สับสนในชีวิตมากไม่รู้จะอยู่เพื่ออะไร, เพื่อใคร

ตอบเมื่อ: 16 ก.พ.2007, 9:54 pm

ตอบเมื่อ: 16 ก.พ.2007, 10:23 pm

ถ้าถามผมในฐานะคนมีกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ก็จะตอบตัวเองว่า
อยู่เพื่อ คนที่รักเรา และคนที่รักเรา คิดได้แค่นี้ กําลังใจมันก็มาเองครับ

มีคัยมั้งไม่มีปัญหาในชีวิต หาทางออกไม่ได้ก็ออกตรงทางเข้า
หาทางเข้าไม่เจออีกก็ปีนหน้าต่างเพื่อออก

คิดอะไรให้มันง่ายๆเข้าไว้ อุปสสรรคมันจะดูเล็กลง

ตอบเมื่อ: 16 ก.พ.2007, 10:45 pm

เพื่อสัจจะธรรม
เพื่อความพ้นทุกข์
เพื่อความพ้นจากกิเลส
เพื่อไม่ต้องเกิดอีก
เพื่อการเห็นแจ้ง
เพื่อมีชีวิตที่เป็นอิสระจากความคิด
เพื่อมีความรู้สึกตัว
เพื่อผู้อื่นได้รู้แจ้งตามที่เรารู้แจ้ง

เข็มทิศชีวิต
http://www.watkoh.net/media/play.php?Category=dhamma&No=1

ปฏิบัติธรรม
http://se-ed.net/theeranun/

ปรบมือ

ตอบเมื่อ: 17 ก.พ.2007, 4:42 am

อยู่ไปเถอะ... อยู่ไป...อยู่ไปเพื่อชีวิต...ไม่ได้อยู่เพื่อใครดอก ฟังเพลงเพื่อชีวิตมั่งดิ....

เจ้าตัวการที่คิดไม่อยากอยู่นั่น ไม่ใช่ชีวิต...แต่เป็นวิภวตัณหา ตัวนี้มันไม่เคยพอใจอะไร มีนี่ก็

อยากมีนั่น อยากมีนี่ มีนั่นแล้ว ก็ไม่พอใจอีก อยากไปโน่น ได้โน่นแล้วก็ไม่พอใจอีก...ฯลฯ จะเอา

นั่น....

-เมื่อไม่ได้ดังใจต้องการก็รู้สึกเซ็งๆ เบื่อๆ

ถูกขัดใจ ถูก....ดึงความรู้สึก ขัดความต้องการ ไม่ได้ดังต้องการ

ก็หงุดหงิด...อยากตายให้รู้แล้วรู้รอด ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ทำมัยถึงต้องเปนเรา ไม่เห็นมีใครเขา

เป็นอย่างเราเลย ไม่รู้ อะไรกันนักหนา ทำกรรมอะไรไว้น้อ มีใครเป็นเหมือนเรามั่ง

มีใครตัดกรรมได้บ้าง ฯลฯ ...........

เจ้าตัวนี้ (ตัณหา) แหละมันเบือมันเซ็ง เพราะมันไม่ได้ดังใจ

เวลาใดเขาได้ดังใจแล้ว เขาเปลี่ยนอารมณ์ทันที ไม่อยากตายแล้ว

อยากมีชีวิตอยู่ในโลกนี้นานๆแล้ว....

เพราะฉะนั้น ทนอยู่ไปอีกระยะหนึ่งก็หาย อารมณ์นี้มันไม่นานหรอก ปลดปล่อยมันไป

ตอบเมื่อ: 17 ก.พ.2007, 7:13 pm

เพื่ออะไร เพื่อใคร ????

หาความสุขสิครับ ชีวิตมีอะไรตั้งหลายอย่างให้ทำ อย่าไปทำให้ใครเขาเดือดร้อนเป็นทุกข์เอาก็พอแล้ว ไม่มีความสุขจะอยู่ไปทำไม

ถ้าคิดไม่ออก แล้วเป็นคนไม่มีภาระอะไรล่ะก็ ลองบวชบวชสัก 4-5 เดือน สิครับ อาจมีไอเดียอะไรใหม่ จุดประกายให้ชีวิตมีรสชาติ เพิ่มมากขึ้น

หรือถ้าเกิดชื่นชอบการใช้ชีวิตภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว ไม่ต้องสึกก็ได้ ครับ อยู่ไปเรื่อยเลยจนบรรลุธรรม มันส์ ไปอีกแบบ นะครับ

สาธุ

สวัสดีมีสุขสันติ์ ขอปัญญาอนัตตา เกิดแก่ท่าน ขอให้ท่านค้นพบคำตอบ ในสิ่งที่กำลังหาอยู่

ผู้เยี่ยมชม

ทุกคนในโลกนี้ล้วนมีปัญหา ตอนนี้ปัญหาของคุณมันเหมือนน้ำที่ถูกกวนจนขุ่น มองไม่เห็นว่าในน้ำมีอะไรอยู่ ขอให้ทำใจให้สงบนั่งสมาธิสักชั่วโมง ใจที่ขุ่นจะได้ใสขึ้นมา ชีวิตของคนเรามีขึ้นมีลงขอให้หมั้นทำบุญทำความดี เข้าไว้ผลบุญจะช่วยให้จิตใจมีความสุขไม่งั้นคุณก็จะทุกข์ไปจนตาย เชื่อเถอะว่าผลบุญจะเป็นกำลังให้กับชีวิตของเรา ผมก็เคยมีความรู้สึกแบบคุณ แล้วมันก็ผ่านไปความสุขก็จะมาเยี่ยมเยือนเราอีก เมื่อถึงตอนนั้นคุณจะรู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่จังเลย โลกนี้สวยงามถ้าจิตใจสวยงาม

ตอบเมื่อ: 18 ก.พ.2007, 7:10 pm

เรียนคุณเก่งครับ
คนเราเกิดมาเพื่อแสวงทางพ้นทุกข์ครับ ซึ่งคนทั่วไปมักจะหลงไป 2 ทางก็คือ
1.กามสุขัลลิกานุโยค คิดว่าการทำตามใจกิเลส จะพ้นทุกข์ ซึ่งมันไม่พ้นทุกข์
2.อัตตกิลมถานุโยค คิดว่า การบังคับกายบังคับใจ ให้สงบให้มันนิ่ง ซึ่งมันก็ไม่พ้นทุกข์ เพราะกายนี้จิตนี้ อยู่ในกฏของไตรลักษณ์ เหมือนกัน
ฉะนั้น ทางสายตรงสู่การพ้นทุกข์ ให้ฝึก สติปัฏฐาน 4 ซึ่งเป็นวิถีไม่เนิ่นช้า แม้ว่าจะไม่บรรลุในชาตินี้ แต่เชื่อได้เลยครับว่าถ้าทำถูกวิธี ทุกข์ของคุณจะหายไปกว่าครึ่ง ซึ่งง่ายมากครับ
ขอยกเอาพุทธวจนะ มาอ้างครับ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่อย่างไรเล่า
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ จิตมีราคะ ก็รู้ว่าจิตมีราคะ หรือจิตปราศจากราคะ ก็รู้ว่าจิต
ปราศจากราคะ จิตมีโทสะ ก็รู้ว่าจิตมีโทสะ หรือจิตปราศจากโทสะ ก็รู้ว่าจิต
ปราศจากโทสะ จิตมีโมหะ ก็รู้ว่าจิตมีโมหะ หรือจิตปราศจากโมหะ ก็รู้ว่าจิต
ปราศจากโมหะ จิตหดหู่ ก็รู้ว่าจิตหดหู่ จิตฟุ้งซ่าน ก็รู้ว่าจิตฟุ้งซ่าน จิตเป็น
มหรคต ก็รู้ว่าจิตเป็นมหรคต หรือจิตไม่เป็นมหรคต ก็รู้ว่าจิตไม่เป็นมหรคต จิต
มีจิตอื่นยิ่งกว่า ก็รู้ว่าจิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า หรือจิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า ก็รู้ว่าจิตไม่มีจิต
อื่นยิ่งกว่า จิตเป็นสมาธิ ก็รู้ว่าจิตเป็นสมาธิ หรือจิตไม่เป็นสมาธิ ก็รู้ว่าจิตไม่
เป็นสมาธิ จิตหลุดพ้น ก็รู้ว่าจิตหลุดพ้น หรือจิตไม่หลุดพ้น ก็รู้ว่าจิตไม่หลุด
พ้น ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตภายในบ้าง พิจารณาเห็น
จิตในจิตภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นจิตในจิตทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง พิจารณา
เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในจิตบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในจิตบ้าง
พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในจิตบ้าง ย่อมอยู่ อีกอย่าง
หนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า จิตมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัย
ระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ
ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ฯ

ยังไงก็เมลมาคุยได้ครับ ถ้ามีข้อสงสัยอะไร
gorn_666@hotmail.com

ตอบเมื่อ: 22 ก.พ.2007, 4:55 pm

แฮ้ ๆ มาแจมด้วย.. สู้ สู้

ก่อนอื่นต้องขอบอกคุณก่อนเลย ว่าคุณโชคดีมาก ๆ
ดูสิ.. มีเพื่อน ๆ เข้ามาให้กำลังใจคุณกันทั้งนั้นเลย
สู้หน่อยสิ... สงสัย

คุณจะยอม ต่อสิ่งที่ไม่เคยให้กำลังใจคุณเลย ..
ง่ายขนาดนั้นเลยจริง ๆ เหรอ..
ลองนึกถึงคนที่คุณรัก ซักคนสองคนดูสิคะ
ลองนึกถึงผู้มีพระคุณต่อเรา ที่ท่านมีความหวังต่อเรา
ท่านที่พร้อมจะอยู่ข้างเรา แม้ว่าเราไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่
อายหน้าแดง

แต่ท่านก็มีความหวังของท่านเสมอ..
อย่าพึ่งทำให้ท่านผิดหวังสิคะ ท่านสู้เพื่อเรามาตั้งกี่สิบปี
อยู่ดูแลท่านให้ถึงที่สุดก่อนหน่า.. สู้มันให้เต็มที่..
คุณเคยเห็นสุนัขไหมง๋ะ (อ้าว ๆ อย่าเข้าใจเราผิดไปเชียวหน๋า...)
หมาที่มันหงอย ๆ ซึม ๆ หน่ะ แม้แต่หมาด้วยกันยังระรานเลย
แต่ถ้าตัวไหนมันมันสู้ มันดุ มันลุย แม้แต่คนยังต้องกลัวเลย เหอ ๆ
เราไปดีกว่า แต่นายเข้าใจนะ มีแต่คนอยากให้นายลุกขึ้นสู้...
สาธุ

ตอบเมื่อ: 24 ก.พ.2007, 1:20 pm

ตอบสั้น ๆ ว่าอยู่เพื่อตัวเองไง

อยู่ทำไมนะเหรออยู่เพื่อชดใช้กรรมไง กรรมหนะ หนีไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องได้รับผลของกรรมนั้นไม่ช้าก็เร็ว
คนหว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น

วิธีที่จะทำให้รู้ว่าเราอยู่เพื่อใครจริง ๆ ลองหาเวลาไปเจริญสติวิปัสสนากรรมฐานดูนะคับ ช่วยได้

ยังไงผมก็เป็นกำลังให้คุณนะคับ สู้ ๆ สู้จนก่าจะหมดกรรมของเรา

ทำดีอย่าอายใคร ........... หากคิดว่าทำดีแล้วและไม่ขัดต่อพุทธศาสนา ก็ทำไปเหอะคับ

ตอบเมื่อ: 24 ก.พ.2007, 8:31 pm

อยู่เพื่อตัวเอง ต้องรักตัวเอง

การไม่ยากอยู่ ส่วนหนึ่งเพราะรักตัวเอง

ถ้ารักตัวเอง ก็ต้องอยู่ต่อ

อยู่เพื่อสร้างสิ่งดีๆ ให้กับตัวเอง

การสร้างสิ่งดีๆ ใช่เพียงแต่ทำสิ่งต่างๆ เพื่อตัวเอง

แต่การทำสิ่งต่างๆ เพื่อคนอื่นๆ เพื่อส่วนรวม ก็เป็นการสร้างความดี

หรือจะอยู่เพื่อทำประโยชน์แก่คนอื่นๆ เพื่อส่วนรวม

ทำประโยชน์กับบุคคล สัตว์ ที่ไม่มีโอกาส

ลองถามตัวเองดู ว่าสละเวลา โอกาสให้ได้หรือเปล่า?

ซึ้ง

ผู้เยี่ยมชม

อยู่เพื่อทำความดีซิคะ
เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งที ทำอะไรได้มากมายตั้งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความดี ความชี่ว
แต่อุตส่าห์ได้เกิดมาทั้งที ก็ทำ"ดี"ให้สมกับที่เกิดมามีสิทธิ์กว่าหลายๆชีวิตที่เลือกไม่ได้

กว่าจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ คุณว่ามันยากแค่ไหน
ในโลกนี้มีตั้งหลายล้านล้านชีวิต
ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ (หมู หมา กา ไก่) ขนาดแบคทีเรียยังเป็นสิ่งมีชีวิต ประเภทหนึ่งเลย
เราต้องถือศีลมาครบ 5 ห้า ถึงจะได้เกิดมาเป็นคน
แต่จะเป็นมนุษย์ได้ ต้องเป็น "ผู้มีใจสูง" เท่านั้น

เพราะเราเกิดมาแล้ว มีสมอง มีโอกาสเลือก

ก็ควรเลือกทำในสิ่งที่ดี ทำประโยชน์ให้สมกับที่เกิดเป็น "ผู้มีใจสูง"นะคะ

ตอบเมื่อ: 26 ก.พ.2007, 11:36 am

อยู่เพื่อสร้างกุศลซิค่ะ
คนเราเกิดมาจากกรรม เรามาเพื่อชดใช้กรรม
หยุดสร้างกรรมชั่ว ทำแต่กรรมดี
ถ้าเราปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว
คำตอบจะอยู่ในใจของเรา ว่าเราควรดำเนินชีวิต
ต่อไปอย่างไร อายหน้าแดง

ผู้เยี่ยมชม

เคยอ่านในชาดก นักโทษประหารถูกหลาวเสียบตั้งแต่ก้นถึงหัว เอาหัวชี้ลงดิน มีเปรตชนิดหนึ่งชื่อเวณิกมาณเปรต(เปรตที่มีทั้งบุญและบาป) มาบอกอยู่ข้างหูว่า อย่าเพิ่งตาย อย่าเพิ่งตาย เพราะแม้แต่ความระลึกถึงกุศลแม้ชั่วอึดใจ ก็สามารถที่จะเกิดอานิสงฆ์ไม่ต้องอยู่ในนรกตลอดกาล อย่างพระเทวทัตขณะที่ถูกธรณีสูบ จิตสุดท้ายที่สำนึกได้ ขอถวายกระดูกหัวไหล่แก่พระพุทธเจ้า พระองค์ได้ให้พุทธทำนายว่า พระเทวทัตจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ชีวิตคนเรา ขอให้คิดดีไว้ก่อน นึกถึงมรณานุสติ จะสุขหรือทุกข์ทุกคนต้องตายเหมือนกันทุกคน จะไปอย่างเบาหรือหนักอยู่ที่ปัจจุบัน ทองคำกับหิน แม้จะมีค่าต่างกัน แต่ก็หนักเหมือนกัน วันนี้คือผลจากการกระทำของเราในอดึต และอนาคตคือผลของการกระทำในวันนี้ เราเลือกได้นะคะ ซึ้ง

ตอบเมื่อ: 03 มี.ค.2007, 1:55 am

ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สาธุ

ผู้เยี่ยมชม

ยังสับสนในชีวิตอยู่หรือเปล่าครับ หมายถึงยังมีปัญหาอะไรทำให้ไม่สบายใจ ทำให้เครียดอยู่รึเปล่าครับ

ในลานธรรมจักรนี้ มีเพื่อนดีๆที่ยินดีให้คำแนะนำช่วยเหลืออยู่นะครับ

แต่ถ้าเพียงสับสนว่าไม่รู้จะอยู่เพื่ออะไร อยู่เพื่อใคร ผมว่าคนเราเกิดมาแล้วก็อยู่เพื่อทำให้คนที่เรารักมีความสุข มีความปกติสุข แล้วจากนั้นก็รอวันตายครับ ส่วนอยู่เพื่อใครเหรอครับ ก็อยู่เพื่อคนที่เรารักครับ

ผู้เยี่ยมชม

คำถามน่าสนใจดีจังครับ... สำหรับผมแล้ว ผมก็อยู่เพื่อรอวันตายนะครับ แต่ก่อนจะตาย จะทำอะไรได้บ้างนั่นอีกเรื่องนึงครับ..... แล้วแต่ใครจะคิด...

แต่ถ้าให้ผมถามท่านได้บ้าง ผมขอถามท่านว่า ถ้าท่านไมคิดจะอยู่เพื่ออะไร และเพื่อใครแล้ว แล้วท่านคิดจะจากไปเพื่ออะไร และเพื่อใครละครับ...

ผู้เยี่ยมชม

เรา ตายตลอดเวลา
ความคิดเมื่อกี้ที่เพิ่งเขียนไป ก็เพิ่งตายไปหยกๆ
จะเอาอะไรล่ะ มันไม่มีให้เอานะ

มีแต่เกิด ดับ มาดูมันดีกว่า มันเกิด ดับ จริงมั๊ย

ที่ว่ามีตลอดน่ะ มันแค่ ความอยาก กับ ความเห็น และก็ดับไปตลอด ไม่ทนอยู่หรอกนะ

มีแต่ทุกข์ หาสุขไม่ได้นาน

อยู่เพื่อรู้อริยสัจ น่ะดีแล้ว น่าอยู่ หาเครื่องอยู่สักอัน จะได้ทำให้ความฟุ้งซ่าน รำคาญใจ ให้ดับไป

เครื่องอยู่ หรือที่พักใจดีๆ น่ะมีนะ ฟรีด้วย ทำเอาเอง เช่น
พอใจในการทำให้จิตเป็นกุศล
เพียรทำให้มีมาก และ ละ หรือวางจิตที่ไม่เป็นกุศลลงเสีย
คิดเรื่องที่ทำให้จิตเป็นกุศล มีอะไรบ้าง และเลิกคิดเรื่องที่ทำให้จิตไม่เป็นกุศล
ทบทวนเรื่องที่ทำให้เป็นกุศลบ่อยๆ (อิทธิบาท 4)
ก็มีแค่นี้ จิตก็ถอดถอนจาก อกุศล ได้บ้างแล้ว

ผู้เยี่ยมชม

เหตุเกิดที่ไหนควรจบที่นั่นค่ะ...
หากไม่รู้จะอยู่เพื่อคร๊าย จะอยู่ไปทำมัย ต่อไปก้อคงไม่อยู่แล้วจิ๊ อิ อิ
อย่าเพิ่งเลยค่ะ หากคิดว่าพ้นชาตินี้แล้วจะจบนั้น ไม่ใช่แล้วค่ะ
กว่าจะเกิดมาได้ยากจะแสนยาก ไหนๆก้อเกิดแล้ว
อยู่เพื่อตัวเองดีกว่า....มีจุดมุ่งหมายในชีวิตสิคะ เอ..ถ้ายังไม่มีก้อนิพพานไปเลย แล้วทำให้สำเร็จโดยเร็ว
อยู่เพื่อคนอื่น....ยังมีอีกหลายคนเกิดมาไม่มีแขน ขา ลำบากสุดๆ(วงเวียนชีวิตว่างั้น)
จิตบางดวงไม่มีโอกาสแม้จะเกิดเปงคน..ด้วยซ้ำ

แต่ที่น่าสงสารที่สุดคือ เกิดมาเป็นคนไม่ได้พบพระธรรมคำสั่งสอน
ของพระพุทธเจ้าค่ะ

ตอบเมื่อ: 19 มี.ค.2008, 9:06 pm

ตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2008, 2:20 am

แล้วสับสนเรื่องอะไร ละจ๊ะ อะไรเป็นเหตุให้สับสน ป่านนี้คงหายสับสนแล้วมัง