ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
meehuajai
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2007
ตอบ: 7
|
ตอบเมื่อ:
11 เม.ย.2007, 12:14 am |
  |
คือผมสงสัยมาตั้งแต่เริ่มจำความได้ว่า ตัวเองนับถือศาสนาพุทธครับ ว่า..
ก่อนไปคำถามนี้ ขอเกริ่นนำนิดนะครับ
คนปกติ ทุกคนส่วนใหญ่ เวลาเรามีอะไรดีๆ เรามักแบ่งให้คนที่เรารักใช้ไหมครับ
ถ้าเราไม่เป็นคนเห็นแก่ตัวจนเกินไป เช่น มีหนังสือ ดี กินอาหารอร่อย
ถ้าเรายังมีหัวใจ เราก็จะอยากให้คนที่เรารัก เรารู้สึกดีๆ ได้สิ่งดีๆ นั้น ด้วยใช้ไหมครับ
เราอยากให้คนที่เรารักก่อนใช้ไหมครับ
เอาขั้นนี้ก่อนนะครับ ใครเห็นด้วยกับตรรกะ ที่รู้สึกเบื้องตนที่กล่าวไปแล้วจะได้เข้าประเด็นต่อไปครับ ที่ผมสงสัย และอยากรู้มา นาน ว่าท่านผู้รู้ ผู้ศึกษาธรรมทั้งหลายคิดเห็นกันเช่นไรครับ
ว่า ถ้าพระพุทธศาสนาดีจริงๆ
ทำไม ตอนที่พระพุทธองค์ท่าน ตรัสรู้แล้ว ท่านไม่รีบให้ พระธรรมที่ดีเหล่านั้นที่ท่านได้ตรัสรู้
กับลูกเมีย หรือ พ่อแม่ ที่ท่านก่อนครับ
นี้แหล่ะครับความสงสัย
ขอโปรดชี้แนะครับ
ขอบคุณครับ
ขอจง มีหัวใจ ให้ธรรมดล
มโนมัย คน มีหัวใจ |
|
|
|
   |
 |
เศษพุทธทาส
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 08 เม.ย. 2007
ตอบ: 121
|
ตอบเมื่อ:
11 เม.ย.2007, 9:58 am |
  |
ก็เพราะว่าท่านไม่เลือกที่รักไม่มักที่ชัง
จิตใจของท่านอยู่ด้วยสุญตาวิหาร ไม่รักใครไม่เกลียดใคร
สรรพสัตว์ทุกผู้ทุกนามทุกตนเท่ากันหมด
ท่านมีญาณที่สามารถรู้ได้ว่าคนไหนจะบรรลุธรรม ผมจำไม่ได้ว่าตอยไหนบ้างที่พระพุทธองค์ทรงรู้แล้วก็ไปโปรด  |
|
_________________ ทำวันนี้ให้ดีและต้องรู้ไว้ว่า ทำดีเพื่อดี ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด |
|
  |
 |
ลูกพระพุทธ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
11 เม.ย.2007, 11:00 am |
  |
-เป็นวิธีเผยแผ่ธรรมะ คือสิ่งที่ท่านรู้มาต่างจากความเชื่อถือของคนสมัยนั้น
แม้แต่พ่อแม่ลูกเมียก็นับถือพราหมณ์อยู่
แล้วการที่จะเอาสิ่งใหม่ๆ แปลกๆ ไปบอกแก่คนใกล้ชิดให้เชื่อ จึงเป็นไปได้ยาก เพราะทิฏฐิคน เป็นพ่อเป็นแม่
เป็นลูกเรา
เป็นผัวเรา
เป็นพ่อเรา
ความเป็นกันเองนี้เองปิดหูปิดตา ไม่ยอมรับคำสอนหมดแล้ว
-ท่านจึงเริ่มเผยแผ่จากคนนอกไปก่อน
หลังจากคนนอกยอมรับนับถือแล้ว
กิตติศัพท์ชื่อเสียงก็จะกระฉ่อนกะจอนกะจายไป... เข้าหูพ่อแม่เป็นต้น
ก็จะเริ่มศรัทธาขึ้น (ว่าเออ ลูกเราเก่งจริงดีจริง ถ้าไม่อย่างนั้น พระราชามหากษัตริย์เมืองอื่นและประชาชน เจ้าลัทธิต่างๆ จะยอมทิ้งของเดิมมานับได้อย่างไร)
นี่เป็นแผนของพุทธะ เป็นวิธีการณ์ของพุทธะ
-หลังจากนั้นก็เข้าวังแสดงธรรมแก่คนใกล้ชิด |
|
|
|
|
 |
ชัยพร พอกพูล
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2006
ตอบ: 73
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
11 เม.ย.2007, 11:06 am |
  |
อย่างที่คุณเศษพุทธทาสนั้นถูกต้องแล้วครับ พระพุทธองค์ท่านจะไปโปรดผู้ที่สามารถบรรลุธรรมได้โดยง่ายก่อน โดยเฉพาะครูอาจารย์ที่เคยสอนพระองค์มาก่อน เสียดายท่านเหล่านั้นสิ้นบุญไปก่อนจะได้เห็นธรรม ท่านไม่ได้เลือกว่าครอบครัวฉัน ฉันต้องกลับไปโปรดก่อนน่ะครับ
ส่วนอันนี้ก็เป็นคำถามที่เพื่อนของผมที่เข้ารีตเป็นคริสต์เคยถามในเรื่องอะไรทำนองนี้เหมือนกัน แต่เขาถามถึงตอนที่พระพุทธองค์เสวยชาติเป็นพระเวชสันดรตอนที่ท่านประทานกรรหาและชาลี(ขออภัยผู้รู้ทุกท่านหากเขียนผิดครับ) ให้แก่ชูชกว่า การที่ท่านยกลูกทั้ง 2 ของท่านแก่ชูชกนั้น ท่านไม่รักลูกสงสารลูกของท่านบ้างเลยหรือ รู้ทั้งรู้ว่าเด็กทั้ง 2 ต้องไปตกระกำลำบากเพราะการให้ทานของท่าน ข้อนี้ผมก็อึ้งเหมือนกันไม่รู้จะตอบอย่างไรดี วานท่านผู้รู้ช่วยตอบอีกคำถามนึกด้วยแล้วกันครับ ผมจะได้นำแสงเทียนนี้ไปส่องสว่างแก่เพื่อนของผมอีกต่อหนึ่ง ขอบคุณล่วงหน้าครับ |
|
_________________ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม |
|
   |
 |
มือใหม่หัดธรรม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
11 เม.ย.2007, 4:16 pm |
  |
ก่อนอื่นท่านที่ตั้งคำถามนี้ต้องแยก คำว่าศาสนากับศีลธรรมให้ออกจากกันก่อนนะคะ ถึงจะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ก่อนอื่นจะยกตัวอย่างคร่าวๆให้ฟังก่อนนะคะ
ศีลธรรม คือข้อปฎิบัติที่สังคมตั้งขึ้นมาเพื่อความสงบสุขใขสังคม ต้องเข้ากับคนอื่นได้ต้องทำตัวไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน ต้องๆๆๆเพื่อคนอื่น และสังคม ค่ะ อย่างเช่น ศีล 5 นี่ก็ยังอยู่ในขั้นศีลธรรมอยู่นะคะ(เพราะเป็นพื้นฐานของคนดีมีศีลธรรมค่ะ)
ส่วนศาสนา คือข้อปฏิบัติเพื่อมุ่งสู่ความหลุดพ้น ไม่เกี่ยวกับพิธีกรรมอะไรต่างๆนะคะ อยู่ที่ตัวเราเอง อย่างที่คุณถามว่าพระเวชสันดร ทำไมถึงให้ทานลูกแก่ชูชก นั้นฉันก็เคยคิดเหมือนกันว่าท่านทำไมไม่สงสารลูกเลย แต่พอฉันได้ศึกษาคำสอนของท่านพุทธทาส ที่ท่านสอนให้แยกคำว่าศีลธรรมกับศาสนาออกจากกันแล้วจึงเข้าใจ ว่า กว่าที่พระพุทธเจ้าท่านจะตรัสรู้นั้นท่านได้ตั้งจิตอธิฐานมาไม่รู้กี่กัปล์กี่กัลย์จนมาถึงชาติสุดท้ายนี้ ท่านก็สงสารลูกอยู่เหมือนกันนะไม่ใช่ว่าท่านไม่สงสาร แต่ถ้าท่านไม่เสียสละในส่วนนี้ท่านก็ไม่สามารถที่จะตรัสรู้เพื่อมาเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อช่วยเหลือคนเกือบทั้งโลกให้เห็นทางสว่างแห่งชีวิตได้
ก็อธิบายได้ประมาณนี้ล่ะนะคะ คือว่าถ้าอยากรู้เพิ่มเติมก็ไปหาอ่านคู่มือการปฎิบัติธรรมฉบับสมบูรณ์ของท่านพุทธทาส ได้นะคะ
ขอความสุขจงมีแก่ผู้เห็นทางธรรม |
|
|
|
|
 |
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
11 เม.ย.2007, 6:40 pm |
  |
ส่วนอันนี้ก็เป็นคำถามที่เพื่อนของผมที่เข้ารีตเป็นคริสต์เคยถามในเรื่องอะไรทำนองนี้เหมือนกัน แต่เขาถามถึงตอนที่พระพุทธองค์เสวยชาติเป็นพระเวชสันดรตอนที่ท่านประทานกรรหาและชาลี(ขออภัยผู้รู้ทุกท่านหากเขียนผิดครับ) ให้แก่ชูชกว่า การที่ท่านยกลูกทั้ง 2 ของท่านแก่ชูชกนั้น ท่านไม่รักลูกสงสารลูกของท่านบ้างเลยหรือ รู้ทั้งรู้ว่าเด็กทั้ง 2 ต้องไปตกระกำลำบากเพราะการให้ทานของท่าน
ตอบแบบนี้ดีไหมครับ
สงสัยพระเวชสันดรคงมีญาณหยั่งรู้กระมังครับ ว่านี่เป็นกรรมของลูกทั้งสอง แม้นยกให้ก็เพียงชั่วคราว พอหมดกรรมของลูกน้อยแสนอาดูรแล้วคงได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีก
มีสิ่งไรสงสัยแบบนี้ เอามาโพสช่วยกันแก้ไขน่าจะดีครับ |
|
|
|
|
 |
เขม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
11 เม.ย.2007, 8:37 pm |
  |
จะลองเดาใจพระเวสสันดร
-แต่จะเล่านิทานเรื่องหนึ่งประกอบก่อน
-มีพ่อแม่พร้อมด้วยลูกน้อย พากันเดินข้ามทะเลทรายอันร้อนระอุด้วยเปลวแดด ฯลฯ
-ขณะที่พ่อแม่ พาลูกน้อยรอนแรมอยู่กลางทะเลทรายนั้น
เด็กทนความกรากกรำไม่ไหว ทนความอดอยากไม่ได้ ตายลง ...
-พ่อแม่รักลูกทุกคน..
สองผัวเมีย เห็นลูกรักตาย จึงร้องไห้ปานใจจะขาดรอน
แต่พอคลายเศร้าโศกลงแล้ว จึงปรึกษากันว่า เสบียงกรังเราก็หมดแล้ว
การที่พวกเรา จะมีชีวิตอยู่รอดอยู่ได้จำต้องมีอาหาร ไม่อย่างนั้นคงตายเพราะความหิวในที่นี้แน่
-การจะฝังศพลูกน้อย เนื้อ (ลูก) ก็จะเสียไปเปล่า ๆ ไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย ฯลฯ
จึงนำเนื้อลูกมากินเป็นอาหาร
ทั้งสองผัวเมีย จึงกินเนื้อลูก... กิน...ทั้งน้ำตา ฯลฯ...
-พระเวสสันดร ก็เป็นปุถุชน จะไม่รักลูกย่อมเป็นไปไม่ได้
รักลูกก็รัก
รักโพธิญาณก็รัก
แต่ความรักในโพธิญาณมีมากกว่า... ฯลฯ จึงได้สละลูกน้อยให้ผู้ขอไป เพื่อโพธิญาณ
-แต่ท่านมิใช่คนโง่ คงมองเห็นว่า เป้าหมายของชูชกต้องการคนไปรับใช้เมีย แต่ใครจะรู้ว่า ขณะที่ชูชกพาลูกทั้งสองเดินทางรอนแรมไปนั้น อาจมีใครสงสารเด็ก มาซื้อลูกด้วยเงินทองที่มากพอ
-ชูชกมีหรือจะเอาเด็ก เอาเงินเอาทองมิดีกว่าหรอ
-คิดดังนี้ พระเวสสันดร จึงตั้งราคาลูกทั้งสองไว้...จำตัวเลขไม่ได้
-ชาวบ้านชาวช่องธรรมดาที่ไหน จะมีเงินมีทองมากพอจะซื้อได้ แล้วจะซื้อเอาไปทำอะไร แล้วใครจะกล้าซื้อ เพราะรู้จักเด็กทั้งสองว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
ชาวเมืองจะไม่นำข่าวนี้ไปทูลพระราชา (บิดาของเวสสันดร) ดอกหรือ
ปู่..ย่า จะไม่ซื้อหลานคืนดอกหรือ
-ถ้ามองในแง่ธรรมาธิฐาน..
การที่บุคคลจะบรรลุจุดหมายทางใจสักอย่างหนึ่ง หรือจะเอาชนะกิเลสได้ จิตใจจะต้องเด็ดขาดแน่วแน่ ตัดรักตัดอาลัยได้
ถ้ายังติดนั่นติดนี่ จิตใจจะแน่วแน่ต่ออารมณ์ธรรมะได้อย่างไร |
|
|
|
|
 |
โจ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
12 เม.ย.2007, 1:05 pm |
  |
ไม่ว่าราหุลหรือเทวฑัต พระพุทธเจ้าก็ทรงรักเท่าๆกัน |
|
|
|
|
 |
meehuajai
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2007
ตอบ: 7
|
ตอบเมื่อ:
13 เม.ย.2007, 6:45 am |
  |
ยังงงอยู่ครับ ขอเอาไปคิด ก่อนนะครับ
สงสัยอะไร จะเอามาถามอีกรอบครับ
ขอบคุณมากครับ ที่ชี้แนะครับ
มโนมัย คน มีหัวใจ ครับ |
|
|
|
   |
 |
meehuajai
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2007
ตอบ: 7
|
ตอบเมื่อ:
13 เม.ย.2007, 7:00 am |
  |
สุญตาวิหาร อันนี้เป็นอย่างไรเหรอครับ
เราจะรู้ได้อย่าไร ว่าใจเรา ไปถึงภาวะนั้น มีจุดชี้วัดอย่างไรครับ
สภาวะมันเป็นเช่นไรครับ
ขอคำชี้แนะด้วยครับ
ท่านเศษพุทธทาส
ขอบคุณครับ |
|
|
|
   |
 |
Atago
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 เม.ย.2007, 2:21 pm |
  |
พระพรหมณ์ขอให้แสดงธรรมโปรดเวนัยสัตว์ คนเปรียบดังบัวสี่เหล่า ผู้ที่สามารถรู้และเข้าถึงธรรมได้นั้นมีอยู่ พระพุทธองค์เลือกแสดงธรรมตามลำดับ |
|
|
|
|
 |
|