Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พระอรหันต์นิพพานดับไปแล้ว เอาอะไรมาคุยกับท่านอาจารย์มั่น ? อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
dharma_sawasdee
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 23
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2007, 10:12 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สมเด็จพระสังฆราชถามปัญหา
พระอรหันต์นิพพานดับไปแล้ว เอาอะไรมาคุยกับท่านอาจารย์มั่น


ตอบโดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัล อ.เมือง จ.นครราชสีมา



สมเด็จพระญาณสังวรฯ สมเด็จพระสังฆราช เสด็จเยี่ยมหลวงพ่อที่วัดป่าสาลวัน

แล้วอีกอันหนึ่ง ในหนังสือของ หลวงตามหาบัว เขียนประวัติของ หลวงปู่มั่น ตอนที่ว่า หลวงปู่มั่นคุยกับพระพุทธเจ้า คุยกับพระอรหันต์ ซึ่งนักปราชญ์ทั้งหลายนำไปวิจารณ์กัน ทั้งข่าวหนังสือพิมพ์ ทั้งหนังสือธรรมะ ท่านทั้งหลายลงความเห็นว่า พระพุทธเจ้า พระอรหันต์นิพพานดับไปแล้ว เอาอะไรมาคุยกับท่านอาจารย์มั่น สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันท่านก็เคยถาม ไปเฝ้าท่าน ท่านก็ถามว่า

“มาแล้วก็ดี สงสัยปัญหาเรื่องหลวงปู่มั่น ที่อาจารย์มหาบัวเขียนว่า หลวงปู่มั่นคุยกับพระพุทธเจ้า พระอรหันต์นี่ ในหลักตำราก็พูดถึงพระนิพพานว่าดับไปแล้ว เอาอะไรมาคุยกับท่านอาจารย์มั่น”
ก็เรียนท่านว่า

“มันเป็นจิตรู้ของท่านอาจารย์มั่น ในเมื่อจิตสัมผัสถึงคุณธรรมขั้นสูงแล้ว ถ้าเป็นภูมิของพระอริยสงฆ์ ก็ปรากฏเป็นภาพพระอริยสงฆ์ขึ้น ถ้าจิตถึงพระพุทธเจ้า กับพระอรหันต์ แต่ที่แท้จริงพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ไม่ได้มาหรอก เป็นจิตรู้ของท่านอาจารย์มั่น”

“อ้อ..มันเป็นอย่างนั้นหรือ”

ที่นี้อีกปัญหาหนึ่งที่ท่านถามว่า

“ฐีติภูตัง ของหลวงปู่มั่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
เรียนท่านว่า

“ธมฺมฏฺฐิตตา ธมฺมนิยามตา

ธมฺมฏฺฐิตตา เพราะความที่จิตสงบ นิ่ง เด่น สว่างไสวอยู่ ธมฺมนิยามตา หมายถึงอารมณ์จิตที่ละเอียดอันเป็นสภาวะอยู่หนึ่ง มาปรากฏให้จิตรู้อยู่ตลอดเวลา มันมีลักษณะเหมือนว่าสิ่งรู้ก็อยู่ประเภทหนึ่ง ตัว ฐีติ นี้มันก็นิ่งเด่นของมันอยู่ หมายถึงในขณะที่จิตกับอารมณ์มันแยกออกจากกันได้แล้ว ทีนี้เพราะความรู้ทั้งนี้เกิดขึ้น จิตไม่มีอุปาทานยึดมั่นในความรู้นั้น

มันจึงปรากฏว่าสิ่งรู้ทั้งหลายนี้เป็นอันหนึ่ง จิตก็เป็นอีกอันหนึ่ง ความรู้ที่เกิดขึ้นแล้ว มันแยกออกจากจิตได้ มันเป็นตัว วิสังขาร แต่ถ้ารู้แล้วจิตยังสำคัญมั่นหมายว่าอะไรเป็นอะไรอยู่ มันเป็นตัว สังขาร มันเป็น สังขารา อนิจจา ฐีติภูตัง ของหลวงปู่มั่นนี้เป็นวิสังขาร จิตรู้แล้วไม่ยึดสิ่งรู้ มีแต่ปล่อยวางลูกเดียว”

เพราะฉะนั้น นักภาวนาทั้งหลายถ้าทำสมาธิถึงขนาดที่มองเห็นความตายของตัวเอง จะหายสงสัยในธรรมวินัยทั้งหมด ถึงไม่สำเร็จอรหันต์ก็หายสงสัย
พระพุทธเจ้ามาคุยกับพระอาจารย์มั่นได้ไหม



''ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม''


พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านไม่มายุ่งกับใครหรอก เพราะท่านนิพพานไปแล้ว ร่างกายตัวตนท่านก็ไม่มี ท่านจะเอากายที่ไหนมาปรากฏให้เรารู้เราเห็น ท่านจะเอาปากที่ไหนมาคุยให้เราฟัง แต่ที่เป็นไปได้เช่นนั้น เพราะเป็นจิตรู้ของผู้ทำสมาธิภาวนาไปถึงขั้นหนึ่ง ถึงจิตสัมผัสธรรม ซึ่งทำจิตให้เป็นพุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ทีนี้จิตดวงนี้ก็แสดงมโนภาพขึ้นมาให้เราเห็นได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเราเรียกว่านิมิตนั่นแหละ

ที่ว่าเป็นนิมิต บางทีเห็นเป็นพระพุทธเจ้า พระสาวกเดินเข้ามาหาเรา หรือบางทีก็มายืนเทศน์สอนเราอยู่ แต่แท้ที่จริงไม่ใช่พระพุทธเจ้าหรือพระสาวกเหล่านั้นเดินมาเทศน์หรือมานั่งเทศน์ให้เราฟัง แต่ว่าจิตรู้ของเราเองที่มันถึงธรรมแล้วนี้ สารพัดที่เขาจะแสดงปรากฏการณ์ให้เรารู้เราเห็น เพื่อความมั่นใจในความรู้ของตัวเอง คล้าย ๆ กับว่าเขาจะสร้างมโนภาพ สร้างนิมิตขึ้นมาเสริมศรัทธาที่เชื่อมั่นอยู่แล้วให้มั่นคงยิ่งขึ้น

นิมิตที่ปรากฏแก่ท่านพระอาจารย์มั่นนั้นน่ะ มันเป็นไปได้ในภาษิตที่พระพุทธเจ้าทรงสอนพระวักกลิว่า “โย ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ” ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นถือว่าเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นถือว่าเห็นธรรม ผู้ใดเห็นเราเห็นธรรม ผู้นั้นเชื่อว่าเห็นพระสงฆ์ ผู้ใดเห็นธรรมเห็นพระสงฆ์ ผู้นั้นเชื่อว่าเห็นเรา

เพราะฉะนั้น ในเมื่อท่านอาจารย์มั่นท่านมีจิตของท่านบรรลุถึงคุณธรรมที่ทำให้จิตเป็นพุทธะ เป็นจิตพุทธะแล้วนี่ ก็สารพัดที่จิตของท่านจะสร้างมโนภาพขึ้นมาให้ท่านรู้ท่านเห็น อันนี้เป็นภูมิรู้ภูมิธรรมของท่านเอง


---------------------------------------------------------------------------------------------------------

ที่มา หนังสือวรธัมโมกถา

http://www.dharma-gateway.com/

ขอบคุณ http://www.palungjit.com/board/showthread.php?t=86232
 

_________________
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สรณัง คัจฉามิ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
chanon
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 8

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2007, 12:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนา สาธุ
 

_________________
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2007, 9:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ผู้เยี่ยมชม.
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 22 พ.ค. 2007
ตอบ: 95

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2007, 10:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คำถามสุดยอดเลยครับ

ระหว่าง นิพพาน กับ ปรินิพพาน ใครที่มีความรู้ช่วยขยายความ 2 คำนี้หน่อยครับ



สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
bad&good
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 115

ตอบตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2007, 9:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปรบมือ
 


แก้ไขล่าสุดโดย bad&good เมื่อ 16 ส.ค. 2007, 8:01 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2007, 2:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีใครเคยคิดโต้เถียงหรือทะเลาะกับคนอื่น อยู่คนเดียวบ้าง ? ขำ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ผู้เยี่ยมชม.
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 22 พ.ค. 2007
ตอบ: 95

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2007, 3:00 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีใครเคยคิดโต้เถียงหรือทะเลาะกับคนอื่น อยู่คนเดียวบ้าง

หมายถึงว่า การโต้เถียงในลักษณะ ชวนทะเลาะ ไหมครับ คือ พูดเองฝ่ายเดียวอีกฝ่ายหนึ่งเขาไม่เล่นด้วย

ถ้าในลักษณะนี้เจอบ่อยครับ ทั้งการมัดมือชก การหาเรื่องทะเลาะเพราะความไม่พอใจของตนฝ่ายเดียว การหาเรื่องใส่ร้ายกุความเท็จเพื่อเป็นชนวนในการวิวาทเหตุมาจากความไม่พอใจของตนฝ่ายเดียว มากกว่านี้ก็มีนะครับแต่ยังรู้ไม่หมดทุกรูปแบบ

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตะแง๊ว
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 09 ส.ค. 2007
ตอบ: 72
ที่อยู่ (จังหวัด): สุโขทัยธานี

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2007, 6:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ซึ้ง สาธุ..เจ้าค่ะ
 

_________________
“จงทำจิตให้บริสุทธิ์” ด้วยความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หรือแม้กระทั่ง “ตัวของเราเอง”
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตะแง๊ว
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 09 ส.ค. 2007
ตอบ: 72
ที่อยู่ (จังหวัด): สุโขทัยธานี

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2007, 6:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผีเสื้อ เทียน ผีเสื้อ ผีเสื้อ
 

_________________
“จงทำจิตให้บริสุทธิ์” ด้วยความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หรือแม้กระทั่ง “ตัวของเราเอง”
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เสกสรรค์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 02 ส.ค. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): นครพนม

ตอบตอบเมื่อ: 11 ส.ค. 2007, 6:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้ม จิตเป็นนามธรรม ไม่เคยตาย การบรรลุมรรคผลนิพพาน ก็คือการขจัดกิเลส ออกจากใจจนหมด ไม่มีเชื้อให้เกิดอีก............

.........คงอยู่เพียงดวงจิตเด่นอยู่ ............สสารไม่สูญหาย..........จิตก็ไม่สูญหายฉันนั้น............
ในเมื่อไม่สูญหายเหตุใดจะปรากฎมาให้เห็นไม่ได้............เพียงแต่ว่าจะเห็นจากตาเนื้อหรือจิต..........ของหลวงปู่มั่นเข้าใจว่าท่านใช้จิตดู..............อหนึ่งพุทธวิสัยเป้นสิ่งที่คาดเดาได้อยาก
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
aek_nida7
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 22 มิ.ย. 2006
ตอบ: 11
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม

ตอบตอบเมื่อ: 14 ส.ค. 2007, 11:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนา กับ ธรรมทานในกระทู้นี้ครับ
 

_________________
ดูใจตัวเอง ให้รู้ว่ามีอะไรมากระทบ และเกิดอะไรขึ้น แล้วปล่อยซะ ไตรลักษณ์เกิดดับให้เราเห็นอยู่ทุกขณะจิต

อย่าให้อกุศลของผู้อื่น มาทำให้จิตเราเกิดอกุศล

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2007, 1:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นิพพานใช้กับพระมหาสาวก หรือ พระสาวกทั่วไป เช่นพระสารีบุตรจะไปทูลลาพระพุทธเจ้าเพื่อนิพพาน พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า สารีบุตรเธอจะนิพพานหรือ พระสารีบุตร ตอบว่า พระเจ้าข้า พระพุทธองค์ตรัสต่อว่า ถ้าอย่างนั้นเธอจงแสดงธรรมให้เราฟังก่อน เพราะต่อไปเราจะไม่ได้พบเธออีกแล้วการพบครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย พระสารีบุตรตอบว่า พระเจ้าข้า แล้วพระสารีบุตรก็แสดงธรรมให้พระพุทธเจ้าฟัง เสร็จแล้วก็ทูลลาไปนิพพานที่บ้านเกิด

ส่วนปรินิพพานนั้นใช้เฉพาะกับพระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้น ที่พระพุทธองค์ตรัสบอกกับพระอานนท์ว่าเราจะไปปรินิพพานที่เมืองกุสินารา ในอีก 3 เดือนข้างหน้า

b&g ฟุ้ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2007, 1:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอบกระทู้
ท่านเอา อาทิสมานกายมาหาเพื่อแสดงธรรมให้ฟังครับ คือกายอันเป็นทิพย์นั่นเอง พระอาจารย์สุจิน สุจินโณได้ตอบกระผมมาอย่างนี้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง