Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พุทธพจน์ ลักษณะพระปลอม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
santisuk
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 เม.ย. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): LAMPANG

ตอบตอบเมื่อ: 15 มิ.ย.2007, 8:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



วัด 14.jpg


*** พุทธพจน์ ลักษณะพระปลอม ***
*** ภิกษุปลอม ***

..... ภิกษุทั้งหลาย.. ฬาที่เดินตามฝูงโคไปข้างหลัง แม้มันจะร้องอยู่ว่า "ข้าเป็นโค ข้าเป็นโค" ดังนี้ก็ตามที แต่สีของมันก็หาเป็นโคไปได้ไม่ เสียงของมันก็หาเป็นโคไปได้ไม่ เท้าของมันก็หาเป็นโคไปได้ไม่ มันได้แต่เดินตามฝูงโคไปข้างหลัง แล้วร้องเอาเองว่า "ข้าเป็นโค ข้าเป็นโค" ดังนี้เท่านั้น ฉันใด

..... ภิกษุทั้งหลาย... ภิกษุบางรูปก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ แม้จะเดินตามหมู่ภิกษุ (แท้) ไปข้างหลัง แม้จะร้องประกาศอยู่ว่า "ข้าเป็นภิกษุ ข้าเป็นภิกษุ" ดังนี้ก็ตามที แต่ความปรารถนาในการประพฤติ ศีลสิกขาของเขา ไม่เหมือนของภิกษุ (แท้) ทั้งหลาย ความปรารถนาในการประพฤติจิตตสิกขาของเขา ไม่เหมือนของภิกษุ (แท้) ทั้งหลาย ความปรารถนาในการประพฤติปัญญาสิกขาของเขา ไม่เหมือนของภิกษุ (แท้) ทั้งหลาย ภิกษุรูปนั้นได้แต่เดินตามหมู่ภิกษุ (แท้) ไปข้างหลัง แล้วร้องประกาศเอาเองว่า "ข้าเป็นภิกษุ ข้าเป็นภิกษุ" ดังนี้เท่านั้น

..... ภิกษุทั้งหลาย... เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้ว่า "ความปรารถนาในการประพฤติ ศีลสิกขา ของเรา ต้องเข้มงวดเสมอ ความปรารถนาในการประพฤติ จิตตสิกขา ของเรา ต้องเข้มงวดเสมอ ความปรารถนาในการประพฤติ ปัญญาสิกขา ของเรา ต้องเข้มงวดเสมอ" ดังนี้ ภิกษุทั้งหลาย... พวกเธอทั้งหลายพึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้ แล.
..... ติก. องฺ ๒๐/๒๙๔/๕๒๒

.....อยู่เย็นเป็นสุข
.....santisuk
ดอกไม้
 

_________________
DHAMMA IS MY LIFE
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
santisuk
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 เม.ย. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): LAMPANG

ตอบตอบเมื่อ: 16 มิ.ย.2007, 10:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

*** พุทธพจน์ ลักษณะพระปลอม ***

*** ภิกษุนอกบัญชี ***

*** ภิกษุทั้งหลาย... ภิกษุเหล่าใด เป็นคน หลอกลวง กระด้าง พูดพล่าม ยกตัว จองหอง ใจฟุ้ง ภิกษุเหล่านั้น ไม่ใช่ "คนของเรา"
*** ภิกษุทั้งหลาย...ภิกษุเหล่านั้น ได้ออกไปนอกธรรมวินัยนี้เสียแล้ว และ พวกภิกษุเหล่านั้น ย่อมไม่ถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ในธรรมวินัยนี้ได้เลย
*** คัดจากบาลีพระพุทธภาษิต จตุกฺก. องฺ ๒๐/๓๓/๒๖

*** เมื่อเอาพุทธพจน์ข้อนี้มาเป็นหลักพิจารณาแล้ว ภิกษุสมัยนี้ส่วนมากก็ "ไม่ใช่คนของเรา" และ ไม่ใช่มากขึ้นอีก ก็เพราะ เขาเผยแพร่ไสยศาสตร์ ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาผี ขณะนี้ ยังเผยแพร่ศาสนา "อ้ายขิก" ขนาดเล็ก คนโง่ซื้อไปแขวนคอ ขนาดใหญ่ใช้แขวนที่บั้นเอว ภิกษุบางรูปก็เอาวางไว้ที่แท่นพระบูชา เพราะ ถือว่า ได้ทำพิธีพุทธาภิเษกแล้ว

*** เพิ่มเติม พระพุทธองค์ ทรงสอนให้ละกาม ทั้งจากภายนอกและภายใน สิ่งที่นำมาทำพิธีนั้นล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ที่จะต้องเน่าเปื่อยสลายไป แต่กลับนำมาเข้าพิธีพุทธาภิเษก ซึงขึ้นต้นด้วยคำว่า "พุทธ" ซึ่งเป็นคำเฉพาะ ฉายาของพระพุทธเจ้า นับว่าเป็นการไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง และ ทำให้หลงงมงายไป กลายเป็นพวกที่ถือลัทธินอกรีตไป เป็นการทำให้คนเข้าใจศาสนาคำสอนของพระองค์ ผิดไปมาก ดัง คำทำนายของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ทรงทำนายความฝันแก่ พระเจ้าปเสนทิโกศล เอาไว้ นับว่าเป็นจริงอย่างนั้นทีเดียว

......อยู่เย็นเป็นสุข
.....santisuk
ดอกไม้
 

_________________
DHAMMA IS MY LIFE
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
suntisuk
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 17 มิ.ย.2007, 9:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

*** พุทธพจน์ ลักษณะพระปลอม ***
*** ภิกษุนอกคอก ***
*** ภิกษุทั้งหลาย... ภิกษุผู้เป็นที่เชื่อถือของมหาชนทั่วไป เมื่อมีการกระทำสามอย่างดังต่อไปนี้แล้ว ได้ชื่อว่า เป็นผู้ทำมหาชนให้เสื่อมเสีย ทำมหาชนให้หมดสุข ทำไปเพื่อความฉิบหายแก่มหาชน ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล แต่เป็นไปเพื่อความทุกข์ ทั้งแก่เทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย การกระทำสามอย่างอะไรบ้างเล่า ? สามอย่าง คือ ทำการชักชวนมหาชนในกายกรรม ฯลฯ ทำการชักชวนมหาชนในวจีกรรม ฯลฯ ทำการชักชวนมหาชนในการบำเพ็ญทางจิต อันผิดแนวแห่งการทำให้พ้นทุกข์ในพระศาสนา
*** ภิกษุทั้งหลาย... ภิกษุผู้เป็นที่เชื่อถือของมหาชนทั่วไป เมื่อมีการกระทำสามอย่างเหล่านี้แล้ว ได้ชื่อว่า เป็นผู้ทำมหาชนให้เสื่อมเสีย ทำมหาชนให้หมดสุข ทำเพื่อฉิบหายแก่มหาชน ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เป็นไปเพื่อความทุกข์ทั้งแก่เทวดา และ มนุษย์ทั้งหลายแล.
*** พระพุทธภาษิต ติก. องฺ ๒๐/๑๓๓/๔๕๐
*** กายกรรม เช่น พิธีรีตองต่าง ๆ เพื่อให้พ้นทุกข์ อันไม่จริง
*** วจีกรรม เช่น การท่องคาถาอาคม ที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ บันดาลอะไร ๆ ได้
*** บำเพ็ญทางจิต เช่น ทำกรรมฐาน หรือ วิปัสสนาผิด ๆ หรือ มุ่งหมายอิทธิฤทธิ์ ไม่ใช่เพื่อดับทุกข์

......อยู่เย็นเป็นสุข
.....santisuk
ดอกไม้
 
suntisuk
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 19 มิ.ย.2007, 9:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

*** พุทธพจน์ ลักษณะพระปลอม ***
*** ภิกษุผู้นำเก๊ ***

.....ภิกษุทั้งหลาย...เรื่องเคยมีมาแล้ว โคบาลชาวมคธ เป็นคนปัญญาทึบโดยกำเนิด ไม่คำนึงถึงฤดูกาลในเดือนท้ายฤดูฝน ไม่ตรวจตราดูฝั่งแม่น้ำคงคาทางฟากนี้ ได้ต้อนฝูงโคข้ามไปฝั่งเหนือ แห่งวิเทหรัฐฟากโน้น ตรงที่ซึ่งมิใช่ท่าสำหรับโคข้าม ฝูงโคจึงต้องว่ายวกเวียนในท่ามกลางกระแสแม่น้ำคงคา ก็พากันถึงความตาย ในกลางกระแสน้ำนั้นเอง ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร? เพราะเหตุที่โคบาลชาวมคธ เป็นคนปัญญาทึบโดยกำเนิด ฯลฯ ได้รีบต้อนฝูงโคให้ข้าม ตรงที่ซึ่งมิใช่ท่าสำหรับโคจะข้ามเลย

.....ภิกษุทั้งหลาย...ฉันใดก็ฉันนั้น สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง เป็นผู้ไม่ฉลาดเรื่องโลกนี้ เรื่องโลกอื่น เรื่องเวียนว่ายตายเกิด อันเป็นที่อยู่ของมาร เรื่องนิพพาน อันไม่เป็นที่อยู่ของมาร เรื่องเวียนว่ายตายเกิด อันเป็นที่อยู่ของมฤตยู เรื่องนิพพาน อันไม่เป็นที่อยู่ของมฤตยู ชนเหล่าใด เกิดไปสำคัญว่า ถ้อยคำของสมณ หรือ พราหมณ์เหล่านั้น ควรฟังควรเชื่อ ข้อนั้นจักเป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเหล่านั้นสิ้นกาลนาน...

จุฬโคปาลสูตร มู.ม. ๑๒/๔๑๘/๓๘๙
......อยู่เย็นเป็นสุข
.....santisuk
ดอกไม้
 
santisuk
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 เม.ย. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): LAMPANG

ตอบตอบเมื่อ: 22 มิ.ย.2007, 2:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

*** พุทธพจน์ ลักษณะพระปลอม ***

*** ภิกษุทั้งหลาย... พวกเธอทั้งหลายจักตัดสินเนื้อความสองข้อนี้ ว่าอย่างไหนจะดีกว่ากัน คือ การที่ถูกบุรุษมีกำลังแข็งแรง เอาขอเหล็กอันร้อนเป็นเปลวไฟลุกโพลงส่งแสงโชติช่วง กระชากปากให้เปิด แล้วโยนก้อนเหล็กแดงอันร้อนแรงลุกโพลงส่งแสงโชติช่วง เข้าไปในปาก มันไหม้ริมฝีปาก ไหม้ปาก ไหม้ลิ้น ไหม้คอ ไหม้ท้อง ไหม้ลำไส้ใหญ่ของเขา พาลำไส้น้อยออกมาทางทวารเบื้องต่ำ กับการบริโภคก้อนข้าว ที่พวกกษัตริย์ หรือ พราหมณ์ หรือ คฤหบดีผู้ยิ่งใหญ่ ถวายด้วยศรัทธา

*** "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ... การบริโภคก้อนข้าว ฯลฯ นั้นแหละดีกว่า ฯลฯ พระเจ้าข้า"

*** ภิกษุทั้งหลาย... เราจักอธิบายแก่พวกเธอทั้งหลายให้เข้าใจ การที่ถูกบุรุษมีกำลังแข็งแรง เอาขอเหล็กอันร้อนเป็นเปลวไฟลุกโพลง ส่งแสงโชติช่วง กระชากปากให้เปิด แล้วโยนก้อนเหล็กแดง อันร้อนแรงลุกโพลง ส่งแสงโชติช่วงเข้าไปในปาก มันไหม้ริมฝีปาก ไหม้ปาก ไหม้ลิ้น ไหม้คอ ไหม้ท้อง ไหม้ลำไส้ใหญ่ของเขา พาลำไส้เล็กออกมาทางทวารเบื้องต่ำ นั้นต่างหาก เป็นการดี สำหรับคนซึ่งเป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่ไม่สะอาด มีความประพฤติชนิดที่ ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำซ่อนเร้น ตนไม่ใช่สมณะ ก็อ้างว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่คนประพฤติพรหมจรรย์ ก็อ้างว่า ประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าในเปียกแฉะ มีสัญชาติหมักหมม เหมือนบ่อที่เทขยะมูลฝอย ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุใด?

*** ภิกษุทั้งหลาย... เพราะว่า การที่เขาจะต้องตาย หรือ ได้รับทุกข์เจียนตาย ฯลฯ ก็หาได้เป็นเหตุให้เขาต้องไปเกิดในอบาย ในภูมิชั่ว ในภพที่รับทุกข์ ในนรกภายหลังแต่ความตายไม่ ส่วนการที่เขาเป็น คนทุศีล มีความเป็นอยู่ลามกไม่สะอาด มีความประพฤติชนิดที่ตนเองนึกแล้ว ก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ใช่สมณะก็อ้างว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่คนประพฤติพรหมจรรย์ ก็อ้างว่า ประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าในเปียกแฉะ มีสัญชาติหมักหมมเหมือน บ่อที่เทขยะมูลฝอย แล้วยัง (มีความคิดที่จะ) บริโภคก้อนข้าว ที่พวกกษัตริย์ หรือ พราหมณ์ หรือ คฤหบดีผู้ยิ่งใหญ่ ถวายด้วยศรัทธา นั้น ย่อมเป็นไปเพื่อ ความทุกข์ ไม่เกื้อกูลแก่เขา ตลอดกาลนาน เมื่อตาย (หมดความดี) คนทุศีล ย่อมเข้าถึงอบายภูมิชั่ว ภพที่รับทุกข์ นรก

*** พระพุทธภาษิต สตฺตก องฺ ๒๓/๑๓๓/๖๙

*** คำว่า "ความตาย" ในภาษาธรรมะ หมายถึง การหมดความดี ไม่ใช่การตายแบบนำเข้าโลง ตามภาษาของชาวโลก

......อยู่เย็นเป็นสุข
.....santisuk
 

_________________
DHAMMA IS MY LIFE
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
santisuk
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 เม.ย. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): LAMPANG

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2007, 8:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทธพจน์ ลักษณะพระปลอม /// องค์การฟื้นฟูพระศาสนา

ภิกษุมหาโจร...
ภิกษุทั้งหลาย... มหาโจรผู้ประกอบด้วยองค์ห้า ย่อมมีโอกาสตัดช่องก็ได้ ย่องเบาก็ได้ ปล้นสดมภ์ก็ได้ ตีชิงก้ได้ องค์ห้า คืออย่างไรเล่า องค์ห้าในกรณีนี้คือ มหาโจรได้อาศัยที่ส้องสุม ได้อาศัยที่กำบัง ได้อาศัยพึ่งพิงผู้มีอำนาจ ได้อาศัยการโปรยทรัพย์ เที่ยวไปคนเดียว
มหาโจร ได้อาศัยที่ส้องสุม เป็นอย่างไร? มหาโจรได้อาศัยเกาะแก่งในแม่น้ำ หรือ ได้อาศัยหุบเหวตามภูเขา นี้แลเรียกว่า มหาโจรได้อาศัยที่ส้องสุม
มหาโจร ได้อาศัยที่กำบัง เป็นอย่างไร? มหาโจรได้อาศัยพงหญ้า หรือ ป่ารก ได้อาศัยเนินดิน หรือ ราวป่าใหญ่ เพื่อเป็นที่กำบัง นี้แลเรียกว่า มหาโจรได้อาศัยที่กำบัง
มหาโจร ได้อาศัยพึ่งพิง ผู้มีอำนาจนั้นเป็นอย่างไร? มหาโจร ได้อาศัยพระราชา หรือ อำมาตย์ของพระราชาเป็นที่พึ่งว่า "ถ้าใครจักว่าเราด้วยเรื่องอะไร ๆ พระราชา หรือ อำมาตย์ ของพระราชาเหล่านี้จักช่วยได้แทนเรา" ดังนี้ ครั้นใครว่า มหาโจรนั้น ด้วยเรื่องไร ๆ ขึ้นจริง พระราชา หรือ อำมาตย์ ของพระราชาเหล่านั้น ก็ช่วยโต้แทนให้จริง นี้แลเรียกว่า มหาโจร ได้อาศัยพึ่งพิงผู้มีอำนาจ
มหาโจร ได้อาศัยการโปรยทรัพย์ เป็นอย่างไร? กรณีนี้คือ มหาโจรเป็นคนมั่งคั่งมีทรัพย์สมบัติมาก เขามีแผนการณ์ไว้ว่า "ถ้าใครจักว่า เราด้วยเรื่องไร ๆ เราจะปิดปากมันเสียด้วยทรัพย์สมบัติ" ดังนี้ ครั้นใครว่า มหาโจรนั้นด้วยเรื่องไร ๆ ขึ้นจริง เขาก็ปิดปากให้สินบนคนเหล่านั้นเสีย ด้วยทรัพย์สมบัติ นี้แลเรียกว่า มหาโจร ได้อาศัยการโปรยทรัพย์
มหาโจร เที่ยวไปคนเดียว เป็นอย่างไร? มหาโจรประพฤติตนเป็นคนไม่มีเหย้าเรือน เที่ยวไปแต่ผู้เดียว ที่ทำเช่นนี้เพราะเหตุไร? เพราะ มหาโจรนั้นคิดว่า "ความลับของตนจะได้ ไม่แพร่งพรายออกไป" นี้แลเรียกว่า มหาโจรเที่ยวไปคนเดียว
ภิกษุทั้งหลาย... มหาโจรผู้ประกอบด้วยองค์ห้าเหล่านี้แล้ว ย่อมมีโอกาสตัดช่องก็ได้ ย่องเบาก็ได้ ปล้นสดมภ์ก็ได้ ตีชิงก็ได้ ข้อนี้ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย.. ฉันใดก็ฉันนั้น ภิกษุลามกผู้ประกอบด้วยเหตุห้าอย่าง ย่อมทำตนให้ถูกขุดราก กำจัดความดี เป็นผู้มีความชั่วติดตัว ผู้รู้พากันติเตียน ได้ประสบสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมาก เหตุห้าอย่างอะไรกันเล่า? เหตุห้าอย่างในกรณีนี้คือ ภิกษุลามกได้อาศัยที่ส้องสุม ได้อาศัยที่กำบัง ได้อาศัยพึ่งพิงผู้มีอำนาจ ได้อาศัยการโปรยทรัพย์ และ เที่ยวไปคนเดียว
ภิกษุลามกได้อาศัยที่ส้องสุม เป็นอย่างไร? ภิกษุลามกที่เป็นผู้ประกอบด้วย กายกรรม วจีกรรม และ มโนกรรม อันคดโกง (ที่ชาวบ้านไม่รู้) นี้แลเรียกว่า ภิกษุลามกได้อาศัยที่ส้องสุม
ภิกษุลามกได้อาศัยที่กำบัง เป็นอย่างไร? ภิกษุลามกที่เป็นคนมีความเห็นผิดเป็นชอบ ประกอบด้วยความยึดมั่นอันแล่นดิ่งไป ยึดเอาปลายสุดโต่งแห่งความเห็นทั้งปวง (คือ ไม่ถือว่าสุดแต่เหตุปัจจัย) นี้แลเรียกว่า ภิกษุลามกได้อาศัยที่กำบัง
ภิกษุลามกได้อาศัยพึ่งพิงผู้มีอำนาจ เป็นอย่างไร? ภิกษุลามกที่ได้อาศัยพระราชา หรือ อำมาตย์ของพระราชา เป็นที่พึ่งว่า "ถ้าใครจักว่า เราด้วยเรื่องไร ๆ พระราชา หรือ อำมาตย์ของพระราชา เหล่านี้จักช่วยโต้แทนเรา" ดังนี้ ครั้นใครว่าภิกษุลามกนั้น ด้วยเรื่องไร ๆ ขึ้นจริง พระราชา หรือ อำมาตย์ ของพระราชาเหล่านั้น ก็ช่วยโต้แทนให้จริง นี้แลเรียกว่า ภิกษุลามกได้อาศัยพึ่งพิง ผู้มีอำนาจ (อย่างพระอลัชชี สมัยนี้ทำผิด ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก็เข้าช่วย พระมหาเถระก็เกรงใจ จึงไม่กล้าลงโทษ - ปุ่น)
ภิกษุลามก ได้อาศัยการโปรยทรัพย์ เป็นอย่างไร? ภิกษุลามก ที่เป็นผู้ร่ำรวยด้วยจีวร อาหาร ที่อยู่ และ ยารักษาโรค เขามีแผนการณ์ไว้ว่า "ถ้าใครจักว่าเราด้วยเรื่องไร ๆ เราจะปิดปากเขาเสียด้วยลาภนี้" ดังนี้ ครั้นใครว่า ภิกษุลามกนั้น ด้วยเรื่องไร ๆ ขึ้นจริง เขาก็ปิดปากติดสินบนคนเหล่านั้น เสียด้วยลาภนั้น นี้แล เรียกว่า ภิกษุลามกได้อาศัยการโปรยทรัพย์ (อย่างเช่น พระมหาเถระ ได้รับกันอยู่เป็นนิจสิน จนพระอลัชชีเต็มไปทั้งเมือง)
ภิกษุลามก เที่ยวไปคนเดียว เป็นอย่างไร? ภิกษุลามกที่เลี่ยงไปอยู่เสีย ตามชนบทปลายแดนแต่ผู้เดียว เขาเข้าไปสู่ครอบครัวทั้งหลายในชนบท (ที่ไร้การศึกษา) นั้น ๆ ย่อมได้ลาภ นี้แล เรียกว่า ภิกษุลามกเที่ยวไปคนเดียว (เช่น พระธุดงค์ปลอม เที่ยวเดินขายเครื่องลางของชลัง โดยอ้างตัวเป็นอาจารย์ศักดิ์สิทธิ์)
ภิกษุทั้งหลาย...ภิกษุลามก ผู้ประกอบด้วยเหตุห้าอย่างเหล่านี้แล ย่อมทำตนให้ถูกขุดราก กำจัดความดี เป็นผู้มีความชั่วติดตัว ผู้รู้พากันติเตียน ได้ประสบสิ่งที่มิใช่บุญ เป็นอันมาก อย่างนี้แล ฯ
พระพุทธภาษิต ปัญจก องฺ ๒๒/๑๔๕/๑๐๓/


......อยู่เย็นเป็นสุข
.....santisuk ลูกนก
 

_________________
DHAMMA IS MY LIFE
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
santisuk
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 เม.ย. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): LAMPANG

ตอบตอบเมื่อ: 08 ก.ค.2007, 9:45 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทธพจน์ ลักษณะพระปลอม /// องค์การฟื้นฟูพระศาสนา

ภิกษุอุจจาระ
...

ภิกษุทั้งหลาย...นักบวชชนิดไรที่ทุก ๆ คน ควรขยะแขยง ไม่ควรสมาคม ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้

ภิกษุทั้งหลาย...นักบวชที่หมายถึงนี้ เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม ไม่สะอาด มีความประพฤติชนิดที่ตนเองนึกแล้ว ก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ใช่สมณะก็อ้างตัวว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่คนประพฤติพรหมจรรย์ ก็อ้างว่าประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าใน เปียกแฉะ มีสัญชาติหมักหมม เหมือนบ่อที่เทขยะมูลฝอย ภิกษุทั้งหลาย... นักบวชชนิดนี้แล ที่ทุก ๆ คนควรขยะแขยง ไม่ควรสมาคม ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะเหตุว่า ถึงแม้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิด จะไม่ถือเอานักบวชชนิดนี้เป็นตัวอย่างก็ตาม แต่ว่าเสียงล่ำลืออันเสื่อมเสีย จะระบือไปว่า "คน ๆ นี้มีมิตรเลว มีเพื่อนทราม มีเกลอลามก" ดังนี้ (แต่ชาวบ้านสมัยนี้ ไม่รู้จักดูพระ และ มักหลงยกย่องพระชั่วว่า เป็นพระดี พระชั่วจึงมีจำนวนมาก เพิ่มขึ้นทุกวัน และ หาว่า พระดีเป็นคอมมูนิสต์ไป - ปุ่น)

ภิกษุทั้งหลาย...เปรียบเหมือน งูที่ตกลงไปจมอยู่ในหลุมอุจจาระ กัดไม่ได้ก็จริงแล แต่มันอาจทำคนที่เข้าไปช่วยยกมันขึ้นจากหลุมอุจจาระ ให้เปื้อนด้วยอุจจาระได้ (ด้วยการดิ้นของมัน) นี้ฉันใด แม้ผู้เข้าใกล้ชิด จะไม่ถือเอานักบวชชนิดนี้ เป็นตัวอย่างก็จริงแล แต่ว่าเสียงเล่าลืออันเสื่อมเสียจะระบือไปว่า "คน ๆ นี้มีมิตรเลว มีเพื่อนทราม มีเกลอลามก" ดังนี้ ฉันนั้นเหมือนกัน "เพราะเหตุนั้น นักบวชชนิดนี้ จึงเป็นคนที่ทุกคน ควรขยะแขยง ไม่ควรสมาคม ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้

พระพุทธภาษิต ติก. องฺ. ๒๐/๑๕๘/๔๖๖/

อยู่เย็นเป็นสุข
สันติสุข ดอกไม้
 

_________________
DHAMMA IS MY LIFE
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
santisuk
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 เม.ย. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): LAMPANG

ตอบตอบเมื่อ: 10 ก.ค.2007, 7:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

........พุทธพจน์ ลักษณะพระปลอม

........ภิกษุเถระผู้พาล...

............ภิกษุทั้งหลาย...คนเราแม้เป็นผู้เฒ่าจะมีอายุ ๘๐-๙๐-๑๐๐ ปีก็ดี แต่เขามีคำพูดไม่เหมาะสมแก่กาลเวลา พูดไม่จริง พูดไม่มีประโยชน์ พูดไม่เป็นธรรม พูดไม่เป็นวินัย กล่าววาจาไม่มีเหตุผล ไม่มีที่อ้างอิง ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ คนผู้นั้น ย่อมถูกนับว่าเป็น "เถระผู้พาล" (ปัญญาอ่อน) โดยแท้
พระพุทธภาษิต จตุกฺก องฺ ๒๑/๒๘/๒๒/

อยู่เย็นเป็นสุข
สันติสุข ดอกไม้
 

_________________
DHAMMA IS MY LIFE
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
santisuk
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 เม.ย. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): LAMPANG

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ค.2007, 8:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ภิกษุชอบหญิง...

พราหมณ์...มีสมณะพราหมณ์บางคนในโลกนี้ อ้างตัวว่าเป็นผู้รักษาพรหมจรรย์โดยชอบ เขาไม่เสพเมถุนกับหญิงก็จริงแล แต่เขายังยินดีในการลูบทา การขัดสี การอาบ การนวดฟั้น ที่ทำให้โดยหญิง เขาปลาบปลื้มยินดีด้วยการกระทำเช่นนั้น จากหญิง ฯลฯ
ถึงเขาไม่ยินดีในการลูบทา การขัดสี การอาบ การนวดฟั้น ที่ได้รับจากหญิงก็จริงแล แต่ว่าเขายังพูดจาซิกซี้ เล่นหัวสัพยอกกับหญิง เขาปลาบปลื้มยินดีด้วยการกระทำเช่นนั้นกับหญิง ฯลฯ
ถึงเขาไม่ยินดีในการพูดจาซิกซี้ เล่นหัวสัพยอกกับหญิงก็จริงแล แต่ว่าเขายังชอบสบตากับหญิง เขาปลาบปลื้มยินดีด้วยการกระทำเช่นนั้นกับหญิง ฯลฯ
ถึงเขาไม่ยินดีในการสบตากับหญิงก็จริงแล แต่ว่าเขายังชอบฟังเสียงของหญิงที่หัวเราะอยู่ก็ดี พูดจาอยู่ก็ดี ขับร้องอยู่ก็ดี ร้องไห้อยู่ก็ดี ข้างนอกฝาก็ตาม นอกกำแพงก็ตาม เขาปลาบปลื้มยินดีด้วยการกระทำเช่นนั้นของหญิง ฯลฯ
ถึงเขาไม่ยินดีในการฟังเสียงของหญิงก็จริงแล แต่ว่าเขาระลึกถึงเรื่องเก่า ที่เคยหัวเราะ เล้าโลมเล่นหัวกับหญิง ก็จริงแล แต่เว่าเขาเพียงเห็นคฤหบดี หรือ บุตรคฤหบดี ผู้อิ่มเอิบ เพียบพร้อมด้วยกามคุณทั้งห้า ได้รับการบำเรอด้วยกามคุณ เขาก็ปลาบปลื้มยินดีการได้เห็น การกระทำเช่นนั้น ฯลฯ
ถึงเขาไม่ยินดีที่จะเห็นพวกคฤหบดี หรือ บุตรคฤหบดี ผู้อิ่มเอิบเพียบพร้อมด้วยกามคุณทั้งห้า ได้รับการบำเรอด้วยกามคุณ แล้วตนพลอยนึกปลื้มใจก็จริงแล แต่ว่าเขาประพฤติพรหมจรรย์ โดยตั้งความปรารถนาเพื่อไปเกิดเป็นเทพยดาพวกใด พวกหนึ่ง ( เช่น บวชเพื่อศึกษาวิชาการทางโลก ๆ แล้วสึกไปหา ความสำราญแบบชาวบ้าน โดยไม่เคยทำความดีตอบแทนพระศาสนา ที่ตนเกาะกินมาช้านาน จนคนเขาถือว่าเป็นกาฝากเกาะสังคม เพราะ ไม่ได้สอนสัจจธรรมแก่ชาวบ้านเลย อาชญากรรม โจรกรรม คอรัปชั่น ฯลฯ จึงเต็มไปทั้งประเทศ - ปุ่น)
พราหมณ์... นี่แลคือ ความขาด ความทะลุ ความต่าง ความพร้อย ของพรหมจรรย์ เราถือว่า ผู้นี้ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบด้วยการเกี่ยวพันกับเมถุน ย่อมไม่พ้นจากความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก ความร่ำไร รำพัน ความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ ถือว่ายังไม่พ้นทุกข์ได้
พระพุทธภาษิต สตฺตก องฺ ๒๓/๕๖/๗๔/

ดอกไม้
 

_________________
DHAMMA IS MY LIFE
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
santisuk
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 เม.ย. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): LAMPANG

ตอบตอบเมื่อ: 01 ส.ค. 2007, 10:53 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ภิกษุกินอุจจาระ...

ภิกษุทั้งหลาย... ลาภสักการะและเสียงเยินยอ เป็นอันตรายที่ทารุณ แสบเผ็ด หยาบคาย ต่อการบรรลุพระนิพพาน อันเป็นธรรมให้หลุดจากเครื่องร้อยรัดทั้งปวง ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า

ภิกษุทั้งหลาย... เปรียบเหมือนตัวกังสฬกะ ซึ่งกินอุจจาระเป็นอาหาร อิ่มแล้วด้วยอุจจาระ ท้องป่องด้วยอุจจาระ อนึ่ง กองอุจจาระใหญ่ก็มีอยู่ตรงหน้ามัน เพราะ เหตุนั้น มันจึงนึกดูหมิ่นกังสฬกะตัวอื่น ๆ ว่า "เราผู้มีอุจจาระเป็นอาหาร อิ่มแล้วด้วยอุจจาระ ท้องป่องด้วยอุจจาระ อนึ่ง กองอุจจาระใหญ่ตรงหน้านี้ของเราก็ยังมี กังสฬกะตัวอื่นมีบุญน้อย มีเกียรติน้อย ไม่รวยลาภด้วยอุจจาระ" ดังนี้

ภิกษุทั้งหลาย... ภิกษุบางรูปในศาสนานี้ก็เหมือนกัน เป็นผู้ถูกลามภสักการะ และ เสียงเยินยอครอบงำเอาแล้ว มีจิตติดแน่นอยู่ในสิ่งนั้น ๆ ในเวลาเช้าครองจีวรถือบาตร เข้าไปบิณฑิบาตในหมู่บ้าน หรือ ในเมือง เธอได้ฉันตามพอใจ จนอิ่มแล้วในที่นั้น ทั้งเขาก็นิมนต์ให้ฉันในวันรุ่งขึ้นด้วย ของบิณฑบาตก็เต็มบาตรกลับมาด้วย ภิกษุนี้ครั้นกลับมาถึงวัดแล้ว ก็พูดพล่าม (เหมือนตัวกังสฬกะ) ในท่ามกลางหมู่เพื่อนภิกษุว่า "เราได้ฉันตามพอใจ จนอิ่มแล้ว ทั้งเขายังนิมนต์เพื่อฉันในวันพรุ่งนี้อีก ของบิณฑบาตของเรานี้ก็เต็มบาตรกลับมา เรารวยลาภด้วยจีวร อาหาร ที่อยู่ และ ยารักษาโรค ส่วนภิกษุอื่น ๆ เหล่านี้ มีบุญน้อย มีอำนาจน้อย จึงไม่รวยด้วยลาภ " (เดี๋ยวนี้ เขาวัดความรวยด้วยเงิน - ปุ่น)

ภิกษุทั้งหลาย...ภิกษุนั้น ถูกลาภสักการ และ เสียงเยินยอครอบงำเข้าแล้ว มีจิตติดแน่นอยุ่ในสิ่งนั้น ๆ ย่อมนึกดูหมิ่นภิกษุอื่น ๆ ผู้มีศีลเป็นที่รัก ภิกษุทั้งหลาย... การได้ลาภของโมฆะบุรุษชนิดนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อทุกข์ ไร้ประโยชน์เกื้อกูล แก่คนอื่น สิ้นกาลนาน (โมฆะบุรุษ จะไม่สนใจประโยชน์ของคนอื่นเลย - ปุ่น)

ภิกษุทั้งหลาย...ลาภสักการะและเสียงเยินยอ เป็นอันตรายที่ทารุณ แสบเผ็ด หยาบคาย ต่อการบรรลุพระนิพพาน อันเป็นธรรมให้หลุดจากเครื่องร้อยรัดทั้งปวง ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลายพึงสำเหนียกใจไว้ดังนี้ว่า "เราทั้งหลาย จักไม่เยื่อใยในลาภสักการะ และ เสียงเยินยอที่เกิดขึ้น อนึ่ง ลาภสักการะ และ เสียงเยินยอที่เกิดขึ้นแล้ว ต้องไม่มาห่อหุ้มอยู่ที่จิตของเรา" พวกเธอทั้งหลายพึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้แล (สมัยนี้ ภิกษุที่ไม่ติดในลาภสักการะ เกือบไม่มีเสียแล้ว - ปุ่น)
พระพุทธภาษิต นิทาน. สํ. ๑๖/๒๖๙/๕๔๖-๘

อยู่เย็นเป็นสุข
สันติสุข
ดอกไม้
 

_________________
DHAMMA IS MY LIFE
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง