Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เปรียบเทียบศาสนา ใครเห็นด้วยบ้างครับ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
montasavi
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84

ตอบตอบเมื่อ: 07 มิ.ย.2008, 8:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อัลเบิร์ต ไอสไตน์ กล่าวถึงพระพุทธศาสนาก่อนเสียชีวิต

มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน ได้ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นหนึ่งของเขาชื่อเรื่อง " The Human Side " ซึ่งนักฟิสิกส์ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลผู้นี้ ได้กล่าวทิ้งท้ายให้เป็นปริศนาแห่งโลกอนาคตว่า

The religion of the future will be a cosmic religion. It should transcend personal God and avoid dogma and theology. Covering both the natural and the spiritual, it should be based on a religious sense arising from the experience of all things natural and spiritual as a meaningful unity. Buddhism answers this description. If there is any religion that could cope with modern scientific needs it would be Buddhism. (Albert Einstein)

"ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา(คือพึ่งเทวดาเป็นหลักใหญ่) ศาสนานั้นเมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนสามัญสำนึกทางศาสนาที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้

....ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุบัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา"

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
นักฟิสิกส์ ชาวเยอรมัน ผู้เสนอทฤษฏีสัมพัทธภาพ



คำพูดของไอสไตล์นั้นมีความนัยที่สำคัญซ่อนอยู่และรอคอยการค้นพบ และทฤษฎีเอกภาพหรือทฤษฎีสรรพสิ่งที่ต้องการค้นหานั้น ที่จริงพระพุทธเจ้าได้ตอบให้เบ็ดเสร็จก่อนหน้านั้น 2500 ปี

[1954, from Albert Einstein:The Human Side, edited by Helen Dukas and Banesh Hoffman, Princeton University Press]
May 19th, 1939, Albert Einstein’s speech on “Science and Religion” in Princeton, New Jersey, U.S.A



ดูต่อที่ :
http://www.tlcthai.com/club/list_topic.php?club=buddhism&club_id=1278&table_id=1&cate_id=788





ศาสนาพุทธ เเละ วิทยาศาสตร์ อยู่บนวิถีทางเดียวกัน คือ เรื่องของความจริง เเต่ศาสนาพุทธนอกจากจะ "ความจริงเเล้ว" ยังสอนให้เราหลุดพ้นไปจากความจริงนั้นได้ด้วย ขณะที่วิทยาศาสตร์จะหยุดอยู่เเค่ "ความจริง" เท่านั้น



อะไรคือความจริงแท้ .. "ความจริง" คืออะไร

ตอบว่า.. ความจริงแท้ คือ สิ่งที่พิสูจน์ได้ ด้วยอุปกรณ์ และทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ แต่..อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ ก็ยังพิสูจน์ความมีอยู่จริงของ นรก สวรรค์ และ มรรค ผล นิพพาน ไม่ได้

แต่..พุทธศาสนาท้าให้พิสูจน์ด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน มาตลอด 2000 ปี เมื่อยังมีผู้ตัดสินใจบวชถวายชีวิตในพุทธศาสนาอยู่ นั่นก็แสดงว่า ผู้นั้นได้ยอมจำนนต่อคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข.. นี่แล..คือความจริง เหนือจริงของพุทธศาสนา

"Science without religion is lame, religion without science is blind."

ศาสตร์ที่ไร้ศาสน์ คือความพิกลพิการ, ศาสน์ที่ไร้ศาสตร์ คือความมืดมนอนธการ
'Albert Einstein' อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
tajmahal
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2008
ตอบ: 9
ที่อยู่ (จังหวัด): bkk

ตอบตอบเมื่อ: 07 มิ.ย.2008, 11:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก็ช่างคิดซะจริง....เป็นอีกมุมมองหนึ่ง.....มองคนยลตามช่อง.....
ยกคริสต์เปรียบเลยดูด้อยไปเลย
ศาสนาอื่นแค่ชั้นอสัญญี นั่นมันสำหรับผู้ได้ฌานที่ ๔ อ่านดูตามรอยพระอรหันต์ของหลวงพ่อพุทธทาสดูแล้ว ตอนที่ว่าศาสดาองค์สุดท้าย ท่านก็เห็นเช่นนี้....... คราวมาอ่าดู อนัตตาของพระพุทธเจ้า คนเขียนคนเดิม ท่านบอกว่า งจะไปอยู่อบายเป็นกัลป์ สุดท้ายก็กลับมาเกิดเป็นคนและมาเจอและบรรลุจนได้........มองว่านี่คือจากมหาสมุทรคืนสู่มหาสมุทร จากพรหมันคืนสู่พรหมัน และจากนิพพานคืนสู่นิพพาน.....
 

_________________
จิตใจไม่สงบยุทธภพย่อมปั่นป่วน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMYahoo MessengerMSN Messengerหมายเลข ICQ
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 10 มิ.ย.2008, 1:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มันมีวิชาในสาขาปรัชญาอันหนึ่ง ชื่อศาสนาเปรียบเทียบ

หาอ่านได้ตามห้องสมุดมหาวิทยาลัยทั่วไป



เมื่อได้อ่านภาคต้นๆของหนังสือแล้ว
ก็จะได้สำรวจความคิดตัวเองก่อนว่า
การเปรียบเทียบศาสนาต่างๆนั้น ทำไปเพื่อวัตถุประงสงค์อะไร แล้วได้อะไรจากการทำสิ่งนั้น

จะได้ช่วยให้เจ้าของกระทู้ มองเห็นตำแหน่งความคิดของตัวเองว่า
เรากำลังทำในสิ่งที่เราต้องการทำจริงๆหรือ


ถ้าเพียงแต่ใช้ตันหาราคะนำพาไป
พูดง่ายๆก้คือว่า ... แค่่อยากรู้ ...แค่อยากชนะ ... แค่อยากแสดงว่าศาสนาใดเหนือกว่า
ถ้าแค่ใช้ตันหา ความอยาก นำพาไปแบบนี้ ย่อมไปในที่ที่ไม่มีประโยชน์


เหมือนนักบวชนอกศาสนาพุทธคนหนึ่ง
ตั้งคำถามกับพระพุทธเจ้าและท้าทายพระองค์ว่า
สมนโคตมนี้ตรัสรู้ทุกอย่าง รู้ทุกอย่าง จริงหรือ
ถ้าแน่จริง ตอบคำถามหน่อยสิ ว่าดาวบนฟ้ามีกี่ดวง.
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
โยคี19
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 15 เม.ย. 2008
ตอบ: 29
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 12 มิ.ย.2008, 7:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทธศาสนาเป็นศาสนาเดียวที่ทำให้คนหลุดพ้นจาก วัฏฏะสงสาร ส่วนศาสนาอื่นก็สอนให้ทำความดีละเว้นความชั่ว แต่ไม่ได้ทำให้หลุดพ้น

[color=orange]นี้คือความจริงแท้ของพุทธศาสนา[/color]

ขอเป็นกำลังใจให้ คุณ montasavi ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อให้ผู้อ่านได้มีความศรัทธา และมีความภูมิใจที่ได้พบเจอคำสอนของพระพุทธศาสนา

ขออนุโมทนา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
tajmahal
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2008
ตอบ: 9
ที่อยู่ (จังหวัด): bkk

ตอบตอบเมื่อ: 17 มิ.ย.2008, 6:39 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เปรียบเทียบ.......มหาสุปินชาดกและนิทานวัตถุ
กับ เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา.....จากหนังสือ "อธิบายแผนที่พระนครศรีอยธุยา" ของมหาอำมาตย์โท พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) พิมพ์เมื่อ ๒๔๖๙
..........กรุงศรีอยุธยาสมบูรณ์
..........เพิ่มพูนด้วพระเกียติขจรจบ
..........อุดมบรมสุขทั้งแผ่นภพ
..........จนคำรบศักราชได้สองพัน
..........คือเดือนดาวดินฟ้าจะอาเพท
..........อุบัติเหตุจะเกิดทั่วทิศาน
..........มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาล
..........เกิดนิมิตพิศดารทุกบ้านเมือง
..........พระคงคาจะแดงเดือดดั่งเลือดนก
..........อกแผ่นดินจะเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
..........ผีป่าก็วิ่งเข้าสิงเมือง
..........ผีเมืองนั้นจะออกไปอยู่ไพร
..........พระเสื้อเมืองจะเอาตัวหนี
..........พระกาลกุลีจะเข้ามาเป็นไส้
..........พระธรณีจะตีอกให้
..........อกพระกาลจะไหม้อยู่เกรียมกรม
..........ในลักษณะทำนายไว้บ่ห่อนผิด
..........เมื่อพินิจพิศดูก็เห็นสม
..........มิใช่เทศกาลก็ร้อนระงม
..........มิใช่เทศกาลลมลมก็พัด
..........มิใช่เทสกาลหนาวก็หนาวพ้น
..........มิใช่เทศกาลฝนฝนก็อุบัติ
..........ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสารพัด
..........เกิดวิบัตินานาทั่วสากล
..........เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา
..........จะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล
...........สัปบุรุษจะแพ้แก่ทรชน
...........มิตรชนจะฆ่าซึ่งความรัก
...........ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัว
...........คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์
...........ลูกศิษย์จะสู้ครูนัก
...........จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย
............ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ
............นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย
............กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย
............น้ำเต้าน้อยอันลอยนั้นจะถอยจม
............ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่า
............เพราะจัณฑาลมันเข้ามาเสพสม
............ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอารมณ์
............เพราะสมัครสมาคมซึ่งมารยา
............ผู้กล้าจะเส่อมซึ่งใจหาญ
............จะสาปสูญวิชาการทั้งปวงสรรพ
............ผู้มีสินจะถอยออกจากทรัพย์
............สัปบุรุษจะอับซึ่งน้ำใจ
............ทั้งอายุศ์จะเคลื่อนจากเดือนปี
............ประเพณีจะแปรปรวนตามวิสัย
............ทั้งพืชแผ่นดินจะผ่อนไป
............ผลหมากรากไม้จะถอยรส
............ทั้งแพทย์พรรณว่านยาจะอาเพศ
............เคยเป็นวิเศษก็เสื่อมหมด
............จวงจันทร์พรรรไม้อันหอมรส
............จะถอยถดไปตามประเพณี
.............ทั้งข้าวก็ยากหมากจะแพง
.............สารพัดแห้งแล้งเป็นถ้วนถี่
.............จะบังเกิดทรพิษมิคสัญญี
.............ฝูงผีจะวิ่งเข้าปลอมคน
.............กรุงประเทศราชธานี
.............จะเกิดกาลกุลีทุกแห่งหน
..............จะอ้างอกใจทั้งไพร่พล
..............จะสาละวนทั้งโลกหญิงชาย
..............จะเดือดร้อนสใณประชาราษฎร์
..............จะเกิดเป็นอุบาทว์นั้นมากหลาย
..............จะรบราฏ่าฟันกันวุ่นวาย
...............ฝูงคนจะล้มตายลงเป็นเบือ
...............ทางน้ำจะแห้งเป็นทางบก
...............เวียงวังจะรกเป็นป่าเสือ
...............แต่สิงสาราสัตว์เป็นเนื้อเบื้อ
...............นั้นจะเหลือในแผ่นดิน
...............ทั้งผู้คนสารพัดสัตว์ทั้งหลาย
...............จะสาปสูญล้มตายเสียหมดสิ้น
...............ด้วยพระกาลจะมาผลาญแผ่นดิน
...............จะสูญสิ้นการรณรงค์สงคราม
...............กรุงศรีอยุธยาจะสูญแล้ว
...............จะลับรัศมีแก้วเจ้าทั้งสาม
...............ไปจนคำรบปีคืนยาม
...............จะสืบนามศักราชห้าพัน
...............กรุงศรีอยุธยาเกษมสุข
...............แสนสนุกยิ่งล้ำเมืองสวรรค์
...............จะเป็นเมืองแพศยาอาธรรม์
...............นับวันจะสิ้นเสื่อมสูญเอย ฯ
อ.เจือ สะตะเวทิน บอกว่า เพลงยาวอยุธยาปาวสานนี้
ขาดนารีปาโมท์ ชึ่งเป็น ๑ ใน ๔ ของอรรถรสกลอน
คือ ๑.เสาวรจนี ๒. นารีปราโมท์ ๓.พิโรธวาทัง ๔.ศัลลาปังพิสัย
มีบางท่านบอกว่า สำนวนเก่าต่างจากนี้ บางท่านว่า สำนวนเดิม
ยาวกว่านี้ ยังหวังใจว่า จะมีท่านผู้รู้มาทักท้วงอยู่
ส่วนมหาสุปินชาดกและนทานวัตถุ จะหาเพิ่มเติมในโอกาศต่อไป
หรือใครมีจะช่วยเติมให้ก็ขอขอบคุณล่วงหน้า
 

_________________
จิตใจไม่สงบยุทธภพย่อมปั่นป่วน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMYahoo MessengerMSN Messengerหมายเลข ICQ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง