Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
เปิดร่างพระราชบัญญัติ อุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
Buddha
บัวบาน
เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
ตอบเมื่อ: 29 ต.ค.2007, 8:40 pm
เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2550 ที่ผ่านมา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีการประชุมพิจารณา
ร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. ...
เสนอโดย พล.อ.ปรีชา โรจนเสน สมาชิก สนช. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม และคณะ รวม 180 คน
สำหรับร่างดังกล่าว กำหนดให้มีคณะกรรมการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พร้อมกับมีบทลงโทษผู้จาบจ้วงดูหมิ่นศาสนา นอกจากนี้ ยังมีบทบัญญัติครอบคลุมดูแลถึงแม่ชีด้วย
อย่างไรก็ตาม มีสมาชิก สนช.หลายคน แสดงความเป็นห่วงในเรื่องบทลงโทษที่รุนแรง หากไม่ปรับเนื้อหากฎหมายดังกล่าวให้เหมาะสม จะก่อให้เกิดความปั่นป่วนในสังคมได้ เพราะการตรากฎหมายเพื่อมุ่งคุ้มครองศาสนธรรม ศาสนบุคคล ฯลฯ อย่างสุดโต่ง ใครทำผิดต้องโทษรุนแรงนั้นเป็นอันตราย
อีกทั้ง เนื้อหาบางส่วนลักลั่น เช่น กำหนดว่าผู้ใดร่วมประเวณีไม่ว่าทางใดและวิธีการใดกับพระภิกษุ สามเณร หรือแม่ชี ต้องโทษจำคุก 5-10 ปี และปรับ 1 แสนบาทถึง 5 แสนบาทนั้น แต่กลับไม่มีการลงโทษพระภิกษุ สามเณร หรือ แม่ชี ซึ่งเป็นคู่ผู้ร่วมประเวณีอย่างรุนแรงเลย
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ อภิปรายว่า ตามความผิดของ พ.ร.บ. ฉบับนี้ อาจมีคนติดคุกกันครึ่งประเทศ เพราะแค่ปูเสื่อขายพระก็เข้าข่ายติดคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป และปรับแสนบาท ถือเป็นกฎหมายเผด็จการทางความคิดและอันตรายมาก
ในที่สุด นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ตัวแทนรัฐบาล ได้ขอรับร่างกลับไปพิจารณา 30 วัน ก่อนส่งกลับมาให้ สนช.พิจารณาอีกครั้ง
สำหรับรายละเอียดในร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. ... แบ่งออกเป็น 5 หมวด จำนวน 24 มาตรา ประกอบด้วย หมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 การอุปถัมภ์และคุ้มครอง หมวด 3 คณะกรรมการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หมวด 4 แม่ชี และหมวด 5 บทกำหนดลงโทษ
ส่วนเนื้อหาในแต่ละมาตรา โดยสรุปมีดังนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติ พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ....
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ตัวบทกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบและคำสั่ง อื่นใด ซึ่งขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตรา 4 อธิบายความหมายศัพท์ที่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ อาทิ พระศาสดา หมายความว่า พระพุทธเจ้า, ศาสนบุคคล หมายถึง พระภิกษุ สามเณร แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา, คณะกรรมการ หมายถึง คณะกรรมการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นต้น
มาตรา 5 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวง ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ และคำสั่ง
มาตรา 6-7 การอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ต้องเป็นไปเพื่อความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนา ตามแนวทางศาสนธรรม และต้องเป็นไปเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบริหารงานคณะสงฆ์ตามกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์
มาตรา 8 รัฐต้องให้ความอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มาตรา 9 การจาบจ้วง ละเมิด ลอกเลียน บิดเบือน หรือการกระทำอื่นใดให้พระศาสดา ศาสนธรรม ศาสนศึกษา ศาสนบุคคล ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนสมบัติ และศาสนพิธี ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสีย มัวหมอง หรือวิปริตผิดเพี้ยน จะกระทำมิได้
มาตรา 10-11 บรรยายถึงหน้าที่ที่รัฐต้องอุปถัมภ์และส่งเสริมในเรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
มาตรา 12 กำหนดให้นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประกอบด้วยกรรมการ จำนวน 21 รูป/คน โดยมีนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
มาตรา 13 กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นตำแหน่งของคณะกรรมการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เช่น การเป็นกรรมการมิใช่โดยตำแหน่ง อยู่ในวาระคราวละ 2 ปี เป็นต้น
มาตรา 14 บัญญัติถึงหน้าที่ของคณะกรรมการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เช่น การวางนโยบาย กำหนดยุทธศาสตร์ แผนปฏิบัติการและโครงการเกี่ยวกับการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการบริหารงานคณะสงฆ์ตามกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ เป็นต้น
มาตรา 15 ให้มีคณะกรรมการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล โดยมีองค์ประกอบ อำนาจและหน้าที่ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 16 อธิบายความหมายของแม่ชี คือ อุบาสิกาประเภทอนาคาริกาผู้ไม่ครองเรือนที่ปฏิบัติธรรมของพระพุทธศาสนา เป็นนักบวชสตรี นุ่งขาว ห่มขาว โกนผม โกนคิ้ว ถือศีลแปด
มาตรา 17 แม่ชี ต้องผ่านพิธีกรรมการเป็นนักบวชในวัดพระพุทธศาสนา โดยมีเจ้าอาวาสหรือพระภิกษุที่เจ้าอาวาสมอบหมายเป็นผู้ทำพิธีกรรม และต้องมีผู้รับรองในการเข้าเป็นแม่ชี
มาตรา 18 แม่ชีต้องสังกัดและพำนักอยู่ในวัด หรือในสำนักแม่ชีที่มีวัดหรือองค์กรนิติบุคคลทางพระพุทธศาสนาให้การรับรอง รวมทั้งแม่ชีต้องสังกัดสถาบันแม่ชีไทยและต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติของสถาบันแม่ชีไทย
นอกจากนี้ ที่พักอาศัยของแม่ชี ต้องจัดให้เป็นสัดส่วนไม่ปะปนกับที่พักอาศัยของพระภิกษุสามเณรและศิษย์วัด
มาตรา 19 แม่ชี มีหน้าที่ศึกษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติธรรม เผยแผ่และรักษาหลักธรรมของพระพุทธศาสนา ทำประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและสังคม ตลอดถึงให้คำปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาชีวิตให้แก่ประชาชน
มาตรา 20 รัฐต้องส่งเสริมและพัฒนาแม่ชีให้มีศักยภาพและความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การส่งเสริมและพัฒนาแม่ชีให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยคำแนะนำของสถาบันแม่ชีไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
มาตรา 21 ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 9 ในส่วนที่เกี่ยวกับพระศาสดาและศาสนธรรม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบห้าปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท
มาตรา 22 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 9 ในส่วนที่เกี่ยวกับศาสนศึกษา ศาสนบุคคล ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนสมบัติ และศาสนพิธี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท
ผู้ใดร่วมประเวณีไม่ว่าทางใดและวิธีการใดกับพระภิกษุ สามเณร หรือแม่ชี ตลอดจนผู้ชักจูง จัดหา หรือจ้างวาน ให้มีการร่วมประเวณีดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท
มาตรา 23 ผู้ใดกระทำความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา ถ้าการกระทำความผิดนั้นเป็นการกระทำต่อพระภิกษุ สามเณร หรือแม่ชี ผู้นั้นต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ สามเท่า
มาตรา 24 เป็นบทเฉพาะกาล ระบุว่า ในระหว่างที่ยังไม่มีคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการเป็นของผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการให้ได้มาซึ่งคณะกรรมการ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ สดจากหน้าพระ หน้า 30
วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6177
montasavi
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007
ตอบ: 84
ตอบเมื่อ: 01 พ.ย.2007, 10:02 pm
ถ้าเป็นไป เพื่อส่งเสริมให้ผู้คน ศึกษาและปฏิบัติธรรมกันมาขึ้น กระผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th