ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
วันเพ็ญ
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 03 มี.ค. 2007
ตอบ: 4
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพ
|
ตอบเมื่อ:
26 มี.ค.2007, 6:09 pm |
|
ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก รัก โลภ โกรธ หลง คือ กิเลส
ทั้งที่รู้ เงินทอง ของนอกกาย ตายไปก็เอาติดตัวไปไม่ได้ แต่ก็ยังไขว่คว้า
ทั้งที่รู้ รักคือทุกข์ แต่ก็ยังตัดไม่ได้
ทั้งที่รู้ การรักษาศีล และการสวดมนต์ภาวนาคือสิ่งที่ควรกระทำ เป็นสิ่งที่ดี เป็นเส้นทางเดินสู่นิพพาน แต่ก็บังคับจิตไม่ได้ ไม่เคยทำสมาธิได้นานสักที
รู้ทุกอย่าง แต่ทำใจไม่ได้ บังคับใจไม่ได้ |
|
_________________ ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ |
|
|
|
Tun
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
27 มี.ค.2007, 6:58 am |
|
ผมคิดว่าถ้าเราอยากปฎิบัติธรรมต้องเจออย่างนี้ทุกคน แต่เราต้องมีกำลังใจที่จะทำ และคงต้องสงบใจก่อน อาจจะเริ่มจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ เพื่อให้จิตผ่องใส เช่น แบ่งปันสิ่งของให้คนที่เขาต้องการ
หรือ ไม่วุ่นวายกับคนอื่นหรือพูดคุยมากเกินไป คือทำความดีแบบสะสม อันที่ทำได้ก่อนก็รีบทำ
จิตจะได้สงบ แล้วก็ส่งเสริมการปฏิบัติเช่นสวดมนต์ ไหว้พระหรือทำสมาธิครับ |
|
|
|
|
|
จอมใจ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
27 มี.ค.2007, 9:10 am |
|
เหมือนถีบจักรยาน
ต้องค่อยๆ ฝึก ปุบปับถีบได้วิ่งฉีวเลยไม่มี
ยกเว้นผู้ที่เคยฝึกมาแล้วในชาติก่อนๆ
ทำให้เป็นนิสัยเป็นปัจจัย แล้วเมื่อถึงเวลาคุณจะรู้ว่า สมาธิก็ไม้ได้ยากอย่างที่เข้าใจ
สำคัญอยู่ที่ว่า มีมานะ (ความเพียร) วิริยะ (ความมุ่งมั่นบากบัน)หรือเปล่า
|
|
|
|
|
|
สุกี้ยากี้
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 13 มี.ค. 2007
ตอบ: 14
|
ตอบเมื่อ:
27 มี.ค.2007, 7:33 pm |
|
ดิฉันเคยเป็นเหมือนคุณ ฝึกนั่งสมาธิทีไรไม่เคยได้สักที แต่ตอนหลังใช้วิธีนับลมหายใจ พอว่างสักขณะจิตหนึ่งดิฉันก็จะนึกถึงที่สวยงามที่เคยไม่เที่ยวมา สงบและมีความสุขมาก ลองใช้วิธีนี้ดูนะค่ะ ไม่เสียหลาย บางทีการฝึกสมาธิก็เหมือนเส้นผมบังภูเขา |
|
|
|
|
|
แทบเท้าพุทธองค์
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 15 มี.ค. 2007
ตอบ: 20
|
ตอบเมื่อ:
27 มี.ค.2007, 9:01 pm |
|
อตัมมยาตา จะเป็นตัวกำหนดให้เราอยากศึกษาธรรมในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม
นิพพิทาก็ถือได้ว่าเป็นเหตุให้เกิด อตัมมยตา ได้เช่นกัน
ถ้าละสิ่งที่ชอบกระทำไม่ได้ หักห้ามใจละไม่ได้ ก็ให้กระทำสิ่งที่ชอบจนถึงที่สุดก่อน ทำให้มากที่สุด จนเห็นอย่างถึงที่สุดว่ามัน ดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร เมื่อรู้อย่างถึงที่สุดแล้วว่า ดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร ความเบื่อหน่ายในสิ่งที่กระทำนั้นจะเกิด เรียกว่าเกิดนิพพิทา จากนั้น อตัมมยตา จะเกิดตามมาเอง ผลักดันให้เราอยากศึกษาธรรมอื่นมากขึ้นกว่าที่เดิมที่เคยรู้อยู่
เหมาะสำหรับผู้รักการศึกษาธรรมเท่านั้นครับ ส่วนผู้ที่ยังผูกใจรักทางโลกอยู่ คำแนะนำเหล่านี้คงไม่เหมาะสม |
|
_________________ รับสารอาหารทางปาก |
|
|
|
วันเพ็ญ
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 03 มี.ค. 2007
ตอบ: 4
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพ
|
ตอบเมื่อ:
27 มี.ค.2007, 9:20 pm |
|
จะนำเป็นแนวทางในการฝึกจิตของตัวเองให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ |
|
_________________ ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ |
|
|
|
ปาล
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
28 มี.ค.2007, 2:44 pm |
|
คุณรู้ขนาดนี้ ผมว่าคุณมีบุญที่ทำมาแยะแล้วนะครับ และคุณบอกว่า คุณพยายามปฏิบัติด้วย แต่ว่า ทำไม่ได้ซักที คุณครับการละกิเลสนะครับ การเอาชนะ ความโลภ ความโกธ ความหลง พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ท่านสู้ ท่านขัดเกลาจิตใจตนเอง เป็นร้อยชาติ พันชาติ เป็นอสงไขย นะครับ ไม่ใช่แค่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว แค่ความรู้ยังไม่พอหรอกครับ ท่านฝึกฝนนะครับ ทำให้เกิดให้เจริญ ความดีอันไหนทำไม่ได้ ฝึกฝนตนเอง ฝึกไปเถอะครับ ปลูกถั่วงอกเอามากินยังต้องรอเวลาเลยครับ ปลูกข้าวก็ยังต้องรอมัน ฝึกใจตนให้หมดกิเลส ต้องใช้เวลาครับ เขาเรียกการบำเพ็ญบารมีครับ ทานเป็นเบื้องต้น มีอุเบกขาเป็นที่สุดครับ ค่อยๆทำครับ ฝึกตั้งแต่ชาตินี้ ชาติต่อๆๆไปก็เก่งและเป็นเองครับ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ |
|
|
|
|
|
วันเพ็ญ
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 03 มี.ค. 2007
ตอบ: 4
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพ
|
ตอบเมื่อ:
28 มี.ค.2007, 9:26 pm |
|
รู้สึกว่าตัวเองมีบุญมาก ๆ ค่ะที่ได้เข้ามาเจอเว็บนี้ และได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้รู้หลายท่าน ได้รับคำแนะนำ ติ ชม เปิ้ลรู้สึกว่าเพื่อน ๆ ในเว็บนี้มีแต่คนมีจิตที่เป็นผู้ให้ และพร้อมจะเข้าใจ ให้อภัยกับความผิดพลาดของผู้อื่น และยังมีกำลังใจให้อีกด้วย
ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ
*** ถ้าท่านใดพอมีเวลา แวะทักทายเปิ้ลได้ที่ msn นะคะ ยินดีรับฟังทุกคำแนะนำค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ
pjhumpa6@hotmail.com |
|
_________________ ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ |
|
|
|
โคมา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
31 มี.ค.2007, 2:59 pm |
|
ที่ว่าเรารู้ทุกอย่าง คงไม่จริง ถ้ารู้จริงเราคงจะรู้สึกเบื่อหน่าย เพราะสิ่งที่รับรู้สัมผัสทั้งหลายล้วนสะสมความทุกข์ ปุถุชนทั้งหลายรู้แต่ไม่เข้าใจ ก็เข้าข้างตัวเองว่ารู้ทั้งหมด แต่เมื่อรู้สึกแล้วมันก็เป็นผลดี คือการเริ่มต้นที่จะเข้าใจ เปิดใจรับความจริงแท้ เข้าสู่เส้นทางแห่งการ ลด ละ เลิก ขอคุณธรรมและความดีงามทั้งหลาย ช่วยให้พวกเราทุกคนที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน ได้ค่อยๆดับ กิเลส ทุกข์ ทั้งหลายจากดวงจิตของพวกเราจนที่สุดแห่งชีวิตเถิด นิพพานัง ปรมัง สุขขัง |
|
|
|
|
|
ลมไหวไผ่เซ
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 29 มี.ค. 2007
ตอบ: 10
|
ตอบเมื่อ:
31 มี.ค.2007, 7:09 pm |
|
ตามหลักการแล้ว ถ้าเรารู้ว่า กิเลส มีที่สิ้นสุดคือ นิพพิทา นั้น เราไม่มาเกิด หรอก ครับ
ลืมบอกไปอย่าง การเข้าไปทำสิ่งที่ชอบอย่างถึงที่สุดเพื่อให้เกิดนิพพิทา ต้องระวังไม่ให้เกิดกรรมที่เบียดเบียนผู้อื่นนะครับ ไม่งั้นการจองเวรชดใช้กรรมจะตามมา
|
|
_________________ หนังสือคือเพื่อนแท้ที่ดีสุด สุด |
|
|
|
กรัชกาย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
01 เม.ย.2007, 8:13 pm |
|
ถ้าเอาชนะจิตใจตนเองได้ง่ายๆ ก็คงเป็นอริยะชนกันหมดแล้วละครับ
ที่พวกเราหมั่นฝึกฝนอบรมสมาธิภาวนาก็เพื่อให้รู้แจ้ง รู้จริงรู้ใจตนเอง และเอาชนะจิตใจตนเองได้ในที่สุด
หวังว่าคงเป็นเช่นนั้น แพ้บ้างชนะบ้างก็ยังดี |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
|
|
|