ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ทาน ศีล ภาวนา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
27 ก.ค.2006, 5:54 pm |
  |
ผมไม่เชื่อ ผมว่าเป็นการหลงตัวเองมากกว่า ที่ว่าเกือบได้จตตุถฌาณ มันไม่ใช่ได้กันง่ายๆ หรอกนะ แล้วยังมาบอกอีกนั่งวันแรกก็เกือบได้นะ ไม่ใช่ว่านั่งแล้วจะได้เลยมันก็ต้องเป็นตามขั้นของการนั่งภาวนา คือ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตตุถฌาน กว่าจะได้มามันไม่ใช่ง่าย ๆ อยากรู้ว่าเวลาแม่ชีนั่งนะ ได้พิจารณา อะไรบ้างรึป่าว เช่น พิจารณากาย ให้อยู่ในรูปของไม่สวยไม่งามรึป่าว หรือพิจารณาไตรลักษณ์บ้างรึป่าว สมมุติถ้าถึงได้จิงผมเคยฟังจากอาจารย์ฝ่ายกรรมฐาน (สายหลวงปู่มั่น) ว่าถ้าไม่พิจารณาต่อจนถึงละกิเลส ละสมมุติ ออกจากใจได้ พวกนิมิตและหูทิพย์ตาทิพย์และการรู้วาระจิตของผู้อื่นก้อเป็นอนิจจัง (ย่อมเสื่อมได้) ไหนๆ ก็พูดแล้ว รายการคุณป๋อง ก็เหมือนกัน เห็นตามหามาหลายปีแล้วผีนะ ยังไม่เห็นเคยเจอสักที รายการพวกนี้ทำให้คนงมงาย คำที่ว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ เป็นคำพูดที่ใช้ไม่ได้ ถ้าไม่ลบหลู่แปลว่ามันเชื่อนะสิ ผมคนหนึ่งแหละไม่เชื่อใครบอกว่าอย่าพูด หรืออย่าลบหลู่ผมก็จะบอกว่าผมไม่เชื่ออะ อาจเรียกว่าจะลบหลู่ก็ได้ เอ้าพวกท่านใช้ปัญญาและสติพิจารณากันสิ คนเรามันกลัวผีใช่ไหม ผีมันเกิดจากอะไรเล่า......เอ้าคิดกัน เกิดจากคนตายใช่รึป่าวล่ะ คนเป็นเราไม่กลัวแต่พอตามปุ๊บก็กลัว ฉะนั้น แล้ว พวกหมา พวกไก่ พวกหมู พวกมดที่ตายทำไมเราไม่กลัวกันเล่ากลับนำเนื้อมากินกันซะอีก สัตว์กับคนมันก็เหมือนกัน มีเนื้อ มีหนัง มีอวัยวะภายนอก มีอวัยวะภายในเหมือนกัน ก็คือ ประกอบด้วยธาตุ ทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เอาใช้สติปัญญาคิดสิ ผีถ้ามันมี ไม่ว่ากลางวันกลางคืนมันก็มีผีด้วยกันทั้งนั้นแหละ แต่พอกลางคืนจิตก็สมมุติว่ากลางคือผีมันออก กลางวันมันไม่ออก เอ้าก่อนเป็นผี มันเอาเวลาไหนไปทำงานเอาเวลาไหนไปเรียนเอาเวลาไหนไปเที่ยว ก็กลางวันทั้งนั้น พอมันตายมันก็ต้องอยู่ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนนะสิ ถ้ามีกลางป่านนี้คงเดินชกันแล้วล่ะผมว่า พวกเราควรเลิกเชื่อเรื่องผี มาเริ่มปฏิบัติธรรม มาเชื่อเรื่องศาสนาดีกว่า คำว่าเชื่อนี่ไม่ใช่เชื่ออย่างเดียวต้องนำเอามาปฏิบัติกันด้วย ไม่ใช้เอาแต่นั่งไว้พระ แต่ไม่ได้ เอามาปฏิบัติ สักแต่กราบอยู่ เฉยๆ เราเป็นชาติที่รักษาศาสนาไม่ใช่เป็นแบบมัวแต่รักษาแต่ไม่ได้นำมาปฏิบัติ เหมือนกับทัพพีที่อยู่ในแกงแบบนั้น คือ แกงนั้นมันอร่อย แต่ทัพพีที่อยู่ในแกงไม่สามารถที่จะรับรู้แกงนั้นได้เลยว่ามีรสชาติอย่างไร |
|
|
|
|
 |
ใบไม้แห้ง
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
27 ก.ค.2006, 9:14 pm |
  |
ทำแท้งไปแล้วนั้นมันกลับไปแก้ไขว่าไม่ทำนั้นมันไม่ได้ กรรมจากการฆ่ามันเกิดแล้วผนวกกับมีเวรต่อกันด้วย อย่าเพิ่งตกใจจะบอกวิธีแก้ให้...ไปทำสังฆทานแล้วกรวดนำอุทิศผลบุญให้แก่เด็กที่แท้งนั้น รวมทั้งขออโหสิกรรมต่อกันเสีย กรรมจากการอโหสิกรรมจะหมดไปทันที เหลือกรรมจากการฆ่านะ ให้พยายามทำสมาธิทุกวันก่อนนอนก็ได้ ทำใจให้ว่างจากความคิดสัก ๑๐ ถึง ๑๕ นาที หลังจากนั้นก็อุทิศผลบุญให้กับเด็กที่ทำแท้งทุกวัน ทำใจให้ผ่องใส นานวันไปก็ลืมไปเอง ให้นึกถึงบุญที่ทำสมาธิบ่อยๆ บุญจากสมาธิจะส่งผลให้เกิดสุข เวลาที่มีปัญหาก็แก้ปัญหาไป อย่าพยายามหนีปัญหา ตั้งสติให้ดีให้มั่น แก้ไขทีละอย่าง อย่าพะวงให้มากมาย ทุกข์กับสุขมันอยู่คู่กับเรา อยู่ที่ว่าเราจะเลือกเอาทุกข์หรือเอาสุขมาใส่ใจมากกว่ากันก็เท่านั้นเอง |
|
|
|
|
 |
แมวขาวมณี
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2006
ตอบ: 307
|
ตอบเมื่อ:
04 ส.ค. 2006, 1:21 am |
  |
ผู้ที่ข้องใจสงสัย น่าจะลองศึกษาและเร่งการปฏิบัติธรรมดูดีม่ะ
เชื่อหรือไม่ แม่ชีก็ได้กุศลที่ช่วย ปัดเป่าทุกข์ให้เพื่อนมนุษย์ไปมากมายแล้ว
วันนี้เราได้ทำอะไรเพื่อเพื่อนมนุษย์และตัวเองบ้าง
ดูแลตัวเองให้พ้นทุกข์ดีกว่าค่ะ จะได้ไปเป็นภาระกับสังคมหรือผู้อื่นในวันหน้า |
|
|
|
   |
 |
pump
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 07 พ.ย. 2006
ตอบ: 12
ที่อยู่ (จังหวัด): pathumthani
|
ตอบเมื่อ:
07 พ.ย.2006, 11:27 pm |
  |
ง่า.....
จะไม่เถียงไม่ใช้ละอ่า
กรรมจิงๆๆ  |
|
|
|
  |
 |
chidsanucha
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 23 ม.ค. 2007
ตอบ: 6
|
ตอบเมื่อ:
27 ม.ค. 2007, 5:15 pm |
  |
เรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน บางครั้งการแสดงความคิดเห็นบางอย่างออกไป ซึ่งก็เข้าใจว่าการแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องของตัวบุคคล ต้องระวังอาจจะกลายเป็นการปรามาสคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ และเชื่อว่าท่านที่แสดงความคิดเห็นยังไม่มีผู้ใดบรรลุธรรมจนสามารถบอกได้ว่าอะไรผิดอะไรถูก และยังมีอะไรอีกมากมายที่พวกเรายังไม่รู้ โดยเฉพาะพระพุทธศาสนาของเราละเอียดมาก ทั้งคำสอนและการปฏิบัติ จึงอยากให้พวกเราระวังให้มาก  |
|
|
|
  |
 |
chidsanucha
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 23 ม.ค. 2007
ตอบ: 6
|
ตอบเมื่อ:
27 ม.ค. 2007, 5:34 pm |
  |
เพิ่มอีกหน่อยนะครับ ผมอ่านข้อคิดเห็นบางท่าน รู้สึกไม่สบายใจเลยครับ รุนแรงพอสมควร อย่าลืมว่าการปฏิบัติธรรมเป็นการศึกษาอย่างหนึ่ง ที่แตกต่างไปจากการศึกษาทางโลกที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ทางธรรมเป็นเพรียง จิตเป็นนามธรรม จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่ควรไปหมิ่นใคร อย่างแม่ชีท่าน เราก็ไม่รู้ว่าท่านบรรลุธรรมไปถึงไหนแล้ว เรามามองในสิ่งที่เป็นประโยชน์ดีกว่า ท่านก็ช่วยมนษย์มาก็เยอะนะครับ อย่างที่ผมบอกอาจจะเป็นการปรามาสคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ และสิ่งนี้จะไปขวางกั้นการบำเพ็ญธรรมของท่านนะ อย่าลืมว่าธรรมะนั้นยังมีอะไรอีกมากมายที่ท่านทั้งหลายยังไม่เข้าถึง หยุดเถอะครับ |
|
|
|
  |
 |
พิมเสน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
06 ก.พ.2007, 7:39 am |
  |
ระลึกชาติได้ ใครๆ ก็พูดได้ แล้วจะจริงหรือไม่จริงก็ไม่มีใครเป็นพยานรู้เห็น
ฉะนั้นผู้ที่เข้าถึงภูมิของอริยะบุคคลได้อย่างแท้จริงแล้ว จะไม่มาบอกใครๆ ว่าระลึกชาติได้
แม่ชีสอนการภาวนาอย่างไร ตรงนี้ต่างหากที่จะพิสูจน์ได้ว่า แม่ชีปฏิบัติธรรมถูกทางหรือผิดทาง |
|
|
|
|
 |
ธนกร สงวนน้อย
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 11 ก.พ. 2007
ตอบ: 3
ที่อยู่ (จังหวัด): นนทบุรี
|
ตอบเมื่อ:
12 ก.พ.2007, 12:38 am |
  |
ใช้ปัญญา พิจารณาธรรม แล้วจะเข้าใจเอง |
|
_________________ ปัญญา เป็นแก้ว ของนรชน |
|
   |
 |
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 ก.พ.2007, 9:54 am |
  |
casy99 พิมพ์ว่า: |
เท่าที่ทราบการบรรลุธรรมระดับอริยะหรือได้ฌาณสมาบัติ จะมาพูดอย่างนี้ไม่ได้ |
 |
|
|
|
|
 |
พม.ธนสิทธิ์ อิทฺธิปญฺโญ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
18 มี.ค.2007, 6:43 am |
  |
การที่เรารู้กรรมในอดีตได้ไม่ว่าจะเป็นไปด้วยวิธีใดก็ตาม เรานั้นต้องมีสติและคิดดำริต่อไปให้ได้ว่า จะทำอย่างไรต่อไปเพื่อให้ดียิ่งขึ้นไปและเพื่อหนทางอันยาวไกลของวัฏฏะสงสารนี้ ส่วนแม่ชีทศพรทำดีแล้วที่คอยเตือนสาธุชนให้รู้เรื่องกรรมในอดีตแล้วหาวิธีทางแก้กรรม ขออนุโมทนาสาธุการในเจตนารมณ์ |
|
|
|
|
 |
ไม้อ่อน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2007
ตอบ: 62
|
ตอบเมื่อ:
13 เม.ย.2007, 2:36 pm |
  |
วิธี และความคิดของคนไม่เหมือนกัน คนที่ไม่รู้จักเขาจริงก็ไม่ควรกล่าวร้ายเค้า
หากเค้าเป็นจริงจะเป็นบาปเสียเปล่า หากไม่เห็นวิธีเค้าดี ควรเร่งศึกษาตามความเข้าใจของตน
ดีกว่า จ้องทำลายกันจะดีกว่าไหม วิธีการไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แต่จุดหมายเหมือนกัน
ก็อย่าว่ากันเลย ศาสนายังมีตั้ง หลายศาสนา และยังมีลัทธิที่แตกต่างอีก นั้นแสดงว่าความถนัด
ความสามารถของคนไม่เหมือนกัน อย่าพยายามให้ใครต้องเหมือนเราเลยมันเป็นไปได้ยาก
หากไม่ถูกใจใครก็อ่านข้ามความคิดนี้ไป อย่ามีอารมณืต่อกัน ท่านก็ถูก เราไม่ผิด เพราะมุ่งหา
ธรรมะด้วยกันทั้งสิ้น ฉะนั้นเราอย่าเปรียบเทียบและมุ่งหาจุดเสียของผู้อื่นเลย เร่งศึกษาและปฏิบัติกันจะเป็นประโยชน์เสียกว่า สาธุ  |
|
|
|
  |
 |
ฟ้าค่ะ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
18 มิ.ย.2007, 4:08 pm |
  |
แม่ชีดีจริงๆนะคะ เพราะจากการที่ได้เข้าไปปฏิบัติแล้วท่านถือได้ว่าเป็นผู้ให้ธรรมะ ท่านมาสอนมาบอกได้เพราะว่าท่านไม่ใช่พระสงฆ์ เมื่อเรารู้เหตุที่เกิดจากทุกข์เราก็แก้ทุกข์นั้นได้ อยากให้ทุกๆท่านได้เข้าไปสัมผัสดูค่ะ |
|
|
|
|
 |
ผู้ปฏิบัติดี
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 13 มิ.ย. 2008
ตอบ: 12
ที่อยู่ (จังหวัด): chaingmai
|
ตอบเมื่อ:
16 มิ.ย.2008, 1:11 pm |
  |
ทำดีต่อไปเถอะ...แล้วสิ่งดี ดี ต่างๆๆจะตามมาเอง  |
|
_________________ ปัจจุบันเป็นอย่างไร กรรมได้ลิขิตไว้แล้ว |
|
   |
 |
ปริญญา ไชยา
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 18 ก.ค. 2008
ตอบ: 127
ที่อยู่ (จังหวัด): ราชบุรี
|
ตอบเมื่อ:
28 ก.ค.2008, 7:52 pm |
  |
ผมคิดว่าคนเราไม่เจอกับตัวก็ไม่เชื่อ...
ท่านบอกกรรมเราก็ดีแล้ว...เราจะได้แก้กรรมได้...
แต่หากคิดว่ารู้แล้วจะได้อะไร....มันก็เท่านั้น...
เดี๋ยวจะบาป...แต่การพบแม่ชีไม่ได้บอกแค่กรรมเก่า....
หากคนเราคิดสักนิดว่าเราควรทำอย่างไรต่อไป...
ก็คือสิ่งทื่ท่านแม่ชีชี้แนะได้ผล...แล้วเรามานั่งกัมมฐานดู...
เพื่อการแก้กรรมวิธีนึง...หากเรามีอคติแล้ว...ทำอย่างไรก็ไม่ได้ผล..
.........................จบ |
|
|
|
   |
 |
บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
24 ส.ค. 2008, 2:36 pm |
  |
นานาจิตตัง เจ้าค่ะ  |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|
  |
 |
|