Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ปริศนาธรรมจากงานศพ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
kanawat_ny
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2007
ตอบ: 47

ตอบตอบเมื่อ: 24 ก.ย. 2007, 10:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรียน ผู้รู้ ทุกท่าน
เนื่องจากข้าพเจ้าอยากเก็บความรู้เกี่ยวกับ "ปริศนางานศพ" โดยอยากเก็บรวบรวมเพื่อเป็นหนังสือเรื่อง "เราได้อะไรจากงานศพ" เพื่อเผยแพร่แก่ประชาชนทั่วไป หากท่านใดมีความรู้/ข้อแนะนำ โปรดให้ข้อมูลด้วย จักขอบพระคุณยิ่ง

kanawat_ny@hotmail.com
 

_________________
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
(อิสระ ชีวา)
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
bad&good
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 115

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ย. 2007, 12:31 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

"เราได้อะไรจากงานศพ" เป็นคำถามที่น่าครุ่นคิด

ด้วยความรู้สึกของข้าพเจ้าเอง งานศพของพี่ชายและคุณแม่ ตามลำดับ ที่เกิดขึ้นในปีเดียวกัน คือ ปี พ.ศ.2541 ที่วัดเดียวกัน ในกรุงเทพฯ (แต่ต่างเดือนกัน)

และงานศพอื่น ๆ ของญาติเพื่อนร่วมงาน ญาติเพื่อนบ้าน ซึ่งจัดในวัด ใน กรุงเทพฯ มีสิ่งที่คล้ายคลึงกัน โดยย่อ คือ

ญาติ สวดมนต์ตาม ๆ กัน ตามผู้นำสวด
พระสงฆ์สวดฯ
ญาติรับฟังคำสวด ญาติบางคน สวดตามพระสงฆ์
แขกผู้ร่วมงาน ฟังสวด บ้าง สวดตามพระสงฆ์
แขกผู้ร่วมงานบางท่าน ไม่ได้สนใจอะไร พูดคุยกันเสียงดังบ้าง เบาบ้าง ไม่ได้สนใจพระสวดอย่างไร
พระสงฆ์สวดฯ จบขั้นหนึ่ง
ญาติเลี้ยงอาหารแก่แขกผู้ร่วมงาน
พระสงฆ์สวดจบ รับสังฆทาน
พระสงฆ์สวดแผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศล
พระสงฆ์เดินทางกลับ

แขกผู้มีเกียรติ รวมกัน ยืนตรง เคารพศพ
.......................................................................
โดยรวม ทำตาม ๆ กัน เหมือนเป็นประเพณี

ข้าพเจ้าเกิดความสงสัย อยู่สิ่งหนึ่งว่า การจัดงานศพ เพื่อแสดงให้ผู้อื่น ทราบถึงการจากไปของผู้ใดผู้หนึ่ง เช่นนั้นหรือ

บทสวดที่พระสงฆ์สวด อย่างน้อย ข้าพเจ้าอยากได้ยินได้ฟัง บทสวด ภาคภาษาไทย บ้าง
เพื่อว่า ผู้คน ลูกหลานเด็ก เล็ก กลาง ผู้ใหญ่ แขกผู้ร่วมงาน จะได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าบ้าง ว่า พระองค์ต้องการตรัสอะไรให้ผู้ร่วมงานทั้งหลายรับทราบ (โดยสวดภาคภาษาบาลีในคราวกันทั้งหมด แล้วสวดแปลเป็นภาษาไทยในคราวเดียวกันทั้งหมด)

ในการแผ่ส่วนกุศล ก็เตือนสติญาติ แจ้งให้ น้อมจิต ตั้งใจแผ่ส่วนกุศล อย่างไรบ้าง แล้วสวดแผ่เมตตาภาคภาษาบาลีในคราวกันทั้งหมด แล้วสวดแปลเป็นภาษาไทยในคราวเดียวกันทั้งหมด)

ถ้าสวดโดยไม่แปล การเผยแผ่พุทธธรรม ให้เข้าใจ ก็น้อยลง (จึงเห็นว่า วัด ไม่ได้ให้ความสำคัญในการเผยแผ่ธรรมะในวาระนี้) ซึ่งอาจเป็นได้ที่บางคน ไม่เคยได้ฟังพระสวดมาก่อนเลยก็ได้ เพิ่งจะได้ยินพระสวดเป็นครั้งแรกก็ได้ เผื่อฟังแล้วจะเลื่อมใส นับถือ ศาสนาพุทธ เดี๋ยวนั้นทันทีก็ได้ คือ ปิ๊งทางความคิด แต่ถ้าไม่สวดแปลเป็นภาคภาษาไทย ก็ไม่ใครสนใจ อดทนฟังให้มันจบ ๆ แล้วก็จบพิธี

ยิ่งผู้ร่วมงาน ญาติโยม ไม่สนใจในพระพุทธศาสนา อะไรมากนัก ก็ไม่ได้สนใจต่อคำสวด เพราะไม่ต่างจากฟังเพลงภาษาอินเดีย แปลไม่ได้ ไม่ทราบเรื่องอะไร ก็ไม่รู้จะอึดอัดใจไปทำไม ก็ได้ฟังไป (พระก็สวดของท่านไป) เมื่อเคารพศพ แล้วก็ร่ำลาญาติ แล้วเดินทางกลับ เป็นอันจบพิธี ผู้ไม่รู้เรื่องธรรมะก็ไม่ได้รับฟังธรรมะแต่อย่างไร

ข้าพเจ้าเชื่อว่า ผู้ร่วมงาน บางท่าน อาจได้ประโยชน์จากธรรมะบ้าง ไม่มากก็น้อย
 

_________________
อริยมรรคมีองค์ 8 คือ สูตรสำเร็จแห่งการดับทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ช้างชูธง
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 พ.ค. 2007
ตอบ: 50

ตอบตอบเมื่อ: 08 ต.ค.2007, 1:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หนังสือธรรมลีลาของธรรมสภา
มัดตราสังข์สามเปราะ มัดที่คอ หมายถึง บ่วงรักลูก มัดที่มือ หมายถึง บ่วงรักสามี - ภรรยา มัดตรงข้อเท้า หมายถึง บ่วงรักทรัพย์สมบัติ ติดอยู่สามบ่วงนี้ ไปนิพพานไม่ได้ ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏไม่มีจบสิ้น

เคาะโลงรับศีล ไม่ใช่ให้คนตายมารับศีล แต่เพื่อเป็นการบอกคนที่มาร่วมงานว่า อย่าเอาแต่มัวประมาทขาดสติ ไม่สนใจในหลักธรรมคำสอน เมื่อตายไปหมดโอกาสทำความดี จะเคาะจนโลงแตกก็ลุกขึ้นมาไม่ได้

สวดอภิธรรม มักสวดเป็นภาษาบาลี คนเป็นฟังไม่รู้เรื่อง จึงนึกว่าสวดให้คนตาย แต่จริงๆ แล้วเป็นการสวด เพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้นำหลักธรรม ไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตประจำวัน ดังนั้นแม้จะฟังไม่เข้าใจแต่เพื่อให้การฟังสวดอภิธรรมเกิดผล ควรสำรวมส่งจิตไปอยู่กับเสียงพระ

สวด ให้จิตสงบนิ่งอยู่กับเสียงพระสวดก็จะเกิดสมาธิจิตได้
บวชหน้าไฟ มักเข้าใจกันว่า เป็นการบวชจูงผู้ตายขึ้นสวรรค์ ความจริงนั้น ไม่ใช่ เพราะการบวชหน้าไฟ เป็นการปลงธรรมสังเวชต่อการเกิด แก่ เจ็บ และตายในที่สุด มนุษย์ก็มีเท่านี้ ทำให้เกิดการเบื่อหน่ายต่อชีวิตในโลกียวิสัย ไม่ประสงค์จะอยู่ในเพศฆราวาส แล้วพอใจในสมณะเพศ มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น เข้าสู่มรรคผลนิพพาน

การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพ เพื่อจะสอนคนที่ยังอยู่ให้ได้สำนึกว่าตอนที่ยังอยู่ ต้องเดินตามหลังพระ หมายความว่าให้ดำเนินชีวิตตามพระธรรม คำสั่งสอนพระพุทธเจ้านั่นเอง จึงจะอยู่ดีมีสุข มีความเจริญก้าวหน้า

การเวียนซ้าย 3 รอบ หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสามอันมี กามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอำนาจกิเลส ตัณหาอุปทาน ก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นต้องทวนกระแสกิเลส เป็นการสอนธรรมชั้นสูง จึงได้พาศพเวียนซ้าย

การใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ เพื่อชี้ให้เห็นว่า น้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาด บริสุทธิ์ ผู้เข้าสู่มรรคผลนิพพาน ต้องชำระจิตให้สะอาดด้วยน้ำทิพย์จากพระธรรม

การแปรรูป หลังจากเผาแล้ว มีการเก็บอัฐิและมีการเขี่ยขี้เถ้าผู้ตายให้เป็นรูปร่างกลับไปกลับมา เพื่อจะบอกว่าได้กลับชาติใหม่แล้วตามวิบากของกรรมต่อไป

*
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
kanawat_ny
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2007
ตอบ: 47

ตอบตอบเมื่อ: 22 ต.ค.2007, 3:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรียน bad&good/คุณช้างชูธง
ขออภัยที่ตอบช้า เมื่อเขียนเสร็จ ขออนุญาต จะส่งไปให้อ่าน เผื่อจะได้มีความรู้ร่วมกัน

ขอขอบพระคุณ
 

_________________
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
(อิสระ ชีวา)
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง