Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ตรัสเกี่ยวกับศาสนา....ท่านเห็นอย่างไร ?
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
กรัชกาย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
ตอบเมื่อ: 12 ส.ค. 2007, 1:47 pm
พระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชีนีนาถ เมื่อ 11 ส.ค.50 นำมาถ่ายทอดให้อ่านกันอีกครั้งหนึ่ง เน้นที่ตรัสเกี่ยวกับศาสนา-
ตรัสไว้เมื่อวันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2550 ขณะเป็นผู้แทนพระองค์ เยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการ) ดังนี้=>
ข้าพเจ้าได้พบปะคนไทย และนักเรียนไทยในเยอรมันนับพันคน ซึ่งหลายๆ คนอุตส่าห์ ใช้เวลาเดินทางมาพบหลายชั่วโมง และมีความยินดีที่ได้พบนี่อย่างแท้จริง
คำแรกที่เขาถามว่าในหลวงสบายดีหรือเปล่า
ก็สบายดีแข็งแรงขึ้นทุกวันแล้วหลังจากผ่าตัด ส่วนมากจะห่วงใยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และก็ห่วงใยบ้านเมือง แล้วข้าพเจ้าได้พบปะกับนักเรียนไทย ประมาณ 4 พันคน เขาได้ถามอะไรข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าก็ไม่คิดว่า จะถูกถามเรื่องพระพุทธศาสนากับรัฐธรรมนูญ ซึ่งข้าพเจ้าไม่คิดเลยที่จะโดนถามอย่างนั้น
ข้าพเจ้าก็อธิบายไม่ได้มีกระดาษอะไรเลย ต้องอธิบายว่า
ข้าพเจ้าคิดเองว่าพระบวรพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดสูงส่งแล้ว และได้รับการสนับสนุนมาตลอด ตั้งแต่สมัยสุโขทัย จากคนไทยทั้งชาติ
พระบวรพุทธศาสนาเป็นของที่สะอาดสูงสุด ทุกคนคิดว่าไม่อยากให้เข้าไปพัวพันกับคำว่าการเมือง ข้าพเจ้าพูดเช่นนั้นต่อหน้านักเรียนไทย 4 พันคน ควรเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้าว่า เป็นแสงสว่างในหัวใจของคนไทยทั้งหลาย
การเมืองบางครั้งก็มีความผิดพลาด บางครั้งก็มัวหมองได้หลายเรื่อง
เพราะฉะนั้นไม่ควรเอาพระบวรพุทธศาสนาไปไว้กับกฎหมายสูงสุดแห่งประเทศไทย คือ รัฐธรรมนูญ ควรจะทิ้งบวรพระพุทธศาสนาไว้เช่นนี้ ที่ถูกเทิดทูนโดยประชาชนทั้งชาติ พอข้าพเจ้าพูดจบ เล่าเหตุผลจบ ข้าพเจ้าได้รับการปรบมือดังสนั่นลั่นไปหมดเลยนาน
ในเมืองไทย ข้าพเจ้าได้ทราบว่า พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่คนนับถือมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ คงจะไม่ให้ใครมาแตะได้ ข้าพเจ้าเข้าใจว่า การเมืองบางครั้งมีอะไรหลายอย่าง ไม่ค่อยตรงไปตรงมานัก
เพราะฉะนั้น ดีแล้วที่พระบวรพระพุทธศาสนาแยกไปเสียให้พ้นจากการเมืองจะดีกว่า ไม่ทราบว่าทุกท่านในที่นี้เห็นอย่างเดียว กับข้าพเจ้าหรือเปล่า อันนี้ข้าพเจ้าถามนักเรียนไทย ขอบคุณมากค่ะ
ผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์บอกว่า
พระบวรพุทธศาสนาเป็นศาสนาของชาวไทยมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
พระเจ้าแผ่นดินองค์แรกๆของสุโขทัย เวลาจะขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินจะต้องกล่าวคำปฏิญาณว่า จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไว้ด้วยชีวิต ซึ่งเดี๋ยวนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ก็เช่นกัน ยังถือธรรมเนียมเหมือนอย่างคนไทยทั้งหลายถือว่า พระบวรพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ล้ำค่าของชีวิตคนไทยที่จะพึ่งพาเวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในชีวิต
พระบวรพุทธศาสนาเป็นแสงสว่าง เพราะฉะนั้นไม่มีวันยอมให้สลาย หรือล่มลงไปเป็นอันขาด
และดินแดนของชาวพุทธนี้ ชาวพุทธได้ทำชื่อเสียงมามากมาย
เช่น ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่าเชลยศึกสมัยที่ตอนนั้น ทางญี่ปุ่นได้ยึดครองประเทศไทย
เชลยศึกต่างชาติต่างๆได้รับการช่วยชีวิตได้รับการป้อนน้ำ แอบไปป้อนน้ำ เสี่ยงกับชีวิตตนเอง แล้วก็ป้อนอาหาร ซ่อนตัวเขาด้วย
ที่พูดอย่างนี้ ไม่อยากที่จะทำให้ใครต้องเสียใจ แต่พูดให้ทราบความจริงว่า บรรพบุรุษของไทยเรา แม้แต่ ในที่ผ่านมาไม่เท่าไหร่ไม่กี่ปีนี้ 50 ปีอะไรก็ตาม ก็ยังปฏิบัติตนทำให้ต่างประเทศชื่นชม และนับถือประเทศไทย แล้วน้ำใจของคนไทย ที่มีความเมตตากรุณา และมีความกล้าหาญที่จะแสดงความเมตตากรุณาด้วย
อันนี้ขอให้ท่านคิดดูดีๆ และ
ชาวต่างประเทศมาพูดกับข้าพเจ้า
บอกที่เขาชอบกรุงเทพมหานครเหลือเกิน เพราะว่าเมืองหลวงของประเทศไทยน่าอัศจรรย์
โบสถ์พุทธ
โบสถ์พราหมณ์
โบสถ์คริสต์
สุเหร่าอิสลาม
ทุกศาสนาอยู่ใกล้เคียงกัน ไม่เคยมีใครคิดไปวางระเบิด
หรือไปรบกวนศาสนาอื่นเลย ให้อิสระ สิทธิ เสรีภาพ ในการที่จะนับถือศาสนาใดก็ได้ ซ้ำสนับสนุน นี่แหละ ฝรั่งเขาบอกคือการปฏิบัติต่อกันของคนที่มีความเจริญอย่างแท้จริง เจริญสุดทางด้านจิตใจอันนี้น่าชื่นใจมาก
ถึงเวลาที่กรุงเทพฯ ถึงเวลาสวดของใคร ใครก็ไป ถึงเวลาใครทำพิธีของใครก็ไป โดยไม่ไปรังแกซึ่งกันและกัน อันนี้ต่างประเทศเขาบอกยอดสุดๆ คนไทยนี่
ข้าพเจ้าคิดพูดเฉพาะกับท่านว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นจะต้องถือเป็นกรณีพิเศษ นักเรียนไทยที่เยอรมันก็ฮากันตูมลั่นเชียว
เพราะว่า เขาก็จะฆ่าพระ
รังแกพระ ไม่ให้ออกบิณฑบาตอะไร
ไม่เหมือนกับคนไทยทั้งชาติที่เคยทำมา
พวกเราต้องมีอารมณ์เย็น เราไม่เคยไปเบียดเบียนรังแกอะไรใคร ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา
ความเชื่อของแต่ละบุคคล เราถือว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเต็มที่ในการที่จะเชื่อในศาสนาใดก็ได้ทั้งนั้น แต่ว่าถ้ามากเกินไป ก็ต้องคอยเตือนคอยดูแลคอยสำทับ แต่ก็น่าเศร้าใจ
_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
pat_br
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 6
ตอบเมื่อ: 13 ส.ค. 2007, 9:25 am
เป็นพระราชเสาวนีย์ที่ประทับใจมากค่ะ โดยเฉพาะข้อความนี้
พระบวรพุทธศาสนาเป็นแสงสว่าง เพราะฉะนั้นไม่มีวันยอมให้สลาย หรือล่มลงไปเป็นอันขาด
เสกสรรค์
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 02 ส.ค. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): นครพนม
ตอบเมื่อ: 13 ส.ค. 2007, 8:47 pm
เรื่องน่าคิดมีอยู่ว่า........
.......ตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ รัฐธรรมนูญอยู่ที่ไหน
.......ตอนที่พระพุทธเจ้าเผยแผ่ ศาสนา นั้นรัฐธรรมนูญอยู่ที่ไหน
.......ตอนที่พระอุตระนำพระศาสนามาประดิษฐ์ฐานไว้เป้นมิ่งมงคลสูงสุดของชาวสุวรรณภูมิ รัฐธรรมนูญอยู่ที่ไหน
.......2500 ปีก่อน ประชาธิปไตย เป็นอย่างไร
........ธรรมาธิปไตยกับประชาธิปไตย แตกต่างกันอย่างไร
........ของที่มีค่าที่สุดควรเก็บไว้ที่ใด บนพานที่มนุษย์บัญญัติว่าเป้นกติกาการปกครองเช่นนั้นหรือ
หรือควรจะประดับไว้ในใจที่มีคุณธรรมที่ควรค่ากัน
.......เรากำลังหาข้อสรุปอะไร..........เปลือก?..........กระพี้?............แก่น?..........หรือยังไม่ใช่ทั้ง 3
.......จากประวัติศาสตร์ของพระศาสนา ที่คงอยู่มาจนทุกวันนี้ ได้เกิดจาก ชนชั้นปกครอง........ซึ่งสมัยก่อนเป็นคนในสถาบันกษัตริย์ มีความเข้าใจ ศรัทธา........อุปถัมถ์.......ค้ำชู.........ตั้งแต่พระเจ้าพิมพิสาร........พระเจ้าอโศกมหาราช........กษัตริย์ลังกา.........จนมาถึง .พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ทั้งที่ทรงพระชนม์อยู่.......และที่สวรรณคตไปแล้ว........
......การศึกษาประวัติศาสตร์จะน่าทำให้เราก้าวเดินไปสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง.........
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th