเป็นพระนั้น ถ้าประพฤติไม่ดีแค่นิดเดียว ก็ลงนรกได้ พระนั้นลงนรกง่ายกว่าโยมมาก เช่น การรับประทานอาหาร พระต้องพิจารณาแล้วจึงฉัน ถ้าไม่พิจารณาให้เห็นเป็นเพียงธาตุ ๔ แล้วฉัน ต้องอาบัติ ส่วนโยมนั้นซื้ออาหารมาทานได้เลย
เหตุที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของพระนั้น ต้องอาศัยชาวบ้าน พระไม่ได้ทำมาหากินเอง ได้วัตถุสิ่งของมาแบบง่ายๆ ได้มาโดยอาศัยศรัทธาที่ชาวบ้านเขาทำบุญให้ ชาวบ้านนั้นกว่าจะได้มาแต่ละบาทแต่ละสตางค์นั้น ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ ต้องต่อสู้ดิ้นรนแก่งแย่งกัน ส่วนพระนั้นได้มาอย่างง่ายที่สุด แทบไม่ต้องลงทุนหรือลงแรงอะไรเลย
ดังเช่นพระออกไปฉันเช้าหรือฉันเพล นอกจากฉันอาหารฟรีๆ แล้ว ยังได้รับจตุปัจจัยไทยทานได้มาแบบฟรีๆ อีก แล้วยังได้เงินใส่ซองมาอีกต่างหาก มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ฐานะของเจ้าภาพ ใช้เวลาแค่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าพระได้เงินจากการไปฉันเช้าและฉันเพลแล้ว นำมาใช้ในทางที่ผิด อาทิ เล่นอบายมุขต่างๆ เป็นต้น ก็ไม่แคล้วที่จะไปอบาย ถ้าไม่ไปอยู่ในนรกก็ไปเป็นเปรต (มีเพียง ๒ อย่างเท่านั้น)
เมื่อหลายปีก่อน มีพระรูปหนึ่งบวชมานานตั้งแต่เป็นสามเณร จนกระทั่งได้เป็นพระครูฯ มียศมีตำแหน่งทางคณะสงฆ์ อีกทั้งมีทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างบวชมากมาย ประมาณไม่ต่ำกว่า ๑ ล้านบาท พระรูปนี้จะรักญาติของท่านมาก ด้วยความที่ถือตัวว่าเป็นพระผู้ใหญ่ จึงมักจะชอบหยิบของวัด (ของสงฆ์) นำไปให้ญาติของท่านใช้ โดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าทัดทานหรือคัดค้าน
ต่อมาไม่นานท่านก็ได้เสียชีวิตลงไป แต่ตอนเสียนี่ซิสำคัญ พวกญาติโกโหติกาของท่าน ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เมื่อทราบข่าวก็พากันมาที่กุฏิ พากันมาขนของออกไปไว้บ้านตัวเองจนหมด ไม่เหลือสิ่งมีค่าไว้เลย โดยอ้างว่าพระครูเป็นญาติของตน ตนมีสิทธิ์นำไปได้
เมื่อทางคณะสงฆ์เข้าไปตรวจค้นทีหลัง เห็นแต่ความว่างเปล่าและกระดาษทิชชูที่ใช้เช็ดน้ำมูกแล้ว ๑ ใบ พอถึงคราวจัดงานศพ พวกญาติๆ ของพระครูฯ ก็เข้ามาป่วนอีก โดยเป็นเจ้ากี้เจ้าการจัดการเรื่องเงินเสร็จสรรพ เสร็จจากงานศพเหลือเงินหลายแสนบาท พวกญาติที่แสนดีของพระครูก็เอาไปแบ่งกันหมด วัดไม่ได้อะไรแม้แต่บาทเดียว หนำซ้ำ ! วัดต้องจ้างคนมาเคลียร์สถานที่หลังเสร็จงานศพให้อีก (แต่ไม่เป็นไรหรอก)
พระครูอยู่ที่ไหน ?
เขียนมาถึงตรงนี้แล้วคุณผู้อ่านหลายคนอาจสงสัยอยากรู้ว่า ตอนนี้พระครูท่านเสวยสุขอยู่ ณ แห่งหนตำบลใด หรืออยู่สวรรค์วิมานอะไร สุขกายสบายใจหรือไม่อย่างไร ?
ขอเฉลยว่า ขณะนี้ท่านพระครูกำลังเสวยทุกข์หนักอยู่ในนรก ในชั้นที่เกือบต่ำสุด เพราะชอบยักยอกของสงฆ์เอาไปให้ญาติ (คิดว่าญาติจะเป็นที่พึ่งอันเกษม หารู้ไม่ว่าพวกญาติตัวดีนี่แหละที่ทำให้ท่านลงนรกลึกกว่าเดิม ทุกข์ทรมานมากกว่าเดิม)
ความจริงแล้ว ท่านพระครูจะลงนรกไม่ลึกเท่านี้หรอก ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะญาติตัวดีของท่านมีส่วนช่วยกระทืบท่านซ้ำ กระทืบอย่างไร ? กระทืบโดยการมาเอาของท่านไปไว้บ้านนะซิ ความจริงแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ของพระครูทั้งหมดที่ได้มาระหว่างบวช เมื่อท่านตายแล้วต้องตกเป็นของสงฆ์ (ของวัดนั้นๆ) พวกญาติไม่มีสิทธิ์เอาไปบ้าน
ถ้าพวกญาติของท่านนำของเหล่านั้นมาคืนสงฆ์ทั้งหมด ท่านพระครูก็จะได้รับความทุกข์ทรมานในนรกลดลงครึ่งหนึ่ง แต่เมื่อไม่คืนให้สงฆ์ ท่านพระครูก็ได้รับความทุกข์ทรมานเต็ม 100 % ปัจจุบันนี้แม้ท่านพระครูจะสำนึกผิดแล้ว แม้จะร้องเสียงแหบเสียงแห้งอยู่ในนรก ก็ไม่มีญาติคนไหนได้ยิน (นอกจากท่านผู้มีตาทิพย์และหูทิพย์และพวกสัตว์นรกด้วยกัน)
พวกญาติของท่านก็เช่นกัน ถ้าไม่นำของมาคืนสงฆ์ ตายแล้วก็เตรียมตัวไปอยู่กับท่านพระครูที่นครได้เลย (ตอนนี้ท่านพญายมสั่งยมทูตให้เตรียมสถานที่ไว้รอแล้ว) แม้ตอนคนเหล่านี้ตายจะนิมนต์พระมาสวดศพ แต่สวดอย่างไรพวกนี้ก็ไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรอก เพราะกรรมหนักจริงๆ
http://intaram.org.www.readyplanet5.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538740372&Ntype=7
_________________
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน โลกบรรลัย
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 12:24 pm
_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ฌาณ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
ตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 1:24 pm
อันนี้ก็น่าคิดครับ
ปราชญ์ทั้งหลายย่อมกล่าวว่า บรรดามนุษย์ที่ตายไปจากมนุษย์โลกนั้น เขาต่างพากันไปสู่อบายภูมิมากกว่าสุคติภูมิ
อุปมาเหมือนกับขนโคกับเขาโค
คือ มนุษย์ทั้งหลายที่ทำกิริยาตายลงไปทุกวันนี้น่ะ เขาพากันไปเกิดในจตุราบายภูมิ โดยไปเกิดเป็นสัตว์นรกในนิรภูมิบ้าง
ไปเกิดเป็นเปรตในเปตติวิสยภูมิ
ไปเกิดเป็นอสุรกายในอสุรกายภูมิบ้าง
และไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานในเดรัจฉานภูมิบ้าง
ต่างไปเกิดในอบายภูมิทั้ง ๔ นี้ มีปริมานมากมายเท่าขนโค
ส่วนมนุษย์ที่โชคดีได้กลับมาเป็นมนุษย์ในมนุษย์โลก และจะได้ไปเกิดเป็นเทวดาในเทวโลกเป็นสุคติภูมิ มีปริมาณน้อยยิ่งนักเทียบได้กับเขาโคเท่านั้น
โคตัวหนึ่งมี 2 เขา แต่มีขนเท่าไรเล่า
.....
ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย โอ...มีจำนวนมากมายจนไม่มีใครอยากจะนับทีเดียว ขนโคทั้งตัวที่มีจำนวนมากมายนั่นแล เทียบได้กับเหล่ามนุษย์ที่พากันไปเกิดในจตุราบาย
ฝ่ายเหล่ามนุษย์ที่มีโกาสกลับมาเป็นมนุษย์หรือไปเกิด เป็นเทดา ย่อมมีแต่เพียงคู่หนึ่ง ซึ่งเท่ากับจำนวนเขาโค
_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
kitkit
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 07 ต.ค. 2008
ตอบ: 15
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
ตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 5:31 pm
กลัวตกนรกค่ะ
ขออนุโมทนา สาธุด้วยคนนะค่ะ
_________________
เห็นสิ่งใดเอามาคิดพินิจไว้
เพื่อเตือนใจตนเองมิให้หลง
เห็นเขาผิดคิดแก้ตนให้อาจอง
ใจมั่นคงน้อมมาดูรู้ภายใน
บัวหิมะ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
ตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2008, 5:04 pm
อ่านแล้ว เครียด
ไปดีกว่า ขอให้เจริญในธรรมนะจ๊ะ
_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th