ทำไงดีครับ ?

ตอบเมื่อ: 25 เม.ย.2007, 9:59 am

ที่บ้านผมมีโต๊ะหมู่บูชาอยู่แล้วก็บูชาองค์พระต่างๆ หลายองค์

อยากถามว่า ในส่วนของพระเครื่อง พระผง พระที่ห้อยคอหลายองค์ มีจำนวนมากเนื่องจากบางทีไปวัด ทำบุญ ตรงไหนพระท่านก็ให้มาบูชา ครั้นจะวางที่ชั้นโต๊ะหมู่โดยวางกับพื้นชั้นล่างของโต๊ะหมู่ (ไม่ใช่กับพื้นบ้านนะครับ) ก็เห็นจะไม่เหมาะ

จึงใคร่ถามท่านผู้รู้ว่า วิธีการเก็บพระเครื่อง พระห้อยคอ รวมถึงผ้ายันต์ต่างๆ ที่ได้มานี้ ควรจะจัดตั้งและบูชาอย่างไรจึงจะถูกวิธี ถูกหลักการบูชาครับ ?

ตอบเมื่อ: 25 เม.ย.2007, 12:28 pm

ผมเก็บใส่ตู้ ตั้งไว้ให้สูงหน่อย อยู่ข้างๆ โต๊ะหมู่บูชาครับ

ตอบเมื่อ: 25 เม.ย.2007, 4:01 pm

กราบสวัสดี คุณศุภณัฐ

พระเครื่อง พระผง ที่ได้มาไม่ว่าทางใด หากคุณไม่สามารถแยกได้ด้วยตนเองว่ากระแสแห่งองค์พระจะออกมาทำร้ายคุณหรือให้คุณในทางธรรม ก็ควรเก็บใส่กล่องให้มิดชิด เพราะการตรวจเช็ควัตถุเหล่านี้ มักเป็นปัจจัตตังในผู้ปฏิบัติธรรมที่เข้าถึงธาตุ จึงจะสามารถแยกแยะได้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนส่วนใหญ่

แต่หากจะทำความเข้าใจธรรมดา ก็ควรทราบว่า วัตถุนั้นๆมวลสารประกอบด้วยอะไร ถ้าประกอบด้วยกระดูกไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ ก็มักไม่น่าเก็บรักษาทั้งสิ้น แล้วก็พิธีกรรมทำอย่างไร อีกปัจจัยคือบุคคลผู้ประกอบพิธีกรรมปฏิบัติธรรมในลักษณะไหน ไม่ว่าพระเครื่องหรือผ้ายันต์หรือเครื่องรางต่างๆ ให้ท่านพิจารณาว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ทำสิ่งเหล่านี้หรือไม่ และวัตถุประสงค์ในการจัดทำเพื่ออะไร ใช่แก่นแท้แห่งพุทธศาสนาหรือไม่ เมื่อเข้าใจแก่นแท้แห่งธรรมอย่างลึกซึ้ง และละซึ่งสมมติทั้งปวง จะแบกไปเพื่อประโยชน์อะไร

เข้าใจในระดับหนึ่งว่าที่พึ่งทางใจ แต่อย่าลืมว่าการกระทำของคนเรานี่แหละเป็นเหตุเป็นปัจจัยทั้งปวง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับวัตถุใดวัตถุหนึ่ง ก็พิจารณาตามสมควร เก็บแล้วไม่ร้อน สวดมนต์ปฏิบัติธรรมแล้วไม่มีกระแสใดมาขวางให้ติดขัดในการปฏิบัติธรรม ก็เก็บไป เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของคลื่นทั้งหมด ซึ่งผู้ปฏิบัติธรรมเมื่อเข้าสู่วิปัสสนากรรมฐานแล้วต้องผจญกับเรื่องของคลื่นทั้งหมด ถ้าไม่เคลียร์ก็ป่วย ยิ่งปฏิบัติยิ่งป่วยอย่างหาสาเหตุไม่ได้

ฝากกัลยาณมิตรผู้ประพฤติธรรมทุกท่านว่า "สมถะกรรมฐาน หากไม่เป็นไปเพื่อบาทฐานแห่งการเจริญวิปัสสนาให้เข้าถึงความดับทุกข์อย่างแท้จริง และติดอยู่ด้วยการแสวงหาเกียรติยศ ชื่อเสียง ลาภสักการะ ติดอยู่ด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แห่งวัตถุ ล้วนก่อกรรมทั้งสิ้น"

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา

ผีเสื้อ

ตอบเมื่อ: 26 เม.ย.2007, 5:56 pm

กราบขอบคุณคุณปุ๋ยที่ให้ความกระจ่างเป็นอย่างมากเลยครับ

แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่คุณปุ๋ยได้กล่าวไว้ว่า "เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของคลื่นทั้งหมด ซึ่งผู้ปฏิบัติธรรมเมื่อเข้าสู่วิปัสสนากรรมฐานแล้วต้องผจญกับเรื่องของคลื่นทั้งหมด ถ้าไม่เคลียร์ก็ป่วย ยิ่งปฏิบัติยิ่งป่วยอย่างหาสาเหตุไม่ได้"

ใครขอความกระจ่างตรงนี้อีกครานึงนะครับ

ผมเองนั่งภาวนามาประมาณ 2 ปีเศษ แตก็ยังไม่ทราบว่าถึงไหน ทราบแต่เพียงว่า แม้แต่วิตก วิจารณ์ ก็ยังไปไม่ถึง เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา ผมมีอาการเจ็บป่วยแบบแปลกๆ เกิดขึ้นมาเอง จู่ๆ ก็หายใจไม่เต็มอิ่มเอาดื้อๆ และเป็นมาจนกระทั่งทุกวันนี้

ขอเรียนถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผมกล่าวมานี้ มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไรกับประเด็นของคุณปุ๋ยที่ผมได้ยกประโยคดังกล่าวข้างต้นมาอ้างถึง?

ขอขอบพระคุณ ณ มาที่นี้

ตอบเมื่อ: 27 เม.ย.2007, 1:20 pm

กราบสวัสดี คุณศุภณัฐ

อาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น มีส่วนเกี่ยวข้องมาจากการครอบครองวัตถุมงคล และเครื่องรางผ้ายันต์ที่คุณแยกไม่ออกด้วยตัวเองอย่างแน่นอน คุณอย่าลืมว่าผู้ปฏิบัตินี่เมื่อปฏิบัติถึงระดับหนึ่งจะมีพลังสะสมภายในร่างกายทุกคน ไม่ว่าจะปฏิบัติแนวไหน อย่างไร ซึ่งเป็นธรรมชาติของผู้ปฏิบัติทุกท่าน ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เมื่อเราสัมผัสอากาศร้อนหรือเย็นภายนอก กายและใจก็รู้สึกได้เลยว่าร้อนและเย็นสบายกาย สบายใจเมื่ออากาศเย็น

กระแสของโลกไม่ได้มีเพียงอากาศร้อน อากาสเย็น แต่ยังมีกระแสคลื่นต่างๆมากมาย คลื่นไฟฟ้า คลื่นเสียง คลื่นความคิดไม่ว่าคน สัตว์ วิญญาณต่างมิติ คลื่นแห่งอวิชชาคาถาอาคม คลื่นแห่งความเมตตาก็เช่นเดียวกัน หากคุณครอบครองวัตถุมงคลและเครื่องรางด้วยเข้าใจว่ามีพลังพุทธคุณประจุอยู่ คลื่นเหล่านี้ก็ถูกประจุอยู่เช่นกัน ถึงได้กล่าวว่าปัจจัยคือมวลสาร พิธี และระดับของการปฏิบัติของผู้ทำพิธี เหล่านี้เป็นเรื่องง่ายๆในหลักการของการถ่ายโยงพลังงาน หากคุณศึกษาเรื่องจักร ปราณ ก็จะเข้าใจ

ท่านสายัณห์ เล็กอุทัย ได้กล่าวไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งว่า "ในแง่ของมนุษย์ทำด้วยมือโดยไร้ความคิด ไม่มีทัศนวิสัย ที่ยาวไกล ผลกรรมก็จะตกสู่มนุษย์เอง ธรรมชาตินั้นอยู่ด้วยจิตวิญญาณแห่งสันติภาพและความกลมกลืนสมดุล ที่ใด้รับความสมดุลที่นั่นย่อมได้รับผลกรรมในรูปแบบที่มนุษย์จิต ขั้นหยาบมิสามารถเข้าใจธรรมชาติแบบง่ายๆ ได้"

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา

ผีเสื้อ

ตอบเมื่อ: 27 เม.ย.2007, 1:38 pm

เสริมอีกนิดค่ะ.....วิธีง่ายๆ ที่จะทดสอบด้วยตัวคุณเองว่าจะแยกได้อย่างไร ก็ให้วางพระหรือเครื่องราง ผ้ายันต์ที่คุณเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ไว้ตรงหน้าขณะปฏิบัติสมาธิ แล้วพิจารณาดูซิว่า มันเกิดเวทนาทางกายและใจและมีกระแสต้านต่อการผลการปฏิบัติขณะนั้นหรือไม่

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา

ผีเสื้อ

ตอบเมื่อ: 27 เม.ย.2007, 6:44 pm

ขอขอบพระคุณคุณปุ๋ยมากเลยครับ
จะลองดูครับ..ส่วนผลลัพธ์เป็นอย่างไรนั้น ผมจะกลับมาแจ้งอีกครั้งนึง

ตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2007, 10:42 am

ลองดูมาสัก 2-3 วัน แล้วครับ..เพื่อความแน่ใจ
ผลลัพธ์คือ ไม่เกิดเวทนาทางกายและใจหรือมีกระแสต้านต่อการปฏิบัติขณะนั้นเลย
คงอาจเป็นเพราะ กระแสจิตเรายังไม่สงบหรือยังไม่มีกำลังเพียงพอด้วยใช่มั๊ยครับ?

ตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2007, 9:50 pm

ค่ะ วางไว้ตรงหน้า หรือทางขวาหรือซ้ายก็ได้ที่ไม่เกะกะ แล้วลองฝึกปฏิบัติสมาธิไปตามปกติดูค่ะ

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา

ผู้เยี่ยมชม

การบูชาบุคคลที่ควรบูชา นี้เป็นอุดมมงคล

ตอบเมื่อ: 04 พ.ค.2007, 12:24 pm

ขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่ได้ให้ความกระจ่างแก่กระผมครับ