ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
วุฒิชัย
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2007
ตอบ: 8
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ค.2007, 8:17 pm |
  |
การมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาเราเอง หรือคู่ของเราเอง บาปหรือเปล่าครับ มันมีผลกับการปฏิบัติธรรมของเราหรือเปล่า ผมว่าทำให้จิตเราไม่ละเอียดนะครับ ผมเคยลองแล้ว วันไหนที่ไม่มีอะไรกันสมาธิผมจะละเอียดมาก พักหลังผมเลยไม่ค่อยจะมีอะไรกับแฟน
ผมเคยใด้อ่านเรื่องเล่ามา ว่ามีผู้หญิงคนนึงเป็นมะเร็งใกล้จะสิ้นลมอยู่แล้ว แล้วอาจารย์ที่เป็นพระเกจิของเธอ ท่านมาเยี่ยมแล้วบอกให้เธอตั้งใจอธิฐาน ว่าจะรักษาศีลและถือเพศพรหมจรรย์ หลังจากนั้นเธอก็อาการดีขึ้น ผมที่เคยหลุดร่วงก็กลับงอกดกดับเหมือนเก่า อาการกลับเป็นปกติจนหมอพากันแปลกใจ ผ่านไปหลายปีเธอก็มีความรักกับผู้ชายคนนึงแล้วก็แต่งงานกัน ความรักทำให้เธอลืมคำอธิฐาน หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง
ผมเลยคิดว่า ถ้าเราไม่มีเพศสัมพันธ์มันจะเป็นการสร้างกุศล ใช่หรือเปล่าครับ |
|
_________________ ร่างกายเคลื่อนไหว ใจสงบนิ่ง |
|
     |
 |
pal_bh
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 15 ก.ค. 2007
ตอบ: 19
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ค.2007, 12:03 pm |
  |
ผมคิดว่า การมีเพศสัมพันธ์ ไม่มีผลดีเลยครับ (ต่อการปฏิบัติธรรม)
ผลของมันที่เห็นๆ กันอยู่ คือ มีลูกครับ
มีลูกแล้วทำไรต่อ เอาไว้เลี้ยงง เลี้ยงได้ก็เลี้ยงไป...
ตัวเองไม่ได้อะไร... |
|
|
|
  |
 |
Story Note
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2007
ตอบ: 97
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ค.2007, 6:22 pm |
  |
O^_^O
--------------------------------------------------------------------------------
การมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาเราเอง
หรือคู่ของเราเอง บาปหรือเปล่าครับ มันมีผลกับการปฎิบัติธรรมของเราหรือเปล่า ผมว่าทำให้จิตเราไม่ละเอียดนะครับ ผมเคยลองแล้ว
วันไหนที่ไม่มีอะไรกันสมาธิผมจะละเอียดมาก พักหลังผมเลย
ไม่ค่อยจะมีอะไรกับแฟน
********
เคยอ่านในหนังสือนะค่ะว่า.. การมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา ที่ถูกต้อง..ย้ำค่ะ ว่าถูกต้อง
มิใช่ คนนั้นก็ภรรยาเรา คนนี้ก็ภรรยาเรา แบบนี้ไม่ใช่ค่ะ ก็ไม่ได้ไปผิดศีลที่ละเมิดหรือ
ล่วงเกินผู้อื่น ไม่ได้เป็นบาป ผู้มีคู่บุญ คู่สม คู่สร้าง ย่อมนำไปสู่ที่ดี ๆ ค่ะ
แต่พอก้าวมาสู่ธรรมะ การปฏิบัติธรรม ย่อมคลายกำหนัด ... เกิดความเบื่อหน่ายในสิ่งนั้น
เจริญในธรรมค่ะ
 |
|
|
|
  |
 |
Tanapon
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 11 มิ.ย. 2007
ตอบ: 4
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพมหานคร
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ค.2007, 11:18 pm |
  |
บุญ คือการชำระจิดให้ผ่องใส
บาป คือจิตเศร้าหมองด้วยกิเลส
ก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ก็ต้องมีราคะก่อน ดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์นั้นถือว่าเป็นบาปอย่างหนึ่ง เพราะจิตถูกครอบงำด้วยโมหะ ดังนั้นนักบวชในพระพุทธศาสนาจึงถือพรหมจรรย์ (พรหมจรรย์คือความประพฤติอย่างพรหม ในภพพรหมไม่มีเพศหญิงหรือชาย)
ถ้าเราถือศีล ๕ ซึ่งเป็นศึลของฆราวาสนั้น ไม่ผิดศีลเนื่องจากฆราวาสต้องครองเรือน มีลูกหลาน จึงมีเพศสัมพันธ์ได้บ้างแต่พอควร จะบาปก็บาปไม่มาก ดังจะเห็นได้ว่าพระโสดาบันหลายท่านสมัยพุทธกาลก็เป็นผู้ครองเรือน เช่นนางวิสาขา มีลูกเป็นสิบ มีหลานเป็นร้อย แต่พระโสดาบันไม่ตกอบายภูมิ เพราะบาปเพียงเล็กน้อยนั้นไม่สามารถนำเกิดในอบายได้
อย่างไรก็ตามถึงแม้เป็นคู่ของตน แต่ถ้าหมกมุ่นในกามคุณกันเป็นอย่างมากจนเกินควรแล้ว อาจมีทุคติเป็นที่หวังได้เช่นกัน
ถ้าคุณฝีกสมาธิ นิวรณ์ตัวแรกคือกามฉันทะจะเป็นตัวขัดขวางไม่ให้สมาธิตั้งมั่นได้ดี สมาธิเปรียบเสมือนแสงสว่าง กามฉันทะเปรียบเสมือนความมืด ที่ใดมีความมืด ก็ไม่มีแสงสว่างฉันใด ที่ใดมีแสงสว่าง ก็ไม่มีความมืดฉันนั้น
ผู้ที่ฝีกสมาธิขั้นสูงแล้ว จะได้รับปีติ และความสุขจากสมาธิเป็นสิ่งชดเชย ทำให้ละความสุขในกามคุณได้ ซึ่งความสุขในกามคุณนั้นเปรียบได้กับความสุขที่เป็นของเด็กเล่นเท่านั้น เมือเทียบกับความสุขที่ได้จากการปฏิบัติสมาธิภาวนา
ดังนั้นหากปฏิบัติสมาธิภาวนา ทำให้โมหะเข้าครอบงำไม่ได้ ไม่อยากมีเพศสัมพันธ์ เพราะจิตใสสะอาดตลอดเวลา จึงเป็นการสร้างกุศลอย่างหนึ่ง |
|
|
|
  |
 |
คณิจศนันท์
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2007
ตอบ: 15
ที่อยู่ (จังหวัด): คลองเตย กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
26 ก.ค.2007, 3:51 pm |
  |
การมีเพศสัมพันธ์นั้น คงไม่ใช่เรื่องบาปกรรมอะไร แต่มันมีผลการปฏิบัติธรรมของเรา
จะทำให้ใจของเราหยาบ เวลาจะนั่งสมาธิแต่ละครั้ง จะทำให้การรวมใจช้าลง
อาจจะวอกแวกไปนึกถึงเรื่องพวกนั้น ทำให้จิตฟุ้งซ่าน กว่าจะรวบรวมให้จิตสงบนั้นต้องใช้เวลานาน |
|
_________________ ทำทุกวันให้เป็นวันที่มีความสุข |
|
   |
 |
lovelaw
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 20 มิ.ย. 2007
ตอบ: 5
|
ตอบเมื่อ:
27 ก.ค.2007, 12:03 pm |
  |
ถือศีล 8 ไปเลยครับ หมดเรื่อง
เพราะที่คุณถาม ถ้าคุณถือศีล 5 ไม่บาป ศีลไม่ขาด |
|
|
|
  |
 |
โลซก
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 25 มิ.ย. 2007
ตอบ: 14
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
01 ส.ค. 2007, 12:58 pm |
  |
อันกาเม มีอยู่ทั่ว ทุกตัวสัตว์
ถ้าใครตัด เสียได้ ฉันให้ถอง
ปราชญ์ผู้รู้ กู่ไว้ ในทำนอง
นานนานลอง สมองโล่ง โปร่งจริงจริง.
ถ้าไม่ไปยุ่งยุ่งกับลูกเมียชาวบ้าน.....ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกนะ |
|
_________________ ทำความดีละเว้นความชั่ว
ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว....
.....แล้วทุกอย่างจะดีเอง ! |
|
  |
 |
sittidet
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 26 ธ.ค. 2007
ตอบ: 53
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
27 ธ.ค.2007, 4:15 pm |
  |
ไม่บาปแน่นอนครับ ลองดูวาระจิตแล้วกำหนดไปด้วยครับ ผมว่าน่าจะดีขึ้น |
|
_________________ ผู้ใดมีตนเป็นที่พึ่งนับว่าหาที่พึ่งอันหาได้ยาก |
|
  |
 |
banyat
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 01 ม.ค. 2008
ตอบ: 3
ที่อยู่ (จังหวัด): พระนครศรีอยุธยา
|
ตอบเมื่อ:
01 ม.ค. 2008, 11:49 am |
  |
ครับ! การร่วมหลับนอนกับคู่ครองของเราเอง-ไม่บาป
แต่การปฏิบัติธรรม เพื่อมรรคผล ไม่ก้าวหน้าครับ. |
|
_________________ "ขอเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย" |
|
  |
 |
วิชชา
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 05 พ.ย. 2007
ตอบ: 31
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงใหม่
|
ตอบเมื่อ:
02 ม.ค. 2008, 10:27 pm |
  |
การมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาเราเอง หรือคู่ของเราเอง บาปหรือเปล่าครับ
บาป คือ สภาพของจิตที่เป็นอกุศล เพราะมีอกุศลเจตสิกเกิดร่วมด้วยครับ ขณะที่จิตไม่ได้เป็นไป
ในทาน ศีล สมถภาวนา หรือ วิปัสสนาภาวนา ขณะนั้นจิตก็เป็นอกุศลทั้งนั้น แต่การจะรู้ความ
ละเอียดของจิตได้ ท่านทรงเปรียบเหมือนกับการร้อยแก้วมุกดา ( ที่แสนจะร้อยยาก) โดยอาศัยแสง
สว่างของฟ้าแลบ คิดดูว่าจะรู้จิตยากแค่ไหน แต่ก็มีทางครับ คือ การอบรมเจริญปัญญา ทั้งในขั้น
ของสมถภาวนา และขั้นสติปัฏฐาน ซึ่งสติปัฏฐานเป็นพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้โดย
ละเอียด และสามารถเจริญได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา เวลาที่จิตมีราคะ ก็รู้ชัด(ด้วยสติ)ว่าจิตมีราคะ
และก็สามารถเจริญเป็นปรกติในชีวิตของปุถุชน แม้จะเป็นผู้ที่มีกิเลสหนาครับ เพียงแต่ต้องระมัด
ระวังเรื่องการศึกษาแบบผิดทาง ไม่ตรงตามหลักคำสอน เช่น คิดว่าสติเป็นของเรา คิดว่าโลภะ
เป็นสติ ซึ่งตามความเป็นจริง สติเป็นสภาพธรรมฝ่ายดี ไม่ใช่ของใคร และเป็นอนัตตาครับ
ผมเลยคิดว่า ถ้าเราไม่มีเพศสัมพันธ์มันจะเป็นการสร้างกุศล ใช่หรือเปล่าครับ
ขอให้ท่านใช้ชีวิตตามปกติเถอะครับ ผู้ที่อยู่ในเพศฆราวาสและสามารถบรรลุเป็นพระอริยบุคคล
ขั้นพระโสดาบันได้ ในสมัยพุทธกาลก็มีครอบครัว มีคู่ครองเช่นกันครับ เช่น อุบาสิกาวิสาขามิ
คารมาตา ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ 7 ขวบ แต่ก็แต่งงานมีลูกมีหลานมากมาย หรือ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ท่านก็มีภรรยาและลูก และก็ทำมาค้าขายด้วย เพราะฉะนั้น ถ้ายังไม่มี
อัธยาศัยจะออกจากกามจริงๆ ก็ใช้ชีวิตตามปกติกับภรรยาของท่านครับ ไม่ควรเดือดร้อนเวลาที่
อะไรไม่เป็นไปอย่างใจ เช่น เวลาอกุศลเกิด เวลามีความต้องการทางเพศ ฯลฯ ทุกอย่างเป็นเรื่อง
ของปัญญาที่สั่งสมมาด้วย การจะเห็นโทษกาม ไม่ใช่เรื่องง่าย เวลาที่ท่านไม่มีเพศสัมพันธ์กับ
แฟน จิตของท่านเป็นอย่างไร เดือดร้อนไหม หวั่นไหวไหม สงบไหม ไม่มีใครรู้ได้เลย นอก
จากสติและปัญญา ซึ่งจะต้องเจริญให้มาก อบรมให้มาก โดยเริ่มจากการฟังพระธรรมที่ถูกครับ
ขอเชิญอ่านข้างล่างนี้นะครับ ...ทำอย่างไรไม่ให้หลงไหลในสตรีเพศและกามารมณ์
http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=1260 |
|
_________________ ไม่มี |
|
      |
 |
|