ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
มะลิท่าพระจันทร์
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 25 ธ.ค. 2006
ตอบ: 13
|
ตอบเมื่อ:
24 มี.ค.2007, 11:33 pm |
  |
รายงานผลการไถ่ชีวิตโค กระบือ ปี 2550
ผมออกเดินทางออกจากกรุงเทพฯ คืนวันศุกร์ที่ 9 มีนาคม 2550 เวลา 3 ทุ่ม ถึงอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เช้าวันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2550 เวลา 7.00 น. เพื่อจัดการภารกิจเรื่องพระพุทธรูปทองคำที่วัดพระพุทธบาทสี่รอย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เสร็จแล้วเดินทางไปเยี่ยมสำนักสงฆ์ที่ดอยม่อนเงาะ เขตอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร ที่นี่ผมมาช่วยสร้างฐานพระพุทธรูปซึ่งเป็นพระประธาน และซ่อมวิหารที่ใช้เป็นที่ทำกิจเกี่ยวกับศาสนาของชาวเขาเผ่าม้ง หลังจากนั้นได้เดินทางไปร่วมพิธีสรงน้ำพระธาตุที่วัดเจดีย์เหลี่ยมที่ผมและคณะไปสร้างไว้ตั้งแต่ปี 2545 กว่าจะเสร็จธุระก็เกือบ 6 โมงเย็น ระหว่างเดินทางกลับจากลำพูนไปลำปาง เวลาประมาณเกือบ 2 ทุ่ม เราเห็นรถบรรทุกสิบล้อขนควายมาเต็มคันรถ จึงพยายามโบกให้จอดเพื่อเจรจาขอซื้อควายพวกนี้ พ่อค้าไปซื้อมาจากตลาดนัดวัว ควายทุ่งฟ้าบด อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะมีนัดทุกวันเสาร์ เขาจะขนไปพิษณุโลกเพื่อขายให้โรงฆ่าสัตว์ รถบรรทุกควายคงตกใจไม่กล้าจอด เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน ผมจึงขับนำหน้าไปจอดรถที่ด่านตำรวจหน้า สภอ.สบปราบ แล้วขอให้ตำรวจเรียกเพื่อเจรจาซื้อขาย
ปรากฏว่าได้ผล มีทั้งหมด 22 ตัว เขาขายเฉลี่ยให้ตัวละ 13,000 บาท พร้อมส่งถึงที่ ตำบลบ้านขอ อำเภอเมืองปาน ซึ่งอยู่ห่างจาก สภอ.สบปราบ ประมาณ 80 กม. รถผมขับนำทางไปหลังจากตกลงราคากันได้แล้ว กว่าจะเอาควายลงเสร็จกลับถึงโรงแรมที่ตัวเมืองลำปางก็เกือบตี 2 ของวันที่ 10 เช้าวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2550 ผมนัดคุณจำนง ผู้ใหญ่ล้วน และคุณชวลิต ผู้นำชุมชน ตำบลบ้านขอ ไว้ที่โรงแรม 9.00 น. พร้อมครอบครัวโมกขสมิตที่ไปร่วมซื้อวัว ควายด้วย ซึ่งได้รวบรวมเงินบริจาคจากญาติมิตรมาร่วมด้วย 150,000 บาท กว่าจะได้ออกจากโรงแรมก็เกือบ 10 โมงเช้า เราตรงดิ่งไปโรงฆ่าสัตว์ของนายประพันธ์ มูลทรายคำ อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ตกลงซื้อได้วัว 64 ตัว ราคาตัวละ 7,000 บาท แถมลูกวัวอายุเดือนเศษหนึ่งตัว ซึ่งจะเล่าความเป็นมาให้ท่านฟังทีหลัง ส่วนที่เหลืออีก 20 ตัวเป็นวัวล้วน ราคา 150,000 บาท รวมทั้งสิ้นปีนี้เราซื้อ 106 ชีวิต สิ้นเงินไปเกือบล้านบาทเฉพาะค่าวัว ควาย กว่าจะขนเข้าหมู่บานทำพิธีแจกทุนการศึกษาเสร็จก็เกือบ 2 ทุ่ม เรื่องวัว ควายยังไม่เรียบร้อย ผมออกจาก ตำบลบ้านขอทุ่มเศษ ถึงกรุงเทพฯ ตี 4 ของวันจันทร์ที่ 12 มีนาคม โทรศัพท์กลับไปถึงคุณจำนงได้ทราบว่ากว่าจะแจกชาวบ้านเสร็จเที่ยงคืน ในปีนี้ผมได้ประสานงานกับกรมปศุสัตว์ ขอให้จัดทำรหัสเครื่องหมายประจำตัววัว ควายทุกตัวตั้งแต่ปี 46 ปี 50 รวมทั้งบหมดเกือบ 300 ตัว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่โรงฆ่าสัตว์ของนายประพันธ์ มูลทรายคำ
โรงฆ่าสัตว์ของนายประพันธ์ มูลทรายคำ ได้ซื้อแม่วัวท้องแก่มาตัวหนึ่ง คืนนั้นเขาได้จับแม่วัวมัดไว้กับเสาที่ใช้เป็นหลักประหาร เพื่อรอเวลาฆ่าในตอนย่ำรุ่ง ประมาณ ตี 3 แม่วัวได้ให้กำเนิดลูกวัวสีขาวนวลเพศผู้ 1 ตัว ขณะที่ถูกล่ามกับหลักนั่นเอง เมื่อคลอดแล้วก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เพราะถูกพันธนาการด้วยเชือกอย่างแน่น การมัดวัว ควายตอนจะฆ่าเขาจะมัดจนขยับหรือดิ้นไม่ได้เลย ลูกวัวถูกทิ้งกองอยู่กับพื้นจนเช้า แม่วัวไม่อาจแม้หันหน้ามาดูลูกของมันที่เพิ่งเกิด จนกระทั่ง 6 โมงเช้าเมื่อได้เวลาเสียงค้อนปอนด์กระทบกับกะโหลกของแม่วัวดังโพละ มันทรุดฮวบลงกองกับพื้น เพชฌฆาตลงมือชำแหละขณะที่มันยังไม่สิ้นใจ เลือดแดงฉานไหลอาบพื้นซีเมนต์บริเวณนั้น เจ้าลูกวัวลืมตาขึ้นมาดูโลก โดยไม่มีโอกาสเห็นแม่ของมัน สัมผัสเพียงกลิ่นคาวเลือดจากร่างที่นอนอยู่ข้าง ๆ
โศกนาฎกรรมแห่งชีวิตที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น ที่เกิดและที่ตายเป็นที่เดียวกัน ภาพที่ไม่ปรากฏบ่อยในโลก ตัวละครของเรื่องนี้มีแม่วัว ลูกวัว เจ้าของโรงฆ่าสัตว์ ผู้รับจ้างฆ่า และผู้บริโภคเนื้อวัว การฆ่านั้นเพื่อขาย การขายเพื่อให้พอแก่ความต้องการ ยิ่งมีผู้กินมาก ก็ยิ่งมีการฆ่ามากขึ้น เมื่อกินน้อยลงก็ฆ่าน้อยลง เมื่อไม่มีคนกิน ก็ไม่มีคนขาย ไม่มีคนขาย ก็ไม่มีคนฆ่า
เมื่อท่านรู้เช่นนี้แล้วโปรดปลดปล่อยเขาเถิด เส้นทางอันยาวไกลจากชายแดนพม่า, ลาว, ยืนมาบนรถบรรทุกสิบล้อข้ามวันข้ามคืนตากแดดตากลม แม้แต่น้ำก็ไม่ได้กิน สู่ตลาดนัดวัว ควาย มุ่งตรงไปโรงฆ่าสัตว์และตลาดสด มาวางบนจานเบื้องหน้าท่าน มีความเป็นมาเช่นนี้
เจ้าวัวน้อยรอดตายอย่างเหลือเชื่อ ลูกเจ้าของโรงฆ่าสัตว์เกิดสงสารเลยเลี้ยงไว้ โดยการซื้อนมผงใส่ขวดให้มันดูดกินต่างนมแม่ (มันติดคนมาก ใครให้อาหารมันจะเดินตามตลอด) พอดีกับเวลาที่เราไปไถ่ชีวิตวัว ควาย พวกเราไปพบเข้าเกิดความสงสาร ผมและคณะไม่อยากให้มันอยู่ในโรงฆ่าสัตว์ต่อไป เพราะไม่รู้ว่าวันใดเขาจะจับมันเชือดหรือขายมันไป อย่างไรเสีย วิสัยของคนทำอาชีพนี้ คงไม่มีใจรักเมตตามันอย่างแท้จริงหรอก
ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ย่อมมีความรักผูกพันลูกของมันโดยธรรมชาติ ด้วยจิตของมารดา เมื่อคลอดลูกย่อมอยากเห็นลูกของตัว แต่แม่วัวตัวนี้ไม่มีโอกาสเห็นลูกของมันเลย ในครั้งนี้แม่วัวได้ถูกฆ่าทางวิญญาณ ก่อนที่จะถูกฆ่าทางร่างกาย นับเป็นความอำมหิตอีกรูปแบบที่ได้พบ
ท่านทั้งหลายใครน่าสงสารกว่ากัน ระหว่าง ผู้ถูกฆ่า และ ผู้ฆ่า วัวได้ชดใช้กรรมในอดีต ผู้ฆ่าจะได้ลงไปอยู่ในนรก และเกิดมาเป็นวัวให้เขาฆ่าอีก นานเท่าไร
บุคคลทำกรรมเช่นใด ได้รับผลเช่นนั้น
พวกเราเข้าไปต่ออายุให้พวกเขา และสกัดกั้นการประหารชั่วขณะ เจ้าวัวน้อยตัวนี้มีบุญมาก การรอดกรณีเช่นนี้ไม่ค่อยปรากฏ เพราะหากไม่คลอดออกมาก่อนก็ต้องตายพร้อมแม่ของมัน และหากไม่ใช่ช่วงเวลาที่เราไปไถ่ชีวิต เขาจะเลี้ยงมันไว้นานแค่ไหน? ในวันนั้น ครอบครัวตระกูลโมกขสมิตที่ไปร่วมกิจกรรมด้วย ได้รับเป็นผู้อุปการะด้วยการบริจาคเงิน 10,000 บาท มอบให้คุณบัวลอย กับ อาจารย์ปริญญา สองสามีภรรยารับไปเลี้ยงดูที่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ขอกราบอนุโมทนากับท่านด้วยใจจริง นี่คือมุมหนึ่งของเจ้าลูกวัวที่โชคดีอย่างเหลือเชื่อรอดชีวิตมาได้ อีกมุมหนึ่ง คือความโชคร้ายที่ไม่ควรเกิดเช่นกัน คือมีวัวตัวผู้ตัวหนึ่งที่เราปล่อยไปปีที่แล้ว มีนิสัยดุร้ายมาก ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ แม้แต่เจ้าของที่รับบริจาคและเลี้ยงดูมันอยู่ก็ยังโดนมันขวิดจนฟุบลงกับพื้นขณะจูงมัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่กล้าเลี้ยงมันต่อไปจึงลักลอบแลกเปลี่ยนกับพ่อค้าวัวที่เข้ามาหาซื้อวัวในหมู่บ้าน เนื่องจากในสัญญาที่ตกลงกันมี 1 ข้อระบุว่า ห้ามนำไปแลกเปลี่ยนโดยพลการ เขาไม่กล้ามาบอก เพราะกลัวจะไม่อนุญาต อันที่จริงถ้าบอกให้รู้ผมมีทางออก เพราะวนอุทยานอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ที่พวกกะเหรี่ยง ลูกศิษย์ครูบาวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้มอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาไม่กินเนื้อสัตว์ ผมรู้จักดี เพราะเคยบริจาคให้เขา สามารถดูแลให้ได้ ปล่อยให้มันเป็นวัวป่าอยู่ตามธรรมชาติ ยังมีโอกาสรอด แต่หากเอาไปแลกเปลี่ยนกับพ่อค้าวัว ควาย ทุกทานคงเดาออกว่าผลจะเป็นอย่างไร
ท่านเห็นไหม? เราอุตสาห์ไปฉุดมันออกมาจากโรงฆ่าสัตว์ซึ่งโอกาสเช่นนี้ยากเหลือเกิน ถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว ปีหนึ่งเราทำครั้งเดียว แล้วได้รอดออกมาจากโรงฆ่าสัตว์ตั้งเกือบปี มันก็ยังพยายามหาทางกลับไปให้เขาฆ่าจนได้ ทั้งหมดนี้คือ กฎของกรรมที่ทำไว้ จะตามให้ผลจนได้ ไม่ว่าท่านจะไปหลบซ่อนตัวอยู่บนยอดเขา หรือในลืบถ้ำที่ใด ก็ตาม
ดังนั้น ขอท่านทั้งหลายจงสะสมแต่กรรมดีเถิด ทุก ๆ วันมีคนตายให้เราเห็น เผากันเกือบทุกวัดทุกวัน บุคคลเหล่านั้นหอบอะไรไปได้บ้าง ? มีแต่กรรมดีหรือบุญกุศลนี่แหละที่เป็นอมตะ จะติดตามช่วยเราไปในทุกที่ ทุกเวลา
ผมจะเป็นสะพานให้ท่านเดินข้ามไป ตราบเท่าลมหายใจสุดท้าย สำหรับเรื่องไถ่ชีวิตโค กระบือนี้ ขอบอกทุกท่านว่าตราบใดที่ผู้คนในชุมชนบ้านขอ และผู้นำชุมชนส่วนใหญ่ยังมีความจริงใจร่วมมือกันรักษากฎกติกาตามข้อตกลง ผมก็จะมุ่งมั่นต่อไป แต่เมื่อใดที่พบว่า มีการกระทำทุจริตเอาวัว ควายไปขาย หรือฆ่าโดยที่ผมไม่สามารถควบคุมได้ ผมจะยอยุติโครงการนี้ทันที
เพราะผมได้รับมอบความไว้วางใจจากผู้บริจาคทุกคน ด้วยคำมั่นสัญญาว่า จะช่วยชีวิตวัว ควายให้รอดจากการถูกฆ่า ซึ่งหมายความว่า การไถ่ชีวิตวัว ควายนั้น ไม่ใช่แค่การรวบรวมเงินบริจาคเพื่อเอาไปซื้อวัวควายจากโรงฆ่าสัตว์ แล้วมาแจกชาวบ้านเป็นอันเสร็จพิธี ถ้าทำแค่นี้ก็เป็นเพียงยืดอายุไปได้ช่วงเวลาหนึ่ง อาจจะ 1 เดือน 2 เดือน หรือ 1 ปี ก็ตาม หากไม่ติดตาม ขอยืนยันว่า ทุกตัวถูกขายกลับเข้าโรงฆ่าสัตว์แน่นอน
เพราะอะไร? เวลานี้สัตว์เหล่านี้เป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่ง เมื่อเลี้ยงดูอย่างดี จะมีราคาตัวละ 2-3 หมื่นบาท และเวลานี้เขาไม่มีการใช้วัวควายทำงานแล้ว เลี้ยงเพื่อขายเข้าโรงฆ่าสัตว์ให้คนกินอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าท่านไม่ติดตาม เขาจะเก็บเอาไว้ทำไมเล่าครับ? พวกเขายากจนและขาดแคลน มีหนี้สินทุกคน ดังนั้น ที่เราทำเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2550 ที่ผ่านมาจึงเป็นเพียงการเริ่มต้นช่วยชีวิตเท่านั้น ยังพูดไม่ได้ว่าทำสำเร็จ
การมีสัญญาผูกมัด การมีทะเบียนประวัติผู้รับบริจาค และจดบันทึกการรับวัว - ควายก็เป็นเพียงการช่วยป้องกันในเบื้องต้นรวมถึงการขอให้กรมปศุสัตว์มาทำรหัสประจำตัววัว ควายทุกตัวก็ดี (ปีนี้เป็นปีแรก) ยังป้องกันไม่ได้จริง ผมในฐานะผู้ปฏิบัติงาน ต้องรับผิดชอบประคับประคองชีวิตพวกเขาเหล่านี้ทุกตัวให้รอดตลอดไป นับแต่ตัวแรกปีแรก ปีต่อมา รวมถึงลูกของมันตัวที่ 1 ผมได้อยู่ร่วมกับพวกเขาในโรงฆ่าสัตว์ในบรรยากาศที่หดหู่ท่ามกลางสถานการณ์แห่งความเป็นความตาย เมื่อฉุดออกมาได้แล้วจะไม่ยอมให้เขาหลุดเข้าไปอีกเป็นอันขาด
ผมพบว่าหากจะทำงานชิ้นนี้ให้ยั่งยืนตลอดรอดฝั่ง และบรรลุวัตถุประสงค์ในการกู้ชีวิต ต้องมีโครงการอื่นผนวกเข้าไปพร้อมกัน เพื่อให้ชาวบ้านเห็นคุณประโยชน์และคุณค่าของวัว ควายว่า มันนำมาซึ่งความช่วยเหลือหลายรูปแบบ ซึ่งช่วยให้ชุมชนของเขามีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กล่าวโดยสรุป เราต้องทำงานมวลชนไปพร้อมกันเพื่อดึงใจของคนส่วนใหญ่ให้เป็นหูเป็นตา และช่วยประคับประคองโครงการนี้ไปด้วยกัน ให้เขาเห็นถึงความปรารถนาดีและความจริงใจของเราจนเกิดการยอมรับ และร่วมมืออย่างแท้จริง เมื่อเกิดปัญหาขึ้นต้องเข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นของเขาในสภาพของความเป็นจริง ร่วมคิดกับเขา และให้ชุมชนเป็นผู้ลงมติเป็นฉันทานุมัติที่จะใช้เป็นข้อบังคับหรือบทลงโทษ เมื่อเกิดการผิดสัญญาขึ้น เช่นเวลานี้ เราตกลงร่วมกันว่า หากหมู่บ้านใดมีการทุจริตเอาวัว ควายไปขายเกิดขึ้น หมู่บ้านนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ในการได้รับความช่วยเหลือทุกกรณีในปีต่อไป ทั้งเรื่องทุนการศึกษา การฝึกอาชีพ และการรับบริจาควัว ควาย เป็นต้น กฎหมายหรือการฟ้องร้องแก้ไขอะไรไม่ได้ การทำให้หวาดกลัวเป็นเพียงการยุติปัญหาชั่วคราว และมีแต่ความเกลียดชัง แต่หากให้ชุมชนดูแลกันเองด้วยบทลงโทษทางสังคมได้ผลมากกว่า เพราะผู้ที่เป็นต้นเหตุจะถูกเพื่อบ้านประณามว่า เป็นตัวทำให้พวกเขาเดือนร้อนเสียประโยชน์ โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย
โครงการแจกทุนการศึกษาจึงเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้ และผมจะเพิ่มโครงการฝึกอาชีพเข้าไปอีก ด้วยการติดต่อเอกชนหรือองค์กรใดที่มีความยินดีช่วยเหลือเป็นวิทยาทาน โดยเราต้องออกค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายให้เขาตามสมควร ครั้งละไม่เกิน 3 7 วัน แล้วแต่ขนาดของโครงการ เช่นเวลานี้ที่ติดต่อไว้ มี
- นวดแผนโบราณ
- การทำปุ๋ยชีวภาพ
- การทำบ้านดิน
- การทำน้ำยาล้างจาน, น้ำยาซักผ้า, สบู่
- การทำอาหาร, ข้าวหมกไก่, ข้าวหมู่แดง, ข้าวขาหมู เป็นต้น
ท่านใดที่พอจะช่วยเรื่องนี้ได้ก็ให้ติดต่อมาด้วยครับ ภารกิจนี้ไม่มีเงื่อนเวลาสิ้นสุด มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนวัว ควายที่เราแจกไป งานนี้เป็นงานที่ยากที่สุดเท่าที่เคยทำมา การสร้างเจดีย์, สร้างพระพุทธรูปทองคำ, โบสถ์, วิหาร เมื่อเสร็จแล้วก็หมดหน้าที่ของเรา เป็นเรื่องของผู้อยู่ต้องดูแลรักษากันเอง แต่เรื่องวัว ควายไม่มีคำว่าเสร็จ ยิ่งทำ ความรับผิดชอบยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จะเลิกก็เลิกไม่ได้ เพราะพวกที่เราปล่อยไปแล้วจะเดือดร้อน สรุปว่าเป็นสังเวียนที่เดินลงไม่ได้ แต่เมื่อคิดถึงความทุกข์ทรมานของพวกเขากับความเหนื่อยยากของเรา มันเปรียบกันไม่ได้ จึงเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไป
ในท้ายสุดขอตั้งจิตอธิษฐานให้ทุกท่านที่ร่วมบริจาคโครงการนี้ มากก็ดี น้อยก็ดี เพียงแค่จิตมีอนุโมทนาก็ดี จงได้รับอานิสงค์ของบุญนี้เท่ากับที่ผมได้รับทุกประการ ผมได้รับสิ่งใด เวลาใด ขอให้ท่านทั้งหลายได้สิ่งนั้น เวลานั้นเท่าเทียมกันทุกประการ และด้วยอำนาจแห่งบุญกุศลนี้ จงดลบันดาลให้ทุกท่านที่ยังเวียนว่านในวัฏฏะ จงอย่าได้มาเกิดเป็นวัว ควายเลย ทุกภพทุกชาตินับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ให้ทุกท่านแคล้วคลาดจากศาสตราวุธทุกชนิด ไม่มีผู้ใดฆ่าได้ เมื่อจะจากอัตภาพนี้แล้ว ขอให้ท่านไปโดยอาการอันสงบ ตามอายุขัยของท่าน หากความเกิดยังมีอยู่เพียงใด ขอให้เกิดทันยุคพระศรีอาริย์ฯ ด้วยเทอญ
จนกว่าจะพบกันอีก
กองธรรมพระศรีอาริย์ฯ
ธวัชชัย วณิชย์กุล
โทรศัพท์ 02-2611313
มือถือ 081-6149382
18/6 ซอยสุขุมวิท 23 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
ท่านใดต้องการรับข่าวประชาสัมพันธ์ทางไปรษณีย์สำหรับปีต่อ ๆ ไป กรุณาโทรแจ้งหรือแฟกซ์ชื่อและที่อยู่โดยละเอียด ตัวบรรจง ที่หมายเลข 02-6640582 ครับ |
|
|
|
  |
 |
มะลิท่าพระจันทร์
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 25 ธ.ค. 2006
ตอบ: 13
|
ตอบเมื่อ:
25 มี.ค.2007, 12:59 am |
  |
รายงานค่าใช้จ่ายงานไถ่ชีวิตโค กระบือ ปี 2550
1. ซื้อควาย 22 ตัว ๆ ละ 13,000 บาท 286,000.00
2. ซื้อวัวจากโรงฆ่าสัตว์ อำเภอห้างฉัตร (วัว 64+1 ตัว) ตัวละ 7,000 บาท 448,000.00
3. ซื้อวัว 20 ตัว ตัวละ 7,500 บาท 150,000.00
รวมเป็นเงินซื้อวัว ควาย 106 ตัว 884,000.00 บาท
4. ทุนการศึกษาระดับประถม 3 โรงเรียน จำนวน 100 ทุน ๆ ละ 500 บาท 50,000.00
5. ทุนการศึกษาระดับมัธยม 2 โรงเรียน จำนวน 18 ทุน ๆ ละ 1,000 บาท 18,000.00
6. ทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวน 6 ทุน ๆ ละ 1,500 บาท 9,000.00
รวม 124 ทุน 77,000.00 บาท
7. ทุนโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ 3 โรงเรียน ทุน ๆ ละ 10,000 บาท 30,000.00
รวม 30,000.00 บาท
8. ค่าพระสงฆ์สวดอุทิศส่วนกุศล จำนวน 5 รูป 3,300.00
9. ค่าโรงแรม 2 ห้อง 700.00
10. ค่าน้ำมันไป - กลับ 4,300.00
11. ค่าโรเนียวเอกสาร 7,970.50
12. ค่าแสตมป์ 6,600.00
13. ค่าส่งจดหมายต่างประเทศ + ไปรษณียภัณฑ์ 2,853.00
14. ค่าโทรศัพท์ + แฟกซ์ 2,527.00
15. ค่าเครื่องคิดเลข 420.00
16. ซองจดหมาย 150 ซอง 150.00
17. มอบคุณจำนงประสานเรื่องวัว ควาย 6,700.00
18. ค่าเดินทางไปตรวจเยี่ยม และประชุมชาวบ้าน 19 พ.ย. 2549 5,400.00
19. ซื้อต้นไม้ ไม้ผล 150 ต้น ต้นโมก 30 ต้น (คงเหลือ 5,000 บาท) 10,000.00
20. ค่าแท็กซี่ขนคอมพิวเตอร์ที่มีผู้บริจาค 100.00
21. ค่ารถบรรทุกขนควาย 4 คัน 10,000.00
รวมค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด 61,020.50 บาท
รวมยอดรายจ่ายทั้งสิ้น 1,052,020.50 บาท
เงินคงเหลือในบัญชี ณ วันที่ 16 มีนาคม 2550 (เนื่องจากมีผู้โอนมาทีหลัง)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาอโศก 47,143.21 บาท
- ธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักงานบางกะปิ 4,820.57 บาท
รวม 51,963.78 บาท
- เงินสดที่มีผู้มามอบตามหลัง 16,800.00 บาท
- ครอบครัวโมกขจิตบริจาคค่าเลี้ยงดูลูกวัว 10,000.00 บาท
รวม 26,800.00 บาท
รวมยอดเงินบริจาคทั้งสิ้น 1,130,748.28 บาท
(หนึ่งล้านหนึ่งแสนสามหมื่นเจ็ดร้อยแปดสิบสี่บาทยี่สิบแปดสตางค์)
เงินที่เหลือจะใช้เป็นค่าติดตามผล, การรายงานผลที่ส่งทางไปรษณีย์ ประมาณ 3,000 ฉบับ, ค่าเบี้ยเลี้ยงวิทยากรที่จะจัดส่งไป และเป็นทุนของปีต่อไป |
|
|
|
  |
 |
มะลิท่าพระจันทร์
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 25 ธ.ค. 2006
ตอบ: 13
|
ตอบเมื่อ:
27 มี.ค.2007, 12:50 pm |
  |
กองธรรมพระศรีอาริย์
18/6 ซอยสุขุมวิท 23 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม 10110
โทรศัพท์ : 02-2611313
มือถือ : 081-6149382
แฟกซ์ : 02-6640582
อีเมล 01 : pra.sri2550@gmail.com |
|
|
|
  |
 |
|
|
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้ คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
|
|