Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 หลวงตาโสบิน พระธรรมทูตผู้บุกเบิกวัดไทยในอเมริกา อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 22 ส.ค. 2007, 12:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

หลวงตาโสบิน พระธรรมทูตผู้บุกเบิกวัดไทยในอเมริกา

ด้วยวัย 75 ปี (เมื่อปี พ.ศ.2549) ของ ‘หลวงตาโสบิน โสปาโกโพธิ’ ในวันนี้หากผู้ที่ไม่รู้จักมักคุ้น หรือไม่รู้ภูมิหลังของท่านแล้ว ก็จะเห็นท่านเป็นเพียงหลวงตาแก่ๆ รูปหนึ่ง ที่ทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดเมตตาสว่างรังษี (วัดวังปลาโด) ต.วังใหม่ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม

ทว่าเรื่องราวความเป็นมาแต่หนหลังของหลวงตาโสบินนั้นไม่ธรรมดา เพราะในอดีตท่านเคยเป็นหัวหน้าคณะสงฆ์ไทยเดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในฐานะพระธรรมทูต และได้ริเริ่มสร้างวัดไทยในนครลอสแองเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือเป็นวัดไทยแห่งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา และนอกจากนี้ยังเป็นผู้บุกเบิกสร้างวัดพุทธวราราม นครเดนเวอร์ รัฐโคโรราโด และด้วยความสามารถที่มีอยู่มาก ท่านจึงได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาเป็นรูปแรกด้วย

ตลอด 33 ปีในเพศบรรพชิตที่ท่านได้เอาใจใส่ศึกษาทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระ จนได้เปรียญธรรม 4 ประโยค พร้อมกับความชำนาญในการฝึกฝนด้านวิปัสสนากรรมฐาน จนกระทั่งได้เป็นพระอาจารย์สอนปริยัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐานหลายแห่ง

จวบจนกระทั่งได้มีโอกาสไปเผยแผ่ธรรมในฐานะพระธรรมทูต ในสหรัฐอเมริกา และได้เปิดสอนวิปัสสนากรรมฐานให้แก่ชาวตะวันตกเป็นครั้งแรก ณ วัดพุทธวราราม จนประสบความสำเร็จ มีชาวตะวันตกให้ความสนใจมาศึกษาปฏิบัติกันอย่างมากมาย

แต่แล้วด้วยเหตุผลในแวดวงสงฆ์ที่ท่านบอกว่า “ไม่อยาก รื้อฟื้น” ก็ทำให้ท่านต้องลาสิกขา ในวัยย่าง 50 ปี มาใช้ชีวิตในเพศฆารวาสที่ต่างแดน ด้วยการไปเป็นอาจารย์สอนวิปัสสนาให้กับลูกศิษย์ลูกหาชาวตะวันตกที่เคารพนับถือท่านมาแต่ครั้งยังเป็นบรรพชิต

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเผยแผ่ธรรมที่มีอยู่เต็มหัวใจ ทำให้ระยะเวลา 20 ปีในเพศฆารวาส ผ่านพ้นไปพร้อมกับการทำงานหนักในการสอนตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในอเมริกาและแคนาดา รวมทั้งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดตั้งศูนย์และสมาคมทางด้านวิปัสสนากรรมฐานอีกหลายแห่งในต่างแดน แต่สุดท้ายท่านก็ได้หวนคืนสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งหนึ่ง เมื่ออายุย่างเข้า 70 ปี ด้วยเหตุผลว่าอยากโปรดญาติพี่น้องลูกหลาน ญาติโยม ที่จังหวัดมหาสารคาม อันเป็นบ้านเกิด เพื่อให้พระพุทธศาสนาได้เป็นหลักยึดของเด็กๆ ของอนุชนรุ่นหลัง

เราได้มีโอกาสพบกับหลวงตาโสบิน โสปาโกโพธิ หลังจากที่ท่านได้เสร็จสิ้นการอบรมวิปัสสนากรรมฐานให้กับพุทธศาสนิกชนที่สนใจ ซึ่งโครงการผู้จัดการสุขภาพจัดขึ้น ณ บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์ จึงได้นิมนต์ท่านมาที่ ‘ห้องสนทนา’ ครั้งนี้ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับ ประสบการณ์การสอนปฏิบัติธรรมให้กับชาวต่างชาติ

Image

• ชาวต่างชาติที่มาฝึกปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่อายุเท่าไหร่คะ

ประมาณ 30 ปี ขึ้นไป ส่วนวัยรุ่นก็มีพวกนักศึกษารุ่นใหม่ ศาสนาพุทธกำลังจะบูมในต่างประเทศ อาศัยว่าพวกฝรั่งเขาไปสอนกันเองบ้าง และพยายามจะโปรโมทให้คนรู้จักพุทธศาสนามากขึ้น เขาไปศึกษาพุทธศาสนาจากเมืองไทย ศรีลังกา ประเทศไหนๆ เขาบอกว่ามันมีแต่คอมพิวเตอร์ มีแต่ประเพณี หาแก่นแท้ของศาสนาจริงๆ ยาก เขาสงสัยว่าแก่นแท้จริงๆ อยู่ตรงไหนกันแน่ เขาจึงไม่เชื่อว่าคนไทยหรือชาวพุทธทางเอเชียจะเข้าถึงหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า เขามาเมืองไทยเห็นคนไทยทำบุญให้ทานกัน เขาก็บอกว่ารู้สึกดีใจคนไทยมีบุญแต่ว่าไม่มีวาสนาเลย เขาตอบตรงๆ นะ เขาบอกว่าอุตสาห์เกิดที่เมืองไทยแต่ว่าเอาแต่เรื่องให้ทาน เอาแต่ประเพณี เอาแต่เรื่องเปลือก แต่เขาเกิดเมืองคริสต์กลับได้รับผลประโยชน์จากพุทธมากกว่า โดยเข้าไปสัมผัสสัจธรรมของพระพุทธเจ้า เขาจึงบอกว่าเขาไม่มีบุญ

• มีไหมคะที่ชาวต่างชาติซึ่งไม่ได้นับถือพุทธ แต่เข้ามาเรียนรู้ปฏิบัติ

มีทุกศาสนามีทุกรูปแบบ เขามาเพื่อพิสูจน์ว่ามีอะไรบ้าง ที่พอจะไปกันได้ มีอะไรที่เหนือกว่าเขาบ้าง หรือมันมีอะไรที่พิเศษจริงๆ อย่างบางคนเขาก็มาจำนนต่อเหตุผลหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาฟัง พอเขามาฟังมาถามปัญหาเขายอมรับแล้วว่าคำสอนนี้สมบูรณ์ด้วยเหตุด้วยผล ถึงจะไม่มีศรัทธามันก็ต้องยอมรับ บางคนถึงกับเปลี่ยนศาสนา บางคนก็ยอมรับว่าเขาไม่นึกว่าเขาจะเป็นพุทธ แต่พอมาฟังคำสอนของพระพุทธเจ้ามันเป็นหลักสัจธรรมมันเป็นความจริง เขาต้องยอม เขาเป็นคริสต์มานานตั้งแต่บรรพบุรุษก็ได้แต่เชื่อพระเจ้าทั้งนั้น แล้วพระเจ้าอยู่ไหนจริงๆ หรือว่าช่วยชีวิตของเขาได้จริงไหมเขายังไม่รู้ แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นจริงเป็นสัจจะที่ว่ามันเป็นเรื่องที่เราสร้างขึ้นเอง ไม่ใช่ว่าพระเจ้าที่ไหนจะมาสร้างโลก และแม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้สอนให้เชื่อท่าน

• ส่วนใหญ่พวกฝรั่งที่มาฟังธรรมปฏิบัติธรรม มีลักษณะอาการเหมือนคนไทยหรือเปล่าที่ว่าต้องให้เกิดทุกข์เสียก่อนจึงจะหันหน้าเข้าวัด

จริงๆ แล้วฝรั่งทุกข์มากกว่าคนไทยอีก เพราะชีวิตต้องวิ่งตามเข็มนาฬิกา ทุกอย่างต้องทันเวลาอยู่ตลอด ทำให้ชีวิตเขาไม่มีเวลารีแล็กซ์ เพราะชีวิตมันต้องดิ้นรนถึงทำให้ชีวิตและประเทศชาติเจริญ ทำให้ทุกคนไม่นอนหลับทับสิทธิ์จะไม่มีนิ่งนอนใจ เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ชีวิตมีความทุกข์ เพราะว่าหาเวลาเป็นตัวของตัวเองไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกรีไทร์เขาต้องไปท่องเที่ยวใช้ชีวิตบั้นปลาย เนื่องจากช่วงหนุ่มๆ จะไม่มีเวลา เขาจึงอยากมีโอกาสที่จะสงบมีโอกาสพักผ่อนบ้าง เรื่องมรรคผลอย่าไปพูด เพราะเขาไม่เชื่อว่าอนาคตข้างหน้ามันมีหรือไม่มีไม่รู้ ขอให้ปัจจุบันนี้ฉันรับประโยชน์จากการปฏิบัติให้เกิดความรู้ให้มีความสงบ

• ระหว่างคนไทยกับฝรั่ง พวกไหนสอนง่ายกว่ากันคะ

ฝรั่งสอนง่ายกว่าคนไทย เพราะเขาไม่มีแบคกราวด์เกี่ยวกับอุปาทานอะไรมากในเรื่องปฏิบัติ คนไทยเรารู้มากเลยสอนยาก และคิดว่าฝรั่งจะกลับมาสอนศาสนาพุทธในเมืองไทยในอนาคตข้างหน้า ฉันเชื่ออย่างนั้น

• คำถามที่ฝรั่งมักจะถามบ่อยที่สุดเวลาที่พระอาจารย์ไปสอน เป็นคำถามเกี่ยวกับอะไรคะ และเขาอยากรู้อะไรในศาสนาพุทธบ้าง

ถามบ่อยที่สุดก็คงเป็นว่าศาสนาพุทธสอนเกี่ยวกับเรื่องอะไร และจะปฏิบัติอย่างไรให้เข้าใจเรื่องกรรม หรือกรรมเท่านั้นที่จะเป็นผู้บันดาลอะไรต่ออะไร ก็เป็นเรื่องทำนองนี้ อันนี้ยากหน่อยต่อการตอบ เราก็ต้องให้เขามาปฏิบัติก่อน ให้เขาค่อยๆ เข้าใจว่าศาสนาเราสอนละเอียด พูดง่ายๆ ปฏิบัติเพื่อให้กรรมที่ทำไว้นั้นให้ผลอย่างใดอะไร ก็ต้องใช้เวลาอธิบาย แต่ส่วนมากเขาจำนนต่อความเป็นจริงมากกว่า

• แล้วหลวงตามีวิธีสอนหรืออธิบายเรื่องกรรมให้พวกเขาเข้าใจได้ง่ายๆ อย่างไรคะ

ไม่ต้องไปอ้างพระพุทธเจ้า ไม่ต้องไปอ้างพระเจ้า มีในศาสนา แต่บอกว่ายูเท่านั้นเป็นคนสร้างนรก สวรรค์ สร้างนิพพาน ให้ยูเอง คือถ้ายูไม่ต้องการสร้างความทุกข์ในชีวิต ก็ต้องปฏิบัติตัวยูเอง อย่าเกิดมาซะซิ ทำอย่างไรถึงจะไม่เกิดอีก เพราะเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ยูจะกลัวตายยังไงก็หนีตายไม่พ้น เบื้องต้นเราไม่แตะเรื่องศาสนาและเราก็ไม่พยายามเอาเรื่องพระพุทธเจ้าไปยุ่ง พยายามเน้นให้เขายอมรับ ยกตัวอย่างว่าเราต้องการพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับอะไรถ้าเกี่ยวกับรูปเกี่ยวกับวัตถุ มันมีที่ไหนที่จะสิ้นสุด ถ้าเราจะมาพิจารณาในเรื่องสังขารร่างกายมันมีอันเป็นไปเปลี่ยนแปลงไป แล้วมันจะได้อะไรจากการพิจารณาเหล่านี้ ถ้าเราจะมาพิสูจน์เรื่องจิต ใจมันก็ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ แม้แต่หลักวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ได้แต่รูป

แต่หลักของการปฏิบัติธรรม เราบอกว่าให้รับรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันจะมีปัจจัยสืบเนื่องกันให้มันเป็นวัฏจักรให้มันเป็นวงจรของชีวิตของสรรพสิ่งในโลกนี้ ไม่ว่าทางรูปธรรมมันก็ต้องอิงอาศัยซึ่งกันและกัน อย่างในธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ มันจะเป็นมิตรกันอยู่ ธาตุดินกับธาตุน้ำมันอาศัยกัน ถ้าไม่มีน้ำดินก็อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีดินน้ำก็อยู่ไม่ได้ ไฟกับลมก็คู่กัน แต่ในธาตุทั้ง 4 เหล่านี้มันจะเบียดเบียนกันอยู่ในตัว ธาตุไฟเป็นศัตรูกับธาตุน้ำ ธาตุลมเป็นศัตรูกับธาตุดิน เป็นวิทยาศาสตร์ที่เขาเข้าใจได้ เราก็อธิบายให้เขาเข้าใจ เขาเรียกว่าเหตุปัจจัย เพราะมันมีนี้มันถึงมีนั้นเพราะอันนั้นเกิดเพราะอันนี้

Image

• มีไหมคะที่ฝรั่งฟังแล้วได้ข้อคิดอะไรมากขึ้น ก็จะไปชวนเพื่อนๆ มา เหมือนคนไทยที่พอมาวัดนี้พระท่านสอนดีก็จะชวนเพื่อนๆ มากันอีก

ก็มีเหมือนกันนะ แต่ถ้าเพื่อนเขาไม่มีอุปนิสัย ก็คิดว่ายูไปเถอะถ้ายูเห็นว่าดี

• การไปสอนธรรมให้ชาวต่างชาตินั้น เป็นพระสงฆ์กับเป็นฆารวาสแตกต่างกันไหม

อันนี้รู้สึกว่าอยู่ในเพศฆราวาสคล่องตัวกว่านะ เพราะฉะนั้นเลยทำให้พวกมหายานเขาไปได้ดี เพราะหนึ่งนะความรู้สึกของพวกชาวต่างชาติเขาจะไม่มีความตะขิดตะขวงใจในการไปคุยไปสนทนาหรือว่าไปหาผู้สอนที่เป็นฆารวาส แต่ถ้าเขามาหาพระเราเนี่ยระเบียบมันจัด เรื่องมันเยอะ ต้องให้เขานั่งพับเพียบบ้าง พระบางรูปที่เรียกว่าไปอยู่ใหม่ๆ ถ้านั่งแบบฝรั่งก็บอกว่าไม่สวย ไม่เรียบร้อย ไม่เคารพไม่อะไรต่อไร พอไปแสดงออกอย่างนั้นฝรั่งบางคนก็คิดว่า ยูเป็นใครยูก็คนเหมือนกัน ปกติเขาก็หาว่าคนเอเซียเป็นกะเหรี่ยงอยู่แล้วใช่ไหม แล้วยังไปบอกให้เขาทำตามอีก

• ถ้าอย่างนั้นอยู่ในเพศบรรพชิตจะได้รับความเคารพนับถือดีกว่าหรือเปล่า

ไม่เชิง แต่เขาก็ให้เกียรติเรื่องยูนิฟอร์ม เขาจะถือเป็นประเพณีเขา ในความหมายของฝรั่งเขาไม่ถือว่าเราอยู่ในเพศบรรพชิตแล้วต้องปฏิบัติให้เคร่งให้บรรลุมรรคผลนิพพาน เขาจะไม่สนใจจุดนั้น เขาสนว่าเมื่อมาบวชในทางศาสนาของเราแล้วควรจะอยู่ในขอบเขต ส่วนจุดที่ว่าเราเหนือกว่าเขาในความรู้สึกของไทยว่าอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์ไม่มีสำหรับเขา เขาจะคิดว่าเป็นเครื่องแต่งตัวแบบหนึ่ง เป็นเครื่องหมายของนักบวชชาวพุทธเท่านั้นเอง

เขาคิดว่าเราก็ยังเป็นคนแต่ทำไมยกตนขึ้นให้สูงนัก และทำไมพระจะต้องพิเศษกว่าชาวบ้าน เขาเข้ามาหาเราแล้วเราจะเอาประเพณีไปบอกไปสั่งให้เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ ฝรั่งมีความรู้สึกว่าอีโก้ เขาต้องเหนือกว่าเพราะเขาเป็นประเทศที่เจริญเรื่องอารยธรรมมาก่อนเรา ถ้าจะพูดกันไปเราก็ยังเป็นอะไรที่ด้อยพัฒนาอยู่ที่จะไปสอนเขา ถ้าเขาไม่ยอมรับความสามารถความรู้จริงเขาจะไม่ถือว่าเป็นอาจารย์เขา

• แสดงว่าส่วนใหญ่พระที่อยู่ต่างประเทศมักเอาประเพณีคนไทยไปสอนฝรั่ง

90 % เลย เพราะส่วนใหญ่คิดว่าตัวเองเป็นพระมีทิฐิพระ ต้องสั่งให้เขาทำตาม ยิ่งไปสอนฝรั่งอยากจะโชว์อ๊อฟ ไปใช้เขาทำโน่นทำนี่ แต่ฝรั่งคิดว่าเขาไม่ได้มาอาสาเป็นคนงานของยูนะ นี่คือความเคยตัวของพระไทยเรา ฝรั่งส่วนมากเขาจะมาพิสูจน์ดูว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าจะช่วยเขาได้อย่างไร ส่วนเรื่องมรรค ผล นิพพาน เขาจะไม่ติดใจจุดนั้น เขาถือว่าเป็นเรื่องของผลของศาสนายู ดังนั้นพอเราไปพูดเรื่องปริยัติเขาบอกเขาอ่านตำราก็รู้แล้ว เขาไม่สนใจ

ต้องดูว่าธรรมที่เอาไปเผยแผ่ให้เขานี่เขาต้องการไหม มันเป็นแนวปฏิบัติหรือเป็นหลักปริยัติหรือเป็นธรรมประเภทที่จะใช้ได้ผลในชีวิตประจำวันของเขาแค่ไหนอย่างไร ส่วนนี้ที่เขาต้องการจากเรามาก เราสนองเขาได้ไหม

• มีไหมคะที่พระบางรูปปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมจนทำให้ชาวต่างชาติเสื่อมศรัทธา

มันก็มีเป็นธรรมดา เป็นช่วงที่จะให้ศาสนาเสื่อมมันก็เอาแต่จุดที่บกพร่องมาตีแผ่กัน มันก็เป็นไปตามยุคตามสมัย เพราะพระที่ท่านไปท่านก็ไปตามรูปแบบไปตามที่อบรมพระธรรมทูตบ้าง ยกตัวอย่างง่ายๆ จะไปเปิดร้านอาหาร ถ้าไปเรียนปรุงอาหารไม่กี่วันมันจะไปมีความชำนาญเหมือนกับที่เขาเป็นแม่ครัวพ่อครัวประจำได้ไง มันเป็นแบบนั้น แต่ไม่ใช่โจมตีท่านที่ไปกันทุกองค์ เพราะส่วนใหญ่ก็เสียสละต่อสู้กับอากาศหนาวบ้างอะไรบ้าง

แต่ว่าส่วนที่มุ่งที่จะเอาไปฝากเขามันยังไม่พร้อม ยังไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ อย่างที่พูดไปว่าอยากให้เขาเข้ามาวัดแล้วมาทำแบบคนไทยเราให้มากราบพระ ให้มานอบน้อมพระสงฆ์ให้มาอะไรต่ออะไร เขายอมรับไม่ได้ แต่เราก็ต้องใช้เวลา ถ้าเขาเข้าใจแล้วเขาก็ให้เกียรติเรา ฝรั่งถึงว่าสอนง่าย ถ้าถูกเขาก็ยอมรับว่าถูก ถ้าผิดเขาก็ว่าผิด ถ้าเยสก็เยส ถ้าโนก็ไม่ต้องพูดอีก มันไม่เอาทั้งนั้น

Image

• เรื่องการทำบุญในกิจกรรมต่างๆ ที่พระไทยอาจจะบอกบุญกับญาติโยมได้ เพราะคนไทยชอบทำบุญอยู่แล้ว แต่ไปบอกบุญลักษณะอย่างนี้กับฝรั่งเขาจะทำไหมคะ

ส่วนมากเขาทำนะ ถ้าเราไปอธิบายเหตุผลให้เขาฟัง พวกฝรั่งไม่ชอบให้ทานโดยไม่มีเหตุไม่มีผล อย่างที่ตอนนี้ฉันกำลังจะสร้างเจดีย์พุทธคยาจำลอง และพระพุทธรูปหยกขาว ที่วัดวังปลาโด ฉันก็บอกไปว่าจะสร้างไว้ให้เป็นประวัติศาสตร์ให้เป็นอนุสรณ์ ภายในเจดีย์จะเป็นแบ่งเป็นห้องปฏิบัติกรรมฐาน ห้องสำหรับผู้ที่จะอยู่ปฏิบัตินานๆ ได้ ห้องบรรยายธรรม และห้องที่ประดิษฐานพระพุทธเมตตาที่ทำจากหยกขาวที่ว่านี่แหละ เท่ากับว่าสร้างเจดีย์บนตึกให้มันได้ประโยชน์ให้มันได้ใช้

• จุดมุ่งหมายในชีวิตสุดท้ายแล้วก็คือการสร้างเจดีย์ให้สำเร็จหรือว่ามีอะไรมากกว่านี้อีกไหมคะ

เจดีย์เป็นเพียงวัตถุที่จะให้ลูกหลานเหลนได้กราบได้ไหว้ ได้ใช้ประโยชน์เท่านั้น แต่ในใจจริงๆ ที่ฉันกลับเข้ามาบวชครั้งนี้คิดว่าเพื่อเตรียมตัวตายอย่างเดียว ไม่เอาอะไรแล้ว ผ่านมาหมดแล้ว สร้างวัดมาหลายวัดแล้ว สอนคนมาตั้ง 40 กว่าปีแล้ว ทุกอย่างมันก็ควรจะพอ อายุป่านนี้แล้ว คิดว่าพอทีสำหรับประโยชน์ส่วนรวม เอาประโยชน์ส่วนตนบ้าง

ประโยชน์ส่วนตนในที่นี้ก็คือในเมื่อเราเป็นครูเขาเราก็ได้แต่เป็นผู้แนะเป็นผู้สอน แต่ก็ปฏิบัติเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ปฏิบัติจนถึงกับว่าสอนให้เขาทำ เป็นผู้นำทำให้เขาดู เพราะฉะนั้นเลยอยากจะนั่งกรรมฐานจนตายให้คนดูในความหมายจริงๆ นะ คือพอเสร็จเจดีย์นี้จะสร้างวิหารหลังหนึ่ง ตั้งใจไว้อย่างนั้น จะนั่งอยู่ตรงนั้นเป็นหรือตายก็อยู่ตรงนั้น นี่คือความรู้สึกส่วนลึก แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงแล้วแต่เหตุปัจจัยแล้วแต่บุญบารมี แต่ว่าวางแผนไว้อย่างนั้น

Image

แม้จะลงหลักปักฐานที่วัดวังปลาโดแล้ว แต่ทุกวันนี้หลวงตาโสบินยังคงต้องเดินทางไปเยี่ยมเยือนศูนย์ปฏิบัติธรรมในอเมริกาที่ท่านได้ริเริ่มก่อตั้งไว้ว่าเจริญงอกงามไปเพียงใด ส่วน เจดีย์พุทธคยาจำลอง ก็กำลังเดินหน้าก่อสร้างไปเรื่อยๆ พุทธศาสนิกชนท่านใดที่ประสงค์อยากจะร่วมบุญกับหลวงตา ก็ติดต่อไปได้ที่ โทร. 043-727-182 และ 08-1975-7439


โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 กรกฎาคม 2549 11:46 น.
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง